สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกว่าการขอวีซ่านี้เราเตรียมกันเอง ไม่ได้ผ่าน agency นะคะ ออกตัวก่อนนะคะว่าอาจไม่ละเอียดเท่าไร เพราะว่ามีอีกหลายกระทู้ที่เค้ามีรูปภาพประกอบ และอธิบายได้ละเอียดมากๆ ซึ่งเราต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ ต้องบอกว่าถ้าไม่มีกระทู้ใน Pantip เราอาจจะขอวีซ่าไม่ผ่านก็ได้ค่ะ
เริ่มแรกเราก็อ่านรีวิวที่เค้าเคยไปขอมา เราใช้เวลาหาข้อมูลประมาณ 1 อาทิตย์ ก็หาอ่านตาม pantip นี้แหละค่ะ
แล้วก็ถามเพื่อนที่เคยไปอังกฤษมา และเพื่อนที่กำลังเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษ (เป็นวีซ่านักเรียน) วีซ่าที่เราขอไปเป็นวีซ่าท่องเที่ยว
ของเราขอวีซ่าที่เชียงใหม่นะคะ (ขอรีวิวแบบคร่าวๆ นะคะ รายละเอียดอาจเลือนลางไปตามกาลเวลาค่ะ)
เราขอกันทั้งหมด 3 คน มี เรา สามี แล้วก็ลูก อายุ 8 ขวบค่ะ เราและสามี เป็นข้าราชการค่ะ
ครอบครัวเราตกลงกันว่าจะไป อังกฤษ กันประมาณช่วงปลายเดือน เมษายน ซึ่งเราต้องขอวีซ่าล่วงหน้า 3 เดือน (ใครจะไปช่วงไหน วางแผนกันดี ๆ นะคะ) ดังนั้นเราต้องขอวีซ่ากันช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ (การขอวีซ่าเราจะต้องทำการสมัคร และ กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า
https://visas-immigration.service.gov.uk/product/uk-visit-visa
การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า
1. เข้าไปที่
https://visas-immigration.service.gov.uk/product/uk-visit-visa (ในการกรอกนี้เราไม่ต้องกรอกรวดเดียวให้จบก็ได้นะคะ ค่อยๆ กรอกไปก็ได้ค่ะ แต่ตอนนั้นใจร้อน + ความไม่รู้ เลยรีบกรอก กลัวข้อมูลหาย จริงๆ แล้วค่อยกรอกตอนเน็ตเสถียรดีกว่าค่ะ เพราะกรอกตอนเน็ตไม่ดี ข้อมูลก็หาย และไม่ครบค่ะ)
2. ในการกรอกข้อมูลเราก็ต้องเตรียมเอกสารที่จะอัพโหลดให้เรียบร้อยก่อนค่ะ ซึ่งจะช้าตรงเอกสารนี่แหละค่ะ
ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร (ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ) เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่เราและครอบครัวใช้ตอนอัพโหลดค่ะ
1. หนังสือรับรองการทำงาน (เราแปลเอง แล้วให้ที่ทำงานรับรอง)
2. หนังสือรับรองเงินเดือน (เราแปลเอง แล้วให้ที่ทำงานรับรอง)
3. Slip เงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน (แปลเอง แล้วให้ที่ทำงานรับรองค่ะ )
4. สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส (อันนี้ไม่ได้แปลเองค่ะ ไปขอที่อำเภอ บอกเค้าว่าขอเป็นภาษาอังกฤษ มีค่าบริการ ฉบับละ 10 บาทค่ะ เช่น สำเนาบัตรประชาชน ของ พ่อ แม่ ลูก 30 บาท ทะเบียนบ้าน พ่อ แม่ ลูก 30 บาท ค่ะ)
5. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (ขอจากทางธนาคารได้ค่ะ ฉบับละ 200 บาท)
6. หนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของสหกรณ์ (เค้าออกเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ค่ะ)
7. หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนของลูก (ทางโรงเรียนออกเป็นภาษาอังกฤษให้ค่ะ)
8. หนังสือเชิญจากเพื่อนของเราที่เรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ (เนื่องจากเราแจ้งว่าจะไปพักกับเพื่อน 1 อาทิตย์ และเที่ยวเอง 1 อาทิตย์)
9. หลักฐานการจองที่พัก (เราจองแบบคืนเงินได้ค่ะ ยังไม่ได้จ่ายตังค์ เพราะกลัวว่าวีซ่าจะไม่ผ่านค่ะ)
