'สุพิศาล' ยืนยัน ก้าวไกล ไม่โหวตให้อนุรักษนิยมพันธุ์ใหม่ จับมือ 2 พรรคนั่งฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทย ประกาศแยกทางกับพรรคก้าวไกล ฉีก mou 8 พรรคร่วม พยายามจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นสัญญาณที่ถูกจับตามองว่า จะไปร่วมกับพรรค 2 ลุง เพื่อสืบทอดอำนาจอีกหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมายืนยันว่า ไม่มีทางที่ก้าวไกลจะยกมือโหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย และพร้อมจับมือ 2 พรรคร่วม กอดคอกันเป็นฝ่ายค้าน
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้านการเมือง และกิจการพิเศษ เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ก้าวไกล ยังคงยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย การที่พรรคเพื่อไทย อ้างเหตุผลของการสลัดก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ด้วย
ประเด็นที่เชื่อไม่ได้ โดยบอกว่ามาตรา 112 เป็นเงื่อนไขที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งที่จริงสิ่งนี้เป็นตลกร้าย เพราะก้าวไกล ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเป็นนโยบาย และสุดท้ายต้องไปโหวตในสภา ซึ่งการฉีก mou ของ 8 พรรคร่วม มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน มากกว่าฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก
การที่พรรคเพื่อไทย ผลัก ก้าวไกล ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนว่า ต้องการไปอยู่กับกลุ่มที่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เอาพรรคก้าวไกล เพื่อกลายเป็น "อนุรักษนิยมพันธุ์ใหม่” การที่เพื่อไทย ยอมไปเป็นอย่างนั้น ก็เตรียมรับแรงกระแทกจากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคยสนับสนุนตลอดการเคลื่อนไหวทางการเมืองใน 10 ปีที่ผ่านมา
ต้องจับตาดูว่า การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ มีพรรคการเมืองใดโหวตให้พรรคเพื่อไทยบ้าง แต่สำหรับพรรคก้าวไกล จะไม่โหวตให้แน่นอน เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ไม่มีความชัดเจนในการตอบคำถาม ทั้งที่ก้าวไกล ได้ให้อำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล แต่คำตอบที่ได้กลับบอกว่าเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่เอาก้าวไกล
ดูแล้วเป็นเหมือนสถานการณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบีบให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน และให้พรรคของตนเป็นรัฐบาล เลยทำให้จำนนต่อผลประโยชน์ที่กลุ่มอำนาจเก่าเสนอมา
“ถ้าเพื่อไทย สามารถฉีก mou 8 พรรคร่วมได้ ต่อไปสัญญากับใครก็ฉีกได้เหมือนกัน ความน่าเชื่อถือทางการเมืองไม่มีอีกต่อไปแล้ว ขนาดได้รับการเลือกตั้งจากความชอบธรรมที่สุดของประเทศ ด้วยเสียงประชาชน เพื่อให้มาอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย เพื่อสร้างประเทศให้เข้าสู่ระบบปกติใหม่ที่ควรทำ แต่ไม่ทำ อ้างหลายสาเหตุ โดยเอาสาเหตุของคนอื่นมากดดันก้าวไกล ทั้งที่เรามาด้วยความชอบธรรม แต่เหมือนคนเกเร ที่หาทางซิกแซก เพื่อมาบอกเพื่อนว่า มีแต่คนเกลียด ทั้งที่คนเกลียดมีกลุ่มเดียว คือคนที่ไม่เอาก้าวไกล แต่คนค่อนประเทศเลือกก้าวไกลเข้ามา”
ในประเด็นคำถามที่ว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน โดยมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถทำงานตรวจสอบได้หรือไม่ ได้รับการยืนยันว่า ก้าวไกล ยังทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม แม้เป็นจุดอ่อนของพรรคฝ่ายค้าน ที่เป็นพรรคการเมืองคนละขั้ว แต่ถ้าเป็นประเด็นที่ทางพรรคเห็นด้วย และร่วมผลักดันในนโยบาย จะยกมือสนับสนุนประเด็นนั้นให้ผ่านการลงมติ
สำหรับการประกาศของเพื่อไทย ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่ทำตามสัญญา จะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อตัวเอง แต่น่ากลัวว่าถ้ามีพรรคที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่า การแก้ไขจะมีการผสมสิ่งที่เป็นการสืบทอดอำนาจเดิม ถ้ามีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีการอธิบายทุกเนื้อหาชัดเจน ไม่ควรมีบทเฉพาะกาล ที่สอดแทรกผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอำนาจ เหมือนอย่างที่เคยทำ
“อยากฝากถึงผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ถ้าคิดว่าดีก็ทำต่อไป แต่ประชาชนส่วนใหญ่เขาเลือกแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การตัดสินใจครั้งนี้ก็เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทย ยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน”
โดยตอนนี้มีสัญญาณชัดเจน จาก 2 พรรคการเมือง ที่เคยร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะจับมือกับก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านแน่นอนคือ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการทำงานของฝ่ายค้าน ที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม.
