การไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
การที่เราจะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย พระพรหม พระพิฆเณศ ท้าวเวสสุวรรณ องค์เทพทั้งหลาย หรือไหว้บูชาเทพเจ้า เจ้าแม่กวนอิม ตี่จั่งอ๊วง นาจา ไฉ่สิ่งเอี๊ยะ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย หรือพระภูมิเจ้าที่ เจ้าพ่อเจ้าแม่ หรือแม้กระทั่งสถานที่สำคัญ เช่น พระธาตุเจดีย์ อนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ เป็นต้น เราควรมีหลักในการไหว้บูชา มีฐานจิต มีเจตนา ๕ ประการดังนี้
๑. ขอรำลึก นึกถึง พระปัญญาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ เช่น
พระพุทธเจ้า ปัญญาของท่าน คือ อริยสัจ ๔ รู้จักพิจารณาวินิจฉัยสิ่งการณ์ต่างๆ ด้วยเหตุและผล ให้รู้เหตุที่เป็นมา รู้เหตุที่เป็นอยู่ และรู้เหตุที่จะเป็นไป
พระพรหมธาดา ปัญญาของท่าน คือ พรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
พระพิฆเณศ ปัญญาของท่าน คือ ความสำเร็จ
ท้าวเวสสุวรรณ ปัญญาของท่าน คือ ดูแลทรัพย์สินของโลก ให้ความปลอดภัย ให้ความยุติธรรม
เจ้าแม่กวนอิม ปัญญาของท่าน คือ เมตตากรุณา
เจ้าที่ ปัญญาของท่าน คือ ดูแลสถานที่ ไม่ให้พลังงานที่ไม่ดีเข้ามา
ยกตัวอย่าง รำลึกถึงพระปัญญาของพระพุทธเจ้า
บัดนี้ ลูกขอรำลึกนึกถึงพระคุณของพุทธองค์ พุทธองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรม เข้าใจ เข้าถึง รู้ซึ้งประจักษ์แจ้งอย่างถ่องแท้ในธรรม
ทรงเป็นสัพพัญญู รู้เหตุที่เป็นมา รู้เหตุที่เป็นอยู่ รู้เหตุที่จะเป็นไป ของสัตว์โลกทุกชั้นภูมิ ทรงมีพระมหาปณิธาน สัมมาสัมโพธิญาณ โปรดเวไนยสัตว์ มีจิตจาคะ เสียสละความสุขส่วนพระองค์ ยังประโยชน์สุขแก่สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง
ทรงเป็นบรมครู เป็นมหาคุรุ เป็นศาสดา เป็นแบบอย่าง เป็นอุทธาหรณ์ รับวิบากเพื่อจะเรียนรู้ สั่งสมบารมี ภะคะวา สรุปเป็นหลักการ หลักธรรม หลักวินัย หลักคำสั่งสอนต่างๆ แสดงกรรมเพื่อเจริญธรรม เพื่อโปรดสัตว์ทั้ง ๓ โลก โลกมนุษย์ โลกสวรรค์ โลกบาดาล
เพื่อให้เข้าใจชีวิต ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ อยู่ให้รอด อยู่ให้ได้ อยู่ให้เป็น อยู่ให้ดี นำชีวิตไปสู่สันติสุข รู้จักบริหารกรรม อย่างถูกต้องในธรรม สิ่งใดผิดรู้จักแก้ สิ่งใดถูกทำเพิ่มเติม สิ่งที่เราทำผิดกับใคร ต้องสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอขมา และจะไม่ทำผิดซ้ำอีก และจะทำบุญสร้างกุศลส่งไปให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยล่วงเกิน ทำผิดกับเขา
พุทธองค์ทรงมีพระทัยที่ตั้งมั่น ไม่อคติลำเอียง ยุติธรรม จริงจัง จริงใจ เด็ดขาด
ตถาตา เป็นเช่นนี้ในธรรมแล
๒. ขอสำนึกในพระคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยเหลือเรา คือ เมื่อเราพบเจอปัญหาอุปสรรค ประสบอุบัติเหตุ เกิดเภทภัยต่างๆ ท่านมาช่วยเหลืออุ้มชู แก้ไข ให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น ให้เจริญขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ภาระหน้าที่ การงานการเงิน พ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย บริวาร เป็นต้น