10. ตารางการท่องเที่ยว (เราแพลนเองแบบคร่าว ๆ ว่า วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง )
11. สำเนาพาสปอร์ตทุกเล่มที่มี และสำเนาหน้าที่ประทับตราประเทศที่เราเคยไปมาค่ะ
12. เอกสารต่างๆ เราแยกเป็นไฟล์ย่อยนะคะ เพราะเค้าให้อัพทีละ 5 MB ค่ะ
3. เมื่อเราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปที่หน้าที่เรากรอกข้อมูล จากนั้นก็ทำการอัพโหลดเอกสารทั้งหมด และเตรียมจ่ายเงิน เพื่อที่จะเข้าไปจองสวันและเวลาในการ ไปสแกน Biometric ที่เชียงใหม่ แถวๆ เมย่า ค่ะ
4. เมื่อเราได้วัน เวลา เรียบร้อยแล้ว พอถึงวันนัด ก็กะเวลาให้ไปถึงก่อนประมาณ 30 นาที ก็ดีนะคะ (ของเราไปก่อน 1 ชม. มีคิวว่างก่อนหน้า เราเลยได้เข้าไปทั้งครอบครัวเลยค่ะ) เจ้าหน้าที่ให้บริการดีมากค่ะ เราเตรียมเอกสารตัวจริงที่อัพโหลดไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอดูค่ะ ส่วนใหญ่เค้าจะถามลูกเรามากกว่า คนนี้เป็นใคร เป็นพ่อ เป็นแม่หนูหรือเปล่า แล้วหนูจะไปที่ไหน ความรู้สึกของเรา เหมือนเค้าจะเช็คว่าเด็กคนนี้เป็นลูกจริงๆ ของเราหรือเปล่าค่ะ จากนั้นเค้าก็ให้เรากรอกเอกสาร (เจ้าหน้าที่เป็นคนไทยค่ะ ) แล้วก็เข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือ รวมทุกอย่างใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีค่ะ (อย่าลืมถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตและสำเนาบัตรประชาชนของทุกคนไปด้วยนะคะ ของเราลืมถ่ายไป มีค่าบริการแผ่นละ 6 บาทค่ะ )
5. จากนั้นก็กลับมารอลุ้นค่ะ (เราไปขอวีซ่าวันที่ 3 ก.พ.66 ประมาณวันที่ 15 ก.พ.66 ก็ได้เล่ม Passport ส่งมาที่บ้านค่ะ ตอนที่ไปรษณีย์มาส่ง เอามาเสียบไว้ทีประตูบ้านค่ะ ไม่ได้เซ็นรับใดๆ ทั้งสิ้น นี่ก็ยัง งง ว่าถ้าไม่มีใครอยู่บ้านจะทำยังไง )
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ในการขอวีซ่าครั้งนี้ จะมีประโยชน์บ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอแชร์ประสบการณ์ในการขอวีซ่าท่องเที่ยวไปอังกฤษด้วยตัวเองค่ะ (ขอที่เชียงใหม่ค่ะ)
เริ่มแรกเราก็อ่านรีวิวที่เค้าเคยไปขอมา เราใช้เวลาหาข้อมูลประมาณ 1 อาทิตย์ ก็หาอ่านตาม pantip นี้แหละค่ะ
แล้วก็ถามเพื่อนที่เคยไปอังกฤษมา และเพื่อนที่กำลังเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษ (เป็นวีซ่านักเรียน) วีซ่าที่เราขอไปเป็นวีซ่าท่องเที่ยว
ของเราขอวีซ่าที่เชียงใหม่นะคะ (ขอรีวิวแบบคร่าวๆ นะคะ รายละเอียดอาจเลือนลางไปตามกาลเวลาค่ะ)
เราขอกันทั้งหมด 3 คน มี เรา สามี แล้วก็ลูก อายุ 8 ขวบค่ะ เราและสามี เป็นข้าราชการค่ะ
ครอบครัวเราตกลงกันว่าจะไป อังกฤษ กันประมาณช่วงปลายเดือน เมษายน ซึ่งเราต้องขอวีซ่าล่วงหน้า 3 เดือน (ใครจะไปช่วงไหน วางแผนกันดี ๆ นะคะ) ดังนั้นเราต้องขอวีซ่ากันช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ (การขอวีซ่าเราจะต้องทำการสมัคร และ กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า https://visas-immigration.service.gov.uk/product/uk-visit-visa
การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า
1. เข้าไปที่ https://visas-immigration.service.gov.uk/product/uk-visit-visa (ในการกรอกนี้เราไม่ต้องกรอกรวดเดียวให้จบก็ได้นะคะ ค่อยๆ กรอกไปก็ได้ค่ะ แต่ตอนนั้นใจร้อน + ความไม่รู้ เลยรีบกรอก กลัวข้อมูลหาย จริงๆ แล้วค่อยกรอกตอนเน็ตเสถียรดีกว่าค่ะ เพราะกรอกตอนเน็ตไม่ดี ข้อมูลก็หาย และไม่ครบค่ะ)
