JJNY : "วิโรจน์"แฉส่วยที่มูโนะ│“สุทิน”รับกังวล ปมศาลรธน.จะรับวินิจฉัย│บีโอไอชงรบ.ใหม่ ดัน 5อุตมุ่งเป้า│สหรัฐกังวลเมียนมา

"วิโรจน์" แฉส่วยที่มูโนะ ลั่น "ปล่อยไว้ไม่ได้"
https://siamrath.co.th/n/466448
 
 
วันที่ 1 ส.ค.66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า...
 
[ ส่วยที่มูโนะ ปล่อยไว้ไม่ได้ ]
 
เหตุการณ์โกดังพลุระเบิด ที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา การดำเนินคดีกับเจ้าของโกดัง ก็คงต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่มันจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดังไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ คนใน ต.มูโนะ ทราบดีว่า มีความเกี่ยวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์ รีดไถรังแกประชาชน เก็บส่วยส่งนายเป็นทอดๆ ชื่อของจ่า ฟ. ประชาชนในละแวกนั้นรู้จักกันดี ว่ามีหน้าที่เก็บส่วยธุรกิจสีเทาในมูโนะ ทั้งสินค้าหนีภาษี การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ
 
เรื่องนี้ รมว.มหาดไทย และ ผบ.ตร. ตรวจสอบดู ก็จะรู้ต้นสายปลายเหตุ และลากไส้ทั้งขบวนการออกมาโดยไม่ยาก
โกดังพลุ เก็บดินดำเป็นตันๆ อยู่ใจกลางชุมชน เป็นไปได้อย่างไร ที่ทหาร ตำรวจแล้วฝ่ายปกครองจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
 
เจ้าของโกดัง ที่ระเบิด ก็เคยถูก กอ.รมน. จับกุมมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายมั่นคง จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้
การกดขี่ รีดไถ รังแก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแต่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ รู้สึกหวาดระแวง และไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ
ที่ใดมีการกดขี่ การต่อต้านก็ย่อมเป็นหน้าที่ พลุที่เก็บอยู่ในหัวใจคน ถ้าถูกเหยียบย่ำกดขี่อยู่เรื่อยๆ สักวันมันก็ปะทุ และระเบิดออกมาได้นะครับ
วันที่ 3 สิงหาคมนี้ผมจะอภิปรายเรื่องนี้ในสภา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รมว.มหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผบ.ตร. และแม่ทัพภาค 4 จะตระหนักถึงปัญหาส่วยและการรีดไถประชาชน ในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และหวังว่าจะมีการปราบปรามให้หมดไปในเร็ววันนี้
 
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/783931080190115?ref=embed_post
 


“สุทิน” รับ กังวล ปม ศาลรธน.จะรับวินิจฉัย ญัตติเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ หวั่นกระทบโหวตนายกฯ 4 ส.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4108300

“สุทิน” รับ กังวล ปม ศาลรธน.จะรับวินิจฉัย ญัตติเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ หวั่นกระทบโหวตนายกฯ 4 ส.ค. ชี้ หากเสนอชื่อซ้ำได้ ต้องถก 8 พรรค
 
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ไม่มีความกังวล เรื่องการโหวตนายกฯ แต่ในส่วนของศาลรัญธรรมนูญนั้นยอมรับว่ามีความกังวลว่าศาลจะพิจารณารับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยหรือไม่ และจะมีคำสั่งให้ชะลอกระบวนการเลือกนายกฯ หรือไม่ จะชี้ไปทางไหนมากกว่า ทั้งนี้ หากศาลฯ วินิจฉัยว่าสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซ้ำได้ ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่าจะมีความเห็นอย่างไร แต่หากไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ ทางพรรค พท.ก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อ คือเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.



บีโอไอ ชงรัฐบาลใหม่ดัน5อุตมุ่งเป้า รื้อกม.เพิ่มประสิทธิภาพ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4108192

บีโอไอ ชงรัฐบาลใหม่ดัน5อุตมุ่งเป้า รีวิวแผนขับเคลื่อน รื้อกม.เพิ่มประสิทธิภาพ ชี้อุตอีวีโอกาสทองไทยฮับลงทุน
 
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์การลงทุนไทยระหว่างรอจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ว่า ช่วงปลายเดือนกรกฎาคที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดประชุมทีมผู้บริหารทั้งส่วนกลาง ศูนย์ภูมิภาค 7 แห่ง และสำนักงานต่างประเทศ 16 แห่ง เพื่อเตรียมการจัดทำข้อเสนอแผนการขับเคลื่อนการลงทุนภายใต้รัฐบาลใหม่ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องมือและกฎหมายด้านการส่งเสริมการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การออกแบบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่
 
รวมทั้ง การผลักดันการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า (บีซีจี, อีวี, สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์, ดิจิทัล, อุตสาหกรรมสร้างสรรค์), การส่งเสริมให้ไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarter), การขับเคลื่อนการลงทุนในพื้นที่เป้าหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมสมัยใหม่ตามศักยภาพของพื้นที่, การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนระดับโลก เป็นต้น
 
อย่างไรก็ตามในระหว่างรอตั้งรัฐบาล บีโอไอยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อดึงการลงทุนในห้วงเวลาสำคัญที่เป็นโอกาสทองสำหรับการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ไทยมีโอกาสสูงในการเป็นฐานก ารผลิตหลักของภูมิภาค และมีอีกหลายบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในไทย ทั้งการผลิตรถยนต์ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และระบบชาร์จไฟฟ้า
 
นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ แผ่นวงจรพิมพ์ (พีซีบี) รวมทั้งการทดสอบไอซี และเวเฟอร์ ที่มีการย้ายและขยายฐานการผลิตมาที่ไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
 
การลงทุนของกลุ่มนี้เป็นการตัดสินใจลงทุนระยะยาว จึงมองที่ปัจจัยพื้นฐานของประเทศเป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย  โดยเฉพาะความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชน สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการประกอบธุรกิจ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้งเชื่อว่าทุกรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มีเสียงสะท้อนจากนักลงทุนบางส่วนที่คาดหวังว่าประเทศไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องด้วย” นายนฤตม์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่