แชร์ประสบการณ์ ผ่าตัดถุงน้ำดี

สวัสดีค่ะ เราอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ไปผ่าตัดถุงน้ำดีมาค่ะ โดยเริ่มแรกย้อนไปถึงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เราตรวจร่างกายครั้งแรก พบว่า มีปัญหาถุงน้ำดีหนาตัวผิดปกติ คนอื่นๆเค้าจะอัลตราซาวด์แล้วเห็นเป็นเส้นบางๆกัน แต่ขอบเรากลับหนาเป็นปื้น หมอที่เห็นเค้าตกใจ และถามเราว่ามีอาการอะไรหรือไม่ เราบอกว่าไม่มีอาการอะไร เค้าเลยเหมือนเขียนในประวัติว่า ถุงน้ำดีมีความผิดปกติ

หลังจากนั้น เราก็ follow up เกี่ยวกับถุงน้ำดีมาตลอด ซึ่งระยะห้าหกปีแรก ก็ไม่มีอาการอะไร แต่ช่วงหลังๆ จะเริ่มรู้สึกว่าปวดท้องบริเวณด้านขวา เวลาที่กินอะไรมันๆมากๆ คำว่ามากๆคือระดับกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง AKA อะไรประมาณนี้เลยนะคะ แต่ถ้ากินปกติ ก็ไม่ได้มีอาการอะไร อัลตราซาวด์ทุกปี ถุงน้ำดีก็ยังคงเป็นแบบเดิม คือหนาตัว และมีเหมือนโคลนๆทรายๆ แต่ไม่เจอนิ่ว

หลังจากนั้น เราท้องค่ะ สามปีนั้น เลยพักการตรวจร่างกายไว้ค่ะ โฟกัสที่ลูกอย่างเดียว ระหว่างนี้ก็ยังไม่เจออาการอะไร แต่ไม่ได้ไปตรวจร่างกายเลยค่ะ

จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อลูกเริ่มเข้าเนอสเซอรี่ เรากลับมาตรวจร่างกายอีกครั้ง คราวนี้พบว่า เจอก้อนนิ่วโผล่มาในถุงน้ำดี พร้อมๆกับอาการที่เกิดเยอะขึ้น คือ บางทีกินข้าวมันไก่ก็จุกและปวดท้องด้านขวา ประมาณสามถึงสี่ชม. ความปวดระดับ 2-3 หากให้เต็มสิบ แต่มันทรมานเพราะเป็นทุกครั้งที่ทานอะไรมันๆ ยิ่งถ้าเป็นมื้อเย็น กินอาหารมันหรืออะไรที่มันมากหน่อย เราจะจุก บางทีคลื่นไส้อาเจียน  จนหลังๆ เราต้องงด ไม่ทานมื้อเย็น และหากกินมื้อเย็น จะทานไม่เกินห้าโมงเย็นค่ะ เพื่อให้ระบบย่อยทำงานได้นานหน่อย

ช่วงนี้เราเริ่มกังวลค่ะ เพราะนอกจากเจอนิ่วแล้ว ยังเจอว่าถุงน้ำดีหนาตัวขึ้นประมาณ 0.9cm หมอถามว่ามีอาการอะไรผิดปกติมั้ย เราจึงเล่าอาการที่เกิดขึ้นไป หมอจึงแจ้งว่า เคสเราน่าจะเป็นเคสที่เริ่มมีอาการแล้ว หากมีเวลาว่างๆ น่าจะนัดมาผ่าตัดถุงน้ำดีออก

ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจมาก นี่เราเดินทางมาจนถึงจุดที่จะต้องผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้วเหรอ เราจึงเอาผลการตรวจไปปรึกษากับเพื่อนหมอที่สนิทกัน เพื่อนหมอก็บอกว่า ตอนนี้ไม่ผ่า อนาคตก็คงต้องผ่า เพราะตามปกติคนที่มีอาการแสดงออกมา มันก็หมายถึงอนาคตก็จะเริ่มมีอาการแสดงออกมามากขึ้น เวลาเดินทางไปต่างประเทศ หากไปปวดท้องที่โน่น จะลำบากมาก

