รีวิวตม. กับการสัมภาษณ์วีซ่า B2 อเมริกา โดยมีสปอนเซอร์เป็นพี่สาวแท้ๆ ที่ถือ us passport
เนื่องจากเราเคยได้ยินหลายคนพูดปากต่อปากว่า อเมริกาถ้ามีญาติ เป็นสปอนเซอร์ให้จะผ่านยาก กว่าขอท่องเที่ยวทั่วไป จึงอยากมาแก้ไขความเข้าใจผิดเรื่องนี้เอามากๆ
เกริ่นก่อนนะ พี่สาวเราแต่งงานมายาวนานประมาณนึง เรียนจบโทพยาบาลวิชาชีพ และเพิ่งรับปริญญาเมื่อต้นเดือนมิ.ย. 66 ซึ่งเราทำการกรอกเอกสารตั้งแต่ช่วงมค.-กพ.แล้ว แต่ไม่ได้วันนัดสัมภาษณ์ก่อนวันที่รับปริญญา จึงทำการเลือกวันอื่น และระบุเป็นเรื่องของการเฉลิมฉลองหลังปริญญาแทน..
ตอนนี้กลับมาที่เรื่องเอกสาร DS160
เรากับพี่สาว ช่วยกันกรอกของพ่อและแม่ และของเราเอง อ่านทุกขั้นตอน ทุกตัวหนังสือ กรอกค่อยๆ อย่างละเอียด
1. พ่อเรารีไทน์แล้ว ไม่ทำงานไม่มีรายได้ ก้แจ้งไปเลย
2. แม่เราเปิดร้านชำในหมู่บ้าน และ
3. เราทำงานบริษัทมา10ปี ทำงานอะไรบ้างแจกแจงออกมา เงินเดือนที่ระบุคือ 25,000 บาท ข้อมูลตรงนี้ควรเป็นความจริงทั้งหมด อธิบายการทำงานเราไปเลยว่าทำอะไร แม้กระทั่งการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนมากี่ชื่อใส่ให้หมด
มาถึงเรื่องแปลเอกสาร เอกสารพื้นฐานตามที่หลายคนรีวิว
-ทะเบียนบ้าน/ใบแจ้งเปลี่ยนชื่อ/ใบรับรองการเกิด/ทะเบียนหย่า-สมรส เหล่านี้ขอเป็นภาษาอังกฤษได้ที่อำเภอเลยคะ ไม่ต้องจ้างให้แพง ชุดละ 20 บาท
- Statement ย้อนหลัง 6เดือน กดขอฟรีจากแอพธนาคารเลยคะ เรากดขอก่อนสัมภาษณ์แค่3วัน แล้วปรินท์เองเลยคะ แต่ถ้าใครมี50หน้าขึ้นไปแบบแม่เรา ขอแนะนำว่าจ่ายค่าออกเอกสารกับธนาคาร 200 บาท ก้น่าจะคุ้มอยู่นะ
-ใบทะเบียนการค้า/โฉนดที่ดินอะไรพวกนี้ เราไม่ได้แปลเลยคะ แต่ตัวโฉนด เราไปกดปรินท์มูลค่าประเมินจากเว็บกรมธนารักษ์เลย โดยเปลี่ยนเว็บเป็นภาษาอังกฤษ ก้จะปรินท์ราคาประเมินของที่ดินเรา ออกมามี Eng กำกับอยู่พอให้เข้าใจ แนบกะหน้าโฉนดไปชุดใครชุดมัน
-ใบรับรองการทำงานเรา ขอบริษัทออกให้
ในส่วนเอกสารสปอนเซอร์
- จดหมายเชิญชวนจากสปอนเซอร์ ซึ่งพี่สาวเราเขียนข้อความครอบคลุมมาก แจ้งเหตุผลเชิญ ก็คืออยากให้ครอบครัวได้มาร่วมเฉลิมฉลองกันที่นู้น อาชีพ รายได้ เงินเดือน และระบุว่าเป็นคนออกคชจ.ให้ทั้งหมด ค่าอะไรบ้าง เดินทางวันไหน ข้อมูลในจม. ครบถ้วน
- Copy Passport Sponsor
- Copyใบประกาศนียบัตร
