สวัสดีทุกคน ผมเป็นคนหนึ่งที่ดำรงชีวิตอยู่เพื่อลูก,ภรรยาและพี่น้อง ตอนนี้ผมรู้สึกชีวิตล้มเหลวอย่างไรไม่รู้ อธิบายไม่ถูก ผมอายุ36 ปี พวกๆในรุ่นเดียวกันบางคนก็ได้ดีบางคนก็ล้มหนัก ผมจบสายอุตสาหการ ชีวิตในตอนเด็กและวัยรุ่นบ้านฐานะค่อนไปทางจน ผมทำอาชีพเสริมส่งตัวเองเรียนเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ตั้งแต่ ปวส.จน ปตรี. ช่วงใกล้เรียนจบพ่อหนีหนี้สินทิ้งครอบครัวไป ผมเรียนจบมาทำงานไม่ตรงสายเพื่อนๆที่จบส่วนใหญ่ก็เป็นวิศวกรสายโรงงาน ตัวผมดันมาอยู่สายอสังหา ก่อสร้าง (ผมชอบเล่นหุ้น Forex) งานประจำที่ทำอยู่คืองานหลังการขาย และเป็นงานที่โคตรไม่มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว ทุกอย่างที่ลูกบ้านซื้อไปแล้วจะแจ้งงานซ่อมมาที่ผมหมด บ้านดีบ้างไม่ดีบ้างผมจะต้องเป็นผู้รับหน้ากับลูกค้าทั้งหมด ตลอดจนสาธารณูปโภคส่วนกลาง ความสะอาดแม่บ้าน รปภ นก หนู หมา แมว ฝุ่น ควัน เสียง ทั้งหมด ลงที่ผมหมด ทั้งในและนอกโครงการ
เรียกว่าสากกะเบือยันเรือรบจริงๆ ผมเพื่อเงิน บางทีผมก็แอบรับงานเสริม บวกราคา ผรม รับต่อเติม ทำเพื่อเงินมาหลายปี เก็บเงินพร้อมกับโบนัสได้ก้อนเล็กๆมาก้อนหนึ่ง ทำจนได้สนิทกับน้อง Site en ก่อสร้าง เราผลัดกันเฝ้าSiteงาน ไปรับจ๊อบพิเศษบ้าง หาเหมางานบ้าง จนได้เงินกันมาก้อนใหญ่แบ่งกันคนละครึ่ง
(ช่วงเวลาที่เหมางานเอง เหนื่อยแต่สนุกมาก) ชีวิตเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ช่วงก่อนลาออก แม่ป่วยเป็นมะเร็ง รักษาได้รับคีโมเกือบจะดีขึ้นกลับมีอาการStoke ติดเตียงอยู่2ปี ผม กับ พี่สาวอีก3คน ผลัดกันไปเฝ้าแม่ที่ รพ. หลังเลิกงาน เราเสียเงินค่ารักษาเยอะมากๆเพราะเราอยากจะยื้อชีวิตแม่ไว้ แต่ก่อนจะเซ็นลงชื่อหมอถามแล้วว่าจะปล่อยแม่ไปมั้ย
เราไม่อยากปล่อยแม่ไป เพราะเหมือนเราเป็นคนสั่งฆ่าแม่ เลยเลือกที่จะรักษาแม่แบบติดเตียงที่รพ. แม่ไม่รู้สึกตัว ขยับไม่ได้ รักษาจนวินาทีสุดท้ายจนแม่เสีย (ช่วงที่แม่ติดเตียงแม่ทรมานมากๆผมรับรู้ได้)
ทุกวันทุกเวลาในหัวผมคิดอยู่เรื่อง 2 เรื่อง
1.ว่าเราจะไปทำอะไรดีให้ได้เงินเยอะๆ
2.เราดูแลแม่ไม่ดีจึงทำให้แม่จากเราไป ตอนเขามีชีวิตก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เขา
กดดันตัวเอง คิดจนเป็นโรคนอนไม่หลับ จนบางครั้งนั่งทำงานไปร้องไห้ไป ขับรถก็ร้องไห้ไปแบบไม่รู้ตัว อยากจะไปอยู่กับแม่ชีวิตจะได้จบ
ผมทนทำงานประจำมาได