ให้เราสำนึกในเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องๆต่างๆ ที่ท่านช่วยเหลือเรามา
สำนึกบุญคุณ แปลว่า ตระหนัก รู้แจ้งชัด ในบุญคุณที่ท่านเคยช่วยเหลือเรา
๓. ขอแสดงความกตัญญูกตเวที ตอบแทนพระคุณท่าน คือ เรามาไหว้บูชาท่าน เราควรจัดเตรียมสิ่งของ เครื่องสักการะบูชาน้อมนำไปถวายท่าน หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือ เราควรมีของติดไม้ติดมือไปถวายท่าน เรียกว่า อามิสบูชา เช่น ผลไม้ พวงมาลัย ดอกไม้ น้ำ ฯลฯ สุดแล้วแต่กำลังศรัทธาที่จะถวายท่าน
เทวดาที่เฝ้าดูแลเทวรูปหรือสถานที่นั้นๆ ก็จะมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเรามีน้ำใจต่อท่าน ท่านก็มีน้ำใจต่อเรา ทำเหตุเช่นใดย่อมได้รับผลตามเหตุเช่นนั้นๆ
๔. เจริญทำ ปฏิบัติธรรมะ ตามคำสั่งสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ องค์ท่านมีคุณธรรมอะไร ท่านสั่งสอนอะไร ให้เรานำหลักธรรมะเหล่านั้นมาปฏิบัติ ยกตัวอย่าง
พระพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนว่า ให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
พระพรหม ทรงสั่งสอนว่า ให้เจริญพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
พระแม่ธรณี ทรงสั่งสอนว่า ให้รู้จักอุ้มชู เลี้ยงดูผู้อื่นให้เจริญเติบโต
พระพิฆเณศ ทรงสั่งสอนว่า ให้มี "อิทธิ" คือ พลังแห่งความสำเร็จ 3ข., 3ต., 1จ.จ.ด., เข้าใจ เข้าถึง เข้าเป็นหนึ่งเดียว, ตั้งใจ เต็มใจ เต็มกำลัง ทุกขั้นตอน จริงจัง จริงใจ เด็ดขาด ถึงจะได้กุศลเต็มที่ เกิดผลสัมฤทธิ์ บรรลุ สำเร็จ สมดุล สมบูรณ์ ทุกงาน ทุกประการ
องค์พ่อท้าวเวสสุวรรณ ทรงสั่งสอนว่า มีความยุติธรรม จะช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ยกตัวอย่าง คำพูดบอกกล่าวตั้งปณิธานเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า
บัดนี้ ลูกขอตั้งปณิธานเจริญรอยตามพระพุทธองค์ ยึดถือพระพุทธองค์เป็นแบบอย่าง เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธองค์ ๛
บัดนี้ ลูกขอตั้งปณิธานเจริญพรหมวิหาร ๔ ของพ่อพรหมธาดา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะประพฤติปฏิบัติตนด้วยฐานจิต อกเขา-อกเรา เอื้อ-เกื้อ-กัน ให้อภัยไม่ถือสา ด้วยจิตหัวใจ ๕ กตัญญู ศรัทธา เชื่อมั่น หนักแน่น มั่นคง ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันไปมิได้ขาด อย่างจริงจัง จริงใจ เด็ดขาด ๛
๕. เผยแผ่ธรรมะ ตามคำสั่งสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และช่วยเหลือผู้อื่น หมายความว่า ให้เราปฏิบัติธรรมะตามคำสั่งสอนของท่าน เมื่อปฏิบัติรู้ซึ้งประจักษ์แจ้งแล้ว นำธรรมะเหล่านั้นมาเผยแผ่ให้คนอื่นได้รู้ เข้าใจปฏิบัติตาม
และนำหลักธรรมะเหล่านั้นมาช่วยเหลือผู้อื่น แก้ทุกข์ แก้เคราะห์ภัยให้กับผู้อื่น หรือให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้อื่น
ปลดทุกข์ให้ท่าน สุขนั้นถึงตัว
แก้ทุกข์ให้เขา สุขนั้นถึงเรา
หากว่าเราได้ไหว้บูชา ปฏิบัติครบทั้ง ๕ ข้อนี้ ย่อมก่อให้เกิดอานิสงส์ เกิดประโยชน์ เกิดผลลัพธ์อย่างมากมาย และทำให้เราเข้าถึงสรณะนั้ันๆ เข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ และจะทำให้เข้าใจ เข้าถึง เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ
การไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
การที่เราจะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย พระพรหม พระพิฆเณศ ท้าวเวสสุวรรณ องค์เทพทั้งหลาย หรือไหว้บูชาเทพเจ้า เจ้าแม่กวนอิม ตี่จั่งอ๊วง นาจา ไฉ่สิ่งเอี๊ยะ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย หรือพระภูมิเจ้าที่ เจ้าพ่อเจ้าแม่ หรือแม้กระทั่งสถานที่สำคัญ เช่น พระธาตุเจดีย์ อนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ เป็นต้น เราควรมีหลักในการไหว้บูชา มีฐานจิต มีเจตนา ๕ ประการดังนี้
๑. ขอรำลึก นึกถึง พระปัญญาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ เช่น
พระพุทธเจ้า ปัญญาของท่าน คือ อริยสัจ ๔ รู้จักพิจารณาวินิจฉัยสิ่งการณ์ต่างๆ ด้วยเหตุและผล ให้รู้เหตุที่เป็นมา รู้เหตุที่เป็นอยู่ และรู้เหตุที่จะเป็นไป
พระพรหมธาดา ปัญญาของท่าน คือ พรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
พระพิฆเณศ ปัญญาของท่าน คือ ความสำเร็จ
ท้าวเวสสุวรรณ ปัญญาของท่าน คือ ดูแลทรัพย์สินของโลก ให้ความปลอดภัย ให้ความยุติธรรม
เจ้าแม่กวนอิม ปัญญาของท่าน คือ เมตตากรุณา
เจ้าที่ ปัญญาของท่าน คือ ดูแลสถานที่ ไม่ให้พลังงานที่ไม่ดีเข้ามา
ยกตัวอย่าง รำลึกถึงพระปัญญาของพระพุทธเจ้า
บัดนี้ ลูกขอรำลึกนึกถึงพระคุณของพุทธองค์ พุทธองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรม เข้าใจ เข้าถึง รู้ซึ้งประจักษ์แจ้งอย่างถ่องแท้ในธรรม
ทรงเป็นสัพพัญญู รู้เหตุที่เป็นมา รู้เหตุที่เป็นอยู่ รู้เหตุที่จะเป็นไป ของสัตว์โลกทุกชั้นภูมิ ทรงมีพระมหาปณิธาน สัมมาสัมโพธิญาณ โปรดเวไนยสัตว์ มีจิตจาคะ เสียสละความสุขส่วนพระองค์ ยังประโยชน์สุขแก่สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง
ทรงเป็นบรมครู เป็นมหาคุรุ เป็นศาสดา เป็นแบบอย่าง เป็นอุทธาหรณ์ รับวิบากเพื่อจะเรียนรู้ สั่งสมบารมี ภะคะวา สรุปเป็นหลักการ หลักธรรม หลักวินัย หลักคำสั่งสอนต่างๆ แสดงกรรมเพื่อเจริญธรรม เพื่อโปรดสัตว์ทั้ง ๓ โลก โลกมนุษย์ โลกสวรรค์ โลกบาดาล
เพื่อให้เข้าใจชีวิต ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ อยู่ให้รอด อยู่ให้ได้ อยู่ให้เป็น อยู่ให้ดี นำชีวิตไปสู่สันติสุข รู้จักบริหารกรรม อย่างถูกต้องในธรรม สิ่งใดผิดรู้จักแก้ สิ่งใดถูกทำเพิ่มเติม สิ่งที่เราทำผิดกับใคร ต้องสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอขมา และจะไม่ทำผิดซ้ำอีก และจะทำบุญสร้างกุศลส่งไปให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยล่วงเกิน ทำผิดกับเขา
พุทธองค์ทรงมีพระทัยที่ตั้งมั่น ไม่อคติลำเอียง ยุติธรรม จริงจัง จริงใจ เด็ดขาด
ตถาตา เป็นเช่นนี้ในธรรมแล
๒. ขอสำนึกในพระคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยเหลือเรา คือ เมื่อเราพบเจอปัญหาอุปสรรค ประสบอุบัติเหตุ เกิดเภทภัยต่างๆ ท่านมาช่วยเหลืออุ้มชู แก้ไข ให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น ให้เจริญขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ภาระหน้าที่ การงานการเงิน พ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิท มิตรสหาย บริวาร เป็นต้น