- จดหมายรับรองการทำงานจากฝั่งนู้น
- Statement ทั้ง Saving และ Checking ย้อนหลังอย่างน้อย 4 เดือน ของทุกธนาคารที่มี
- หนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย w2 / 1040 ย้อนหลัง 3ปี
- เอกสารรายได้หลังเกษียณ
- หนังสือเช่าอพาร์เมนท์
- i134 เอกสารให้สปอนเซอร์เป็นคนทำ ตอนนั้นคือทำมาก่อน ขอเอกสารแน่นๆ
นี้คือทั้งหมดที่มี มันหนักมากกกกกก
มาถึงวันสัมภาษณ์ ปิดมือถือฝากได้ที่จุดตรวจแสกนกระเป๋าฟรี ในส่วนของ
**พาวเวอร์แบงค์/นาฬิกาดิจิตอล/หูฟังบลูทูธ** ห้ามเอาไปเด็ดขาด** ไม่งั้นต้องวิ่งไปฝากข้างนอก ค่าฝาก 100 บาท
ถึงเวลาเข้าสถานฑูต
- ช่องตรวจเอกสาร
จนท1 : เคยเปลี่ยนชื่อสกุลมาก่อนมั้ย
เรา : ไม่เคยคะ
จนท1 : เคยได้วีซ่ามาก่อนมั้ยคับ
เรา : ครั้งที่J1 คะ ครั้งที่2 ขอF1 ไม่
ผ่านคะ
จนท1 : ขอดูวีซ่าเก่าหน่อยคับ
เรา : หายคะ
จนท1 : ตอนนั้นชื่อพาสปอร์ตไม่ใช่แบบนี้ใช่
มั้ย เหมือนจะสะกดต่างกัน
เรา : สักครู่นะคะ รื้อหาเอกสารเก่าที่มีชื่อ
ระบุ เลยเพิ่งนึกออก อ้อใช่คะ
นามสกุลไทยไม่เปลี่ยนคะ แต่
เปลี่ยนตัวสะกดภาษาอังกฤษคะ
จนท1 : คีย์แกร๊กๆๆ
จนท1 : ตอนนี้ทำงานอะไรคับ
เรา : ตอบตามที่กรอก Ds160
จนท1 : ชื่อบริษัทอะไรคับ
เรา : เราบริษัท xxx ตามDs160
จนท1 : ทำมากี่ปีแล้วคับ
เรา : 10ปีคะ
จนท1 : รูปคุณพ่อไม่ผ่านนะครับ รบกวน
ไปถ่ายใหม่ ถ่ายเสร็จกลับมา
ต่อแถวรอคิวยื่นเอกสารใหม่
จนท2 : สอบถามคุณพ่อคะ ตอนนี้ทำงาน
อะไรคะ
พ่อ : ตอนนี้ผมเกษียณแล้วคับ ไม่ได้
ทำงาน
จนท2 : ปีนี้คุณแม่อายุเท่าไหร่คะ
แม่ : แจ้งอายุ
จนท2 : ชื่อคุณแม่เคยเปลี่ยนมั้ยคะ
แม่เรา : เคยคะ ก้แจ้งชื่อตาม
ลำดับไป ต้องตรงกับเอกสาร
Ds160 ที่กรอกนะ
จนท3 : สแกนลายนิ้วมือคะ ช่องนี้จะ
เป็นอเมริกันเลยพูด Eng กับเรา
จนท3 : เรียบร้อยคะ ไปต่อแถวได้เลยคะ
เราเดินไปต่อแถวช่องสัมภาษณ์ ให้พ่อกับแม่นั่งรอไปก่อน จนถึงคิวเราค่อยให้เดินมาหา
จนท. สัมภาษณ์วีซ่า มี 3 ช่อง เราไม่มีสิทธิเลือก ช่องไหนว่าง คิวต่อไปต้องเดินเข้าทันที เราได้ช่องกลาง จนท.หญิงวัยกลางคน ผมหยักโศก ยิ้มสวย ท่าทางใจดี ตอนเดินเข้าไป เราทักทายสวัสดีคะ
จนท4 : ขอพาสปอร์ตคะ
จนท4 : คุณไปทำอะไรที่อเมริกา
เรา : เราจะไปหาพี่สาว และไปร่วม
เฉลิมฉลองงานรับปริญญาที่
นู้นกับครอบครัว พี่สาวเราเพิ่งรับ
ปริญญาโทปีนี้คะ