2. ในการกรอกข้อมูลเราก็ต้องเตรียมเอกสารที่จะอัพโหลดให้เรียบร้อยก่อนค่ะ ซึ่งจะช้าตรงเอกสารนี่แหละค่ะ
2. หนังสือรับรองเงินเดือน (เราแปลเอง แล้วให้ที่ทำงานรับรอง)
3. Slip เงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน (แปลเอง แล้วให้ที่ทำงานรับรองค่ะ )
4. สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส (อันนี้ไม่ได้แปลเองค่ะ ไปขอที่อำเภอ บอกเค้าว่าขอเป็นภาษาอังกฤษ มีค่าบริการ ฉบับละ 10 บาทค่ะ เช่น สำเนาบัตรประชาชน ของ พ่อ แม่ ลูก 30 บาท ทะเบียนบ้าน พ่อ แม่ ลูก 30 บาท ค่ะ)
5. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (ขอจากทางธนาคารได้ค่ะ ฉบับละ 200 บาท)
6. หนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของสหกรณ์ (เค้าออกเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ค่ะ)
7. หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนของลูก (ทางโรงเรียนออกเป็นภาษาอังกฤษให้ค่ะ)
8. หนังสือเชิญจากเพื่อนของเราที่เรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ (เนื่องจากเราแจ้งว่าจะไปพักกับเพื่อน 1 อาทิตย์ และเที่ยวเอง 1 อาทิตย์)
9. หลักฐานการจองที่พัก (เราจองแบบคืนเงินได้ค่ะ ยังไม่ได้จ่ายตังค์ เพราะกลัวว่าวีซ่าจะไม่ผ่านค่ะ)
10. ตารางการท่องเที่ยว (เราแพลนเองแบบคร่าว ๆ ว่า วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง )
11. สำเนาพาสปอร์ตทุกเล่มที่มี และสำเนาหน้าที่ประทับตราประเทศที่เราเคยไปมาค่ะ
12. เอกสารต่างๆ เราแยกเป็นไฟล์ย่อยนะคะ เพราะเค้าให้อัพทีละ 5 MB ค่ะ
3. เมื่อเราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปที่หน้าที่เรากรอกข้อมูล จากนั้นก็ทำการอัพโหลดเอกสารทั้งหมด และเตรียมจ่ายเงิน เพื่อที่จะเข้าไปจองสวันและเวลาในการ ไปสแกน Biometric ที่เชียงใหม่ แถวๆ เมย่า ค่ะ
4. เมื่อเราได้วัน เวลา เรียบร้อยแล้ว พอถึงวันนัด ก็กะเวลาให้ไปถึงก่อนประมาณ 30 นาที ก็ดีนะคะ (ของเราไปก่อน 1 ชม. มีคิวว่างก่อนหน้า เราเลยได้เข้าไปทั้งครอบครัวเลยค่ะ) เจ้าหน้าที่ให้บริการดีมากค่ะ เราเตรียมเอกสารตัวจริงที่อัพโหลดไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ขอดูค่ะ ส่วนใหญ่เค้าจะถามลูกเรามากกว่า คนนี้เป็นใคร เป็นพ่อ เป็นแม่หนูหรือเปล่า แล้วหนูจะไปที่ไหน ความรู้สึกของเรา เหมือนเค้าจะเช็คว่าเด็กคนนี้เป็นลูกจริงๆ ของเราหรือเปล่าค่ะ จากนั้นเค้าก็ให้เรากรอกเอกสาร (เจ้าหน้าที่เป็นคนไทยค่ะ ) แล้วก็เข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือ รวมทุกอย่างใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีค่ะ (อย่าลืมถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตและสำเนาบัตรประชาชนของทุกคนไปด้วยนะคะ ของเราลืมถ่ายไป มีค่าบริการแผ่นละ 6 บาทค่ะ )
5. จากนั้นก็กลับมารอลุ้นค่ะ (เราไปขอวีซ่าวันที่ 3 ก.พ.66 ประมาณวันที่ 15 ก.พ.66 ก็ได้เล่ม Passport ส่งมาที่บ้านค่ะ ตอนที่ไปรษณีย์มาส่ง เอามาเสียบไว้ทีประตูบ้านค่ะ ไม่ได้เซ็นรับใดๆ ทั้งสิ้น นี่ก็ยัง งง ว่าถ้าไม่มีใครอยู่บ้านจะทำยังไง )
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ในการขอวีซ่าครั้งนี้ จะมีประโยชน์บ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