ให้เราสำนึกในเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องๆต่างๆ ที่ท่านช่วยเหลือเรามา
สำนึกบุญคุณ แปลว่า ตระหนัก รู้แจ้งชัด ในบุญคุณที่ท่านเคยช่วยเหลือเรา
๓. ขอแสดงความกตัญญูกตเวที ตอบแทนพระคุณท่าน คือ เรามาไหว้บูชาท่าน เราควรจัดเตรียมสิ่งของ เครื่องสักการะบูชาน้อมนำไปถวายท่าน หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือ เราควรมีของติดไม้ติดมือไปถวายท่าน เรียกว่า อามิสบูชา เช่น ผลไม้ พวงมาลัย ดอกไม้ น้ำ ฯลฯ สุดแล้วแต่กำลังศรัทธาที่จะถวายท่าน
เทวดาที่เฝ้าดูแลเทวรูปหรือสถานที่นั้นๆ ก็จะมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเรามีน้ำใจต่อท่าน ท่านก็มีน้ำใจต่อเรา ทำเหตุเช่นใดย่อมได้รับผลตามเหตุเช่นนั้นๆ
๔. เจริญทำ ปฏิบัติธรรมะ ตามคำสั่งสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ องค์ท่านมีคุณธรรมอะไร ท่านสั่งสอนอะไร ให้เรานำหลักธรรมะเหล่านั้นมาปฏิบัติ ยกตัวอย่าง
พระพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนว่า ให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส
พระพรหม ทรงสั่งสอนว่า ให้เจริญพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
พระแม่ธรณี ทรงสั่งสอนว่า ให้รู้จักอุ้มชู เลี้ยงดูผู้อื่นให้เจริญเติบโต
พระพิฆเณศ ทรงสั่งสอนว่า ให้มี "อิทธิ" คือ พลังแห่งความสำเร็จ 3ข., 3ต., 1จ.จ.ด., เข้าใจ เข้าถึง เข้าเป็นหนึ่งเดียว, ตั้งใจ เต็มใจ เต็มกำลัง ทุกขั้นตอน จริงจัง จริงใจ เด็ดขาด ถึงจะได้กุศลเต็มที่ เกิดผลสัมฤทธิ์ บรรลุ สำเร็จ สมดุล สมบูรณ์ ทุกงาน ทุกประการ
องค์พ่อท้าวเวสสุวรรณ ทรงสั่งสอนว่า มีความยุติธรรม จะช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ยกตัวอย่าง คำพูดบอกกล่าวตั้งปณิธานเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า
บัดนี้ ลูกขอตั้งปณิธานเจริญรอยตามพระพุทธองค์ ยึดถือพระพุทธองค์เป็นแบบอย่าง เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธองค์ ๛
บัดนี้ ลูกขอตั้งปณิธานเจริญพรหมวิหาร ๔ ของพ่อพรหมธาดา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะประพฤติปฏิบัติตนด้วยฐานจิต อกเขา-อกเรา เอื้อ-เกื้อ-กัน ให้อภัยไม่ถือสา ด้วยจิตหัวใจ ๕ กตัญญู ศรัทธา เชื่อมั่น หนักแน่น มั่นคง ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันไปมิได้ขาด อย่างจริงจัง จริงใจ เด็ดขาด ๛
๕. เผยแผ่ธรรมะ ตามคำสั่งสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และช่วยเหลือผู้อื่น หมายความว่า ให้เราปฏิบัติธรรมะตามคำสั่งสอนของท่าน เมื่อปฏิบัติรู้ซึ้งประจักษ์แจ้งแล้ว นำธรรมะเหล่านั้นมาเผยแผ่ให้คนอื่นได้รู้ เข้าใจปฏิบัติตาม
และนำหลักธรรมะเหล่านั้นมาช่วยเหลือผู้อื่น แก้ทุกข์ แก้เคราะห์ภัยให้กับผู้อื่น หรือให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้อื่น
ปลดทุกข์ให้ท่าน สุขนั้นถึงตัว
แก้ทุกข์ให้เขา สุขนั้นถึงเรา
หากว่าเราได้ไหว้บูชา ปฏิบัติครบทั้ง ๕ ข้อนี้ ย่อมก่อให้เกิดอานิสงส์ เกิดประโยชน์ เกิดผลลัพธ์อย่างมากมาย และทำให้เราเข้าถึงสรณะนั้ันๆ เข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ และจะทำให้เข้าใจ เข้าถึง เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