จนท4 : ว้าวดีจัง มหาลัยอะไร
เรา : บอกชื่อมหาลัย
จนท4 : ที่ไหนนะคะ
เรา : บอกชื่อมหาลัย พร้อมเมืองอีกที
จนท4 : กดคีย์คีย์
บอกรายละเอียดงานที่คุณทำให้
ฟังหน่อย
เรา : บอกรายละเอียดงานตามที่
กรอกใน Ds160 เลยคะ เพราะ
ตอนเราบอก เราเห็นเจ้าหน้าที่
เหมือนกำลังอ่านในจอเลย พอเรา
ตอบตรง เค้าก้โอเค
จนท4 : ทำมากี่ปีแล้ว
เรา : 10ปีคะ
จนท4 : คุณไปพร้อมกันทั้งครอบครัวใช่
มั้ย แต่ในนี้มีคนระบุว่ามีคนรีไทน์
ช่วยบอกหน่อยว่าเอาคชจ.จาก
ไหน ในการเดินทาง
เรา : เราทำงานบริษัทอาเรา ซึ่งก่อน
หน้าที่พ่อเราเป็นเจ้าของบริษัทคะ
แต่ตอนนี้รีไทน์แล้ว ให้อาเราดูแล
แทน และการเดินทางครั้งนี้พี่สาว
เราเป็นสปอนเซอร์ ออกค่าใช้จ่าย
ให้ทั้งหมดเลยคะ เรามีจดหมาย
เชิญนะ พร้อมถือชูให้จนท.ดู
จนท4 : อ้อ Business Family
เรา : ใช่คะ
จนท4 : ขอดูจดหมายหน่อยสิ
เรา : ยื่นจดหมายเชิญ + แอบใส่ copy
us passportของพี่สาว / ก้อปปี้
ใบประกาศนียบัตรจบ / หนังสือ
รับรองเงินเดือนและสลิป4เดือน
สอดไปให้พร้อมกันเลย
จนท4 : อ่านจดหมายเชิญ เปิดดูแผ่นอื่นๆ
คีย์ๆข้อมูลแกร๊กกก
จนท4 : พี่สาวถือ us passport ใช่มั้ย
เรา : ใช่คะ
จนท4 : แล้วถือได้อย่างไร
เรา : แต่งงานคะ
จนท4 : OK
จนท4 : คุณมีหลานมั้ย
เรา : ไม่มีคะ
จนท4 : ยินดีด้วยคุณได้วีซ่า
เรา : ฮะ
จนท4 : บอก Yes!!!
แม่เราที่เงียบมาตลอดเลยขอบคุณคะ ขอบคุณคะ แบบงงๆ พร้อมพากันเดินออกมา
ที่อยากจะบอกคือข้อมูลที่กรอก ตรงตามความจริงนั้น สำคัญที่สุด!!! ในขณะเดียวกัน เราเตรียมเรียบเรียงคำตอบมาเป็น 10คำถาม เอกสารอีกเป็นรีม ไม่ขอดูสักกะแผ่น สเตทเม้นใดๆของเรากับแม่ ก้คือไม่ดูเลยจริงๆ เอกสารหนึ่งชุดถ้วนที่ดูคือชุดที่เรายื่นเสนอให้เค้าเอง.. แล้วสถานการณ์ตอนสัมภาษณ์หูอื้อมาก เรียงคำสลับไปมา แต่จนท.ก้พยายามฟังที่เราตอบอย่างดี.. ให้เค้าทวนคำถามก้มี จนงงตัวเอง ..แต่นี้คือสิ่งที่เราสัมผัสได้ คือความตั้งใจ ความมั่นใจ ว่าเราไปเที่ยว ไปเฉลิมฉลองจริงๆ ไม่ได้มีนัยยะอย่างอื่นแอบแฝง
วีซ่าอเมริกา ..
งงที่สุด ตอนกรอกเอกสาร
ยุ่งยากที่สุด ตอนเตรียมเอกสาร
รอนานที่สุด ตอนจองคิวสัมภาษณ์
และยากที่สุด ตอนต้องควบคุมตัวเองให้ไม่ตื่นเต้นตอนสัมภาษณ์
คำถามจนท. ไม่ยากเลย แค่คุณต้องพิสูจน์ให้เค้ารู้ ว่าจุดประสงค์ที่คุณจะไป คืออะไร และพร้อมที่จะกลับมายังถิ่นพำนักแน่นอน..