เราจึงทำการนัดวันผ่าตัดค่ะ โดยเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ยอมรับว่าค่อนข้างกลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าผลพวงจากการผ่าตัดจะเจออะไรบ้าง ได้มีการคุยกับเพื่อนๆที่เคยผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป ส่วนมากบอกว่า ใช้ชีวิตตามปกติ เพียงแต่ระยะแรกๆ จะมีอาการท้องเสีย และบางทีกินแล้วจุกๆ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ก็จะกลับมาเป็นปกติ ร่างกายปรับตัวได้ ตอนนี้พวกเค้าก็ทานได้ทุกอย่าง เพียงแต่ถ้ากินอะไรมันมากๆๆๆ เช่นข้าวขาหมูแบบชามยักษ์ ก็จะท้องเสียทันที

การผ่าตัดใช้เวลาไม่นานค่ะ เราเข้าห้องผ่าตัดไปตอนบ่ายโมง รู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ นอนพักในห้องพักฟื้นแป๊บนึง เค้าก็เข็นเราไปนอนที่ห้องนอนปกติ

สำหรับอาการเจ็บ เราคิดว่าน้อยมากค่ะ ถ้าเทียบกับผ่าคลอด เราคิดว่าผ่าคลอดเจ็บกว่ามาก แผลก็มีขนาดเล็กมากค่ะ แต่มีสี่รู คือตรงกลางท้องด้านบน ตรงตำแหน่งถุงน้ำดี ตรงข้างท้องด้านขวาล่าง และตรงใต้สะดือค่ะ

หลังผ่าตัดเสร็จ เราได้รับข้าวต้มขาว และกับข้าวเป็นหมูสับผัดเต้าหู้ เราทานไปได้ห้าคำ จุกค่ะ ลมตีขึ้นมาจนเหมือนหายใจไม่ออก ต้องพักไปเกือบครึ่งชม.ก่อนจะกลับมากินข้าวต่อได้จนหมด อาการนี้เป็นอาการปกติของคนผ่าตัดส่องกล้อง เนื่องจากตอนผ่าตัด เค้าจะเป่าลมเข้าไปในช่องท้อง เพื่อให้หมอสามารถเห็นอวัยวะที่จะทำการผ่าตัดได้ชัดๆ ดังนั้น เมื่อผ่าตัดเสร็จ ลมอาจจะออกไปไม่หมด ทำให้เกิดอาการปวดสะบักหลัง และมีอาการจุกๆเพราะลมวิ่งผ่าตลอดเวลาได้

เรานอนอยู่รพ.คืนเดียวค่ะ และในคืนนั้นเอง เราก็ลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้ ตอนเช้าลุกไปแปรงฟันล้างหน้าเองได้ โดยพยายามทำทุกอย่างให้ช้าๆ มันก็ไม่ค่อยเจ็บมากค่ะ ส่วนตัวเราให้คะแนนความเจ็บ 2-3 จาก 10 ค่ะ เราเลยทำเรื่องขอออกจากรพ.ในบ่ายวันนั้นเลย

หลังจากกลับมาบ้าน ก็มีอาการท้องผูกค่ะ เราแก้ไขปัญหาด้วยการทานโปรไบโอติกกับนมเปรี้ยว ก็ช่วยให้ถ่ายได้ดีขึ้น การทานอาหาร ในช่วงเจ็ดวันแรกหลังผ่าตัด เราทานอาการปกติ แค่ไม่เผ็ด และไม่มันมาก ก็กินอาหารทั่วๆไป มีไข่เจียว มีไส้กรอกก็ทาน และมีผัดผัก ก๋วยเตี๋ยว และช่วงนี้ ลูกเราเป็น RSV ทำให้เราต้องตามไปเฝ้าลูก admit ที่รพ.ด้วย ทั้งๆที่เพิ่งผ่าตัดมาได้แค่สามสี่วัน

 หลังจากครบเจ็ดวัน เราติด RSV จากลูกค่ะ และคราวนี้อาการบางอย่างเริ่มออกมา คือ ทานอาหารแล้วมีอาการท้องเสียค่ะ เป็นอาการแบบวันเว้นวัน นั่นคือ สมมุติว่าวันนี้ท้องเสีย วันต่อมาก็จะไม่ได้ถ่ายค่ะ และวันรุ่งขึ้นก็จะท้องเสีย โดยมีอาการถ่ายท้องช่วงเช้าประมาณ 2-3 รอบ ใน 1 ชม. จะเป็นหลังจากทานอาหารเสร็จ