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2714251?fbclid=IwAR0p4cAHwg4wNSae6HvRRw1O4XuSS8ffUZ4KAdqHchkXNduhG1gXoVk7pR8
'สุพิศาล' ยืนยัน ก้าวไกล ไม่โหวตให้เพื่อไทยอนุรักษนิยมพันธุ์ใหม่ พร้อมจับมือ 2 พรรคนั่งฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทย ประกาศแยกทางกับพรรคก้าวไกล ฉีก mou 8 พรรคร่วม พยายามจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นสัญญาณที่ถูกจับตามองว่า จะไปร่วมกับพรรค 2 ลุง เพื่อสืบทอดอำนาจอีกหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมายืนยันว่า ไม่มีทางที่ก้าวไกลจะยกมือโหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย และพร้อมจับมือ 2 พรรคร่วม กอดคอกันเป็นฝ่ายค้าน
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้านการเมือง และกิจการพิเศษ เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ก้าวไกล ยังคงยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย การที่พรรคเพื่อไทย อ้างเหตุผลของการสลัดก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ด้วย
ประเด็นที่เชื่อไม่ได้ โดยบอกว่ามาตรา 112 เป็นเงื่อนไขที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งที่จริงสิ่งนี้เป็นตลกร้าย เพราะก้าวไกล ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเป็นนโยบาย และสุดท้ายต้องไปโหวตในสภา ซึ่งการฉีก mou ของ 8 พรรคร่วม มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน มากกว่าฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก
การที่พรรคเพื่อไทย ผลัก ก้าวไกล ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนว่า ต้องการไปอยู่กับกลุ่มที่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เอาพรรคก้าวไกล เพื่อกลายเป็น "อนุรักษนิยมพันธุ์ใหม่” การที่เพื่อไทย ยอมไปเป็นอย่างนั้น ก็เตรียมรับแรงกระแทกจากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคยสนับสนุนตลอดการเคลื่อนไหวทางการเมืองใน 10 ปีที่ผ่านมา
ต้องจับตาดูว่า การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ มีพรรคการเมืองใดโหวตให้พรรคเพื่อไทยบ้าง แต่สำหรับพรรคก้าวไกล จะไม่โหวตให้แน่นอน เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ไม่มีความชัดเจนในการตอบคำถาม ทั้งที่ก้าวไกล ได้ให้อำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล แต่คำตอบที่ได้กลับบอกว่าเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่เอาก้าวไกล
ดูแล้วเป็นเหมือนสถานการณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบีบให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน และให้พรรคของตนเป็นรัฐบาล เลยทำให้จำนนต่อผลประโยชน์ที่กลุ่มอำนาจเก่าเสนอมา
“ถ้าเพื่อไทย สามารถฉีก mou 8 พรรคร่วมได้ ต่อไปสัญญากับใครก็ฉีกได้เหมือนกัน ความน่าเชื่อถือทางการเมืองไม่มีอีกต่อไปแล้ว ขนาดได้รับการเลือกตั้งจากความชอบธรรมที่สุดของประเทศ ด้วยเสียงประชาชน เพื่อให้มาอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย เพื่อสร้างประเทศให้เข้าสู่ระบบปกติใหม่ที่ควรทำ แต่ไม่ทำ อ้างหลายสาเหตุ โดยเอาสาเหตุของคนอื่นมากดดันก้าวไกล ทั้งที่เรามาด้วยความชอบธรรม แต่เหมือนคนเกเร ที่หาทางซิกแซก เพื่อมาบอกเพื่อนว่า มีแต่คนเกลียด ทั้งที่คนเกลียดมีกลุ่มเดียว คือคนที่ไม่เอาก้าวไกล แต่คนค่อนประเทศเลือกก้าวไกลเข้ามา”
ในประเด็นคำถามที่ว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน โดยมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถทำงานตรวจสอบได้หรือไม่ ได้รับการยืนยันว่า ก้าวไกล ยังทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม แม้เป็นจุดอ่อนของพรรคฝ่ายค้าน ที่เป็นพรรคการเมืองคนละขั้ว แต่ถ้าเป็นประเด็นที่ทางพรรคเห็นด้วย และร่วมผลักดันในนโยบาย จะยกมือสนับสนุนประเด็นนั้นให้ผ่านการลงมติ
สำหรับการประกาศของเพื่อไทย ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่ทำตามสัญญา จะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อตัวเอง แต่น่ากลัวว่าถ้ามีพรรคที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่า การแก้ไขจะมีการผสมสิ่งที่เป็นการสืบทอดอำนาจเดิม ถ้ามีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีการอธิบายทุกเนื้อหาชัดเจน ไม่ควรมีบทเฉพาะกาล ที่สอดแทรกผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอำนาจ เหมือนอย่างที่เคยทำ
“อยากฝากถึงผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ถ้าคิดว่าดีก็ทำต่อไป แต่ประชาชนส่วนใหญ่เขาเลือกแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การตัดสินใจครั้งนี้ก็เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทย ยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน”
โดยตอนนี้มีสัญญาณชัดเจน จาก 2 พรรคการเมือง ที่เคยร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะจับมือกับก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านแน่นอนคือ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการทำงานของฝ่ายค้าน ที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม.
https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2714251?fbclid=IwAR0p4cAHwg4wNSae6HvRRw1O4XuSS8ffUZ4KAdqHchkXNduhG1gXoVk7pR8