เอาใจช่วยทุกๆคนนะคะ หวังว่าสัมภาษณ์นี้จะช่วยให้ทุกคน ได้เตรียมความพร้อมอย่างดีก่อนวันนัดสัมภาษณ์บ้างนะคะ 😍
รีวิวสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาB2 03/08/2023
เนื่องจากเราเคยได้ยินหลายคนพูดปากต่อปากว่า อเมริกาถ้ามีญาติ เป็นสปอนเซอร์ให้จะผ่านยาก กว่าขอท่องเที่ยวทั่วไป จึงอยากมาแก้ไขความเข้าใจผิดเรื่องนี้เอามากๆ
เกริ่นก่อนนะ พี่สาวเราแต่งงานมายาวนานประมาณนึง เรียนจบโทพยาบาลวิชาชีพ และเพิ่งรับปริญญาเมื่อต้นเดือนมิ.ย. 66 ซึ่งเราทำการกรอกเอกสารตั้งแต่ช่วงมค.-กพ.แล้ว แต่ไม่ได้วันนัดสัมภาษณ์ก่อนวันที่รับปริญญา จึงทำการเลือกวันอื่น และระบุเป็นเรื่องของการเฉลิมฉลองหลังปริญญาแทน..
ตอนนี้กลับมาที่เรื่องเอกสาร DS160
เรากับพี่สาว ช่วยกันกรอกของพ่อและแม่ และของเราเอง อ่านทุกขั้นตอน ทุกตัวหนังสือ กรอกค่อยๆ อย่างละเอียด
1. พ่อเรารีไทน์แล้ว ไม่ทำงานไม่มีรายได้ ก้แจ้งไปเลย
2. แม่เราเปิดร้านชำในหมู่บ้าน และ
3. เราทำงานบริษัทมา10ปี ทำงานอะไรบ้างแจกแจงออกมา เงินเดือนที่ระบุคือ 25,000 บาท ข้อมูลตรงนี้ควรเป็นความจริงทั้งหมด อธิบายการทำงานเราไปเลยว่าทำอะไร แม้กระทั่งการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนมากี่ชื่อใส่ให้หมด
มาถึงเรื่องแปลเอกสาร เอกสารพื้นฐานตามที่หลายคนรีวิว
-ทะเบียนบ้าน/ใบแจ้งเปลี่ยนชื่อ/ใบรับรองการเกิด/ทะเบียนหย่า-สมรส เหล่านี้ขอเป็นภาษาอังกฤษได้ที่อำเภอเลยคะ ไม่ต้องจ้างให้แพง ชุดละ 20 บาท
- Statement ย้อนหลัง 6เดือน กดขอฟรีจากแอพธนาคารเลยคะ เรากดขอก่อนสัมภาษณ์แค่3วัน แล้วปรินท์เองเลยคะ แต่ถ้าใครมี50หน้าขึ้นไปแบบแม่เรา ขอแนะนำว่าจ่ายค่าออกเอกสารกับธนาคาร 200 บาท ก้น่าจะคุ้มอยู่นะ
-ใบทะเบียนการค้า/โฉนดที่ดินอะไรพวกนี้ เราไม่ได้แปลเลยคะ แต่ตัวโฉนด เราไปกดปรินท์มูลค่าประเมินจากเว็บกรมธนารักษ์เลย โดยเปลี่ยนเว็บเป็นภาษาอังกฤษ ก้จะปรินท์ราคาประเมินของที่ดินเรา ออกมามี Eng กำกับอยู่พอให้เข้าใจ แนบกะหน้าโฉนดไปชุดใครชุดมัน
-ใบรับรองการทำงานเรา ขอบริษัทออกให้
ในส่วนเอกสารสปอนเซอร์
- จดหมายเชิญชวนจากสปอนเซอร์ ซึ่งพี่สาวเราเขียนข้อความครอบคลุมมาก แจ้งเหตุผลเชิญ ก็คืออยากให้ครอบครัวได้มาร่วมเฉลิมฉลองกันที่นู้น อาชีพ รายได้ เงินเดือน และระบุว่าเป็นคนออกคชจ.ให้ทั้งหมด ค่าอะไรบ้าง เดินทางวันไหน ข้อมูลในจม. ครบถ้วน
- Copy Passport Sponsor