อาการท้องเสียที่เกิดขึ้น จะเป็นอาการเหมือนลำไส้บิดเลยค่ะ คือเหมือนโรคท้องเสียเลย เรียกว่าทำเอาระบบลำไส้มวนไปหมด ถ่ายเสร็จไม่มีแรงไปประมาณ 2 ชม.กว่า แต่ก็จะไม่มีการปวดบิดลำไส้แล้ว แค่มีอาการเพลียจากการถ่ายท้อง คิดว่าคงเสียน้ำมากค่ะ ตอนนี้ทำได้แค่รอเวลาให้ลำไส้ปรับตัวไป

อีกอาการที่เพิ่งเกิดหลังจากไปผ่าตัดคือ อาการเหมือนไม่หิว คือจะกินอะไรไม่ค่อยลงค่ะ เห็นอะไรก็ไม่อยากกิน ส่งผลทำให้เราไม่มีแรง ยิ่งมาเจอถ่ายท้องแบบวันเว้นวัน ยิ่งทำให้ร่างพังค่ะ ตอนแรกเรากังวลใจมาก เพราะอาหารที่เราทานเข้าไปก็ไม่ใช่อาหารมันย่องเลย เป็นอาหารค่อนข้างคลีนด้วยซ้ำ

หลังผ่าตัดสองสัปดาห์ เราไปหาหมอที่ผ่าตัดตามนัด เปิดแผล และแผลก็แห้งดี  เลยเล่าอาการให้ฟังค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท้องเสียวันเว้นวัน หรือว่าเรื่องที่ไม่อยากกินอาหารอะไรเลย และอาการอ่อนเพลียค่อนข้างมาก คุณหมอก็บอกว่า เป็นปกติที่คนผ่าตัดถุงน้ำดีจะมีอาการท้องเสีย บางทีถ่ายออกมาไม่มีอุจจาระ แต่จะมีน้ำเหลืองๆอย่างเดียวก็เป็นได้ แต่ร่างกายจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น และคุณหมอขอให้ทานอาหารให้ปกติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกงหรือข้าวมันไก่ หรือว่าไอติม (หากทานลูกนึงก็ไม่ได้เป็นไร) ท้องเสียเดี๋ยวจะเป็นแค่ระยะแรกๆ ต่อไปจะดึขึ้น ไม่อยากให้เรากลับไปกินอาหารอ่อนๆแบบคนป่วย อ้อ อีกอย่างคือ คุณหมอให้ทานอาหารกากใยสูง บอกว่าทานพวกผัก พวกข้าวไม่ขัดสี ของพวกนี้จะไปซับน้ำดี ทำให้เราไม่ถ่ายเหลว

คุณหมอให้ยาแก้โรคกระเพาะกับโมทิเลี่ยมมาทานก่อนอาหาร แล้วก็ไม่ได้นัดต่ออ่ะค่ะ

หลังจากนี้ก็คงต้องปรับชีวิตกันไปค่ะ ตอนนี้ผ่าตัดมายังไม่ถึงสามสัปดาห์ ยังคงมีอาการเหนื่อยง่ายหลังถ่ายท้องเสร็จ รู้สึกว่าเป็นวิบากมากเพราะทำให้เราระวังเวลาทานอาหารเช้าที่ไหน เราจะต้องคอยมองว่ามีห้องน้ำให้เข้ารึเปล่า เพราะทานเสร็จ ก็ไม่เกินครึ่งชม.ค่ะ จะปวดท้องบิดๆ อยากถ่าย เราลองสังเกตอาการถ่ายของเรา ครั้งแรกจะยังเป็นก้อน แต่ครั้งที่สอง หรือสาม(ถ้ามี) จะเริ่มเหลวค่ะ ปกติถ่ายไม่เกินสามรอบก็จะกลับมาปกติ กลางวันจะทานได้ทุกอย่าง ไม่ถ่ายท้องเหมือนตอนเช้าค่ะ

มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังกันค่ะ หากใครมีข้อแนะนำอะไรก็บอกได้เลยนะคะ หรือมีข้อสอบถามก็ถามได้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่