- Copyใบประกาศนียบัตร
- จดหมายรับรองการทำงานจากฝั่งนู้น
- Statement ทั้ง Saving และ Checking ย้อนหลังอย่างน้อย 4 เดือน ของทุกธนาคารที่มี
- หนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย w2 / 1040 ย้อนหลัง 3ปี
- เอกสารรายได้หลังเกษียณ
- หนังสือเช่าอพาร์เมนท์
- i134 เอกสารให้สปอนเซอร์เป็นคนทำ ตอนนั้นคือทำมาก่อน ขอเอกสารแน่นๆ
นี้คือทั้งหมดที่มี มันหนักมากกกกกก
มาถึงวันสัมภาษณ์ ปิดมือถือฝากได้ที่จุดตรวจแสกนกระเป๋าฟรี ในส่วนของ
**พาวเวอร์แบงค์/นาฬิกาดิจิตอล/หูฟังบลูทูธ** ห้ามเอาไปเด็ดขาด** ไม่งั้นต้องวิ่งไปฝากข้างนอก ค่าฝาก 100 บาท
ถึงเวลาเข้าสถานฑูต
- ช่องตรวจเอกสาร
จนท1 : เคยเปลี่ยนชื่อสกุลมาก่อนมั้ย
เรา : ไม่เคยคะ
จนท1 : เคยได้วีซ่ามาก่อนมั้ยคับ
เรา : ครั้งที่J1 คะ ครั้งที่2 ขอF1 ไม่
ผ่านคะ
จนท1 : ขอดูวีซ่าเก่าหน่อยคับ
เรา : หายคะ
จนท1 : ตอนนั้นชื่อพาสปอร์ตไม่ใช่แบบนี้ใช่
มั้ย เหมือนจะสะกดต่างกัน
เรา : สักครู่นะคะ รื้อหาเอกสารเก่าที่มีชื่อ
ระบุ เลยเพิ่งนึกออก อ้อใช่คะ
นามสกุลไทยไม่เปลี่ยนคะ แต่
เปลี่ยนตัวสะกดภาษาอังกฤษคะ
จนท1 : คีย์แกร๊กๆๆ
จนท1 : ตอนนี้ทำงานอะไรคับ
เรา : ตอบตามที่กรอก Ds160
จนท1 : ชื่อบริษัทอะไรคับ
เรา : เราบริษัท xxx ตามDs160
จนท1 : ทำมากี่ปีแล้วคับ
เรา : 10ปีคะ
จนท1 : รูปคุณพ่อไม่ผ่านนะครับ รบกวน
ไปถ่ายใหม่ ถ่ายเสร็จกลับมา
ต่อแถวรอคิวยื่นเอกสารใหม่
จนท2 : สอบถามคุณพ่อคะ ตอนนี้ทำงาน
อะไรคะ
พ่อ : ตอนนี้ผมเกษียณแล้วคับ ไม่ได้
ทำงาน
จนท2 : ปีนี้คุณแม่อายุเท่าไหร่คะ
แม่ : แจ้งอายุ
จนท2 : ชื่อคุณแม่เคยเปลี่ยนมั้ยคะ
แม่เรา : เคยคะ ก้แจ้งชื่อตาม
ลำดับไป ต้องตรงกับเอกสาร
Ds160 ที่กรอกนะ
จนท3 : สแกนลายนิ้วมือคะ ช่องนี้จะ
เป็นอเมริกันเลยพูด Eng กับเรา
จนท3 : เรียบร้อยคะ ไปต่อแถวได้เลยคะ
เราเดินไปต่อแถวช่องสัมภาษณ์ ให้พ่อกับแม่นั่งรอไปก่อน จนถึงคิวเราค่อยให้เดินมาหา
จนท. สัมภาษณ์วีซ่า มี 3 ช่อง เราไม่มีสิทธิเลือก ช่องไหนว่าง คิวต่อไปต้องเดินเข้าทันที เราได้ช่องกลาง จนท.หญิงวัยกลางคน ผมหยักโศก ยิ้มสวย ท่าทางใจดี ตอนเดินเข้าไป เราทักทายสวัสดีคะ
จนท4 : ขอพาสปอร์ตคะ
จนท4 : คุณไปทำอะไรที่อเมริกา
เรา : เราจะไปหาพี่สาว และไปร่วม
เฉลิมฉลองงานรับปริญญาที่
นู้นกับครอบครัว พี่สาวเราเพิ่งรับ
ปริญญาโทปีนี้คะ
จนท4 : ว้าวดีจัง มหาลัยอะไร
เรา : บอกชื่อมหาลัย
จนท4 : ที่ไหนนะคะ
เรา : บอกชื่อมหาลัย พร้อมเมืองอีกที
จนท4 : กดคีย์คีย์
บอกรายละเอียดงานที่คุณทำให้
ฟังหน่อย
เรา : บอกรายละเอียดงานตามที่
กรอกใน Ds160 เลยคะ เพราะ
ตอนเราบอก เราเห็นเจ้าหน้าที่
เหมือนกำลังอ่านในจอเลย พอเรา
ตอบตรง เค้าก้โอเค
จนท4 : ทำมากี่ปีแล้ว
เรา : 10ปีคะ
จนท4 : คุณไปพร้อมกันทั้งครอบครัวใช่
มั้ย แต่ในนี้มีคนระบุว่ามีคนรีไทน์
ช่วยบอกหน่อยว่าเอาคชจ.จาก
ไหน ในการเดินทาง
เรา : เราทำงานบริษัทอาเรา ซึ่งก่อน
หน้าที่พ่อเราเป็นเจ้าของบริษัทคะ
แต่ตอนนี้รีไทน์แล้ว ให้อาเราดูแล
แทน และการเดินทางครั้งนี้พี่สาว
เราเป็นสปอนเซอร์ ออกค่าใช้จ่าย
ให้ทั้งหมดเลยคะ เรามีจดหมาย
เชิญนะ พร้อมถือชูให้จนท.ดู
จนท4 : อ้อ Business Family
เรา : ใช่คะ
จนท4 : ขอดูจดหมายหน่อยสิ
เรา : ยื่นจดหมายเชิญ + แอบใส่ copy
us passportของพี่สาว / ก้อปปี้
ใบประกาศนียบัตรจบ / หนังสือ
รับรองเงินเดือนและสลิป4เดือน
สอดไปให้พร้อมกันเลย
จนท4 : อ่านจดหมายเชิญ เปิดดูแผ่นอื่นๆ
คีย์ๆข้อมูลแกร๊กกก
จนท4 : พี่สาวถือ us passport ใช่มั้ย
เรา : ใช่คะ
จนท4 : แล้วถือได้อย่างไร
เรา : แต่งงานคะ
จนท4 : OK
จนท4 : คุณมีหลานมั้ย
เรา : ไม่มีคะ
จนท4 : ยินดีด้วยคุณได้วีซ่า
เรา : ฮะ
จนท4 : บอก Yes!!!
แม่เราที่เงียบมาตลอดเลยขอบคุณคะ ขอบคุณคะ แบบงงๆ พร้อมพากันเดินออกมา
ที่อยากจะบอกคือข้อมูลที่กรอก ตรงตามความจริงนั้น สำคัญที่สุด!!! ในขณะเดียวกัน เราเตรียมเรียบเรียงคำตอบมาเป็น 10คำถาม เอกสารอีกเป็นรีม ไม่ขอดูสักกะแผ่น สเตทเม้นใดๆของเรากับแม่ ก้คือไม่ดูเลยจริงๆ เอกสารหนึ่งชุดถ้วนที่ดูคือชุดที่เรายื่นเสนอให้เค้าเอง.. แล้วสถานการณ์ตอนสัมภาษณ์หูอื้อมาก เรียงคำสลับไปมา แต่จนท.ก้พยายามฟังที่เราตอบอย่างดี.. ให้เค้าทวนคำถามก้มี จนงงตัวเอง ..แต่นี้คือสิ่งที่เราสัมผัสได้ คือความตั้งใจ ความมั่นใจ ว่าเราไปเที่ยว ไปเฉลิมฉลองจริงๆ ไม่ได้มีนัยยะอย่างอื่นแอบแฝง
วีซ่าอเมริกา ..
งงที่สุด ตอนกรอกเอกสาร
ยุ่งยากที่สุด ตอนเตรียมเอกสาร
รอนานที่สุด ตอนจองคิวสัมภาษณ์
และยากที่สุด ตอนต้องควบคุมตัวเองให้ไม่ตื่นเต้นตอนสัมภาษณ์
คำถามจนท. ไม่ยากเลย แค่คุณต้องพิสูจน์ให้เค้ารู้ ว่าจุดประสงค์ที่คุณจะไป คืออะไร และพร้อมที่จะกลับมายังถิ่นพำนักแน่นอน..
เอาใจช่วยทุกๆคนนะคะ หวังว่าสัมภาษณ์นี้จะช่วยให้ทุกคน ได้เตรียมความพร้อมอย่างดีก่อนวันนัดสัมภาษณ์บ้างนะคะ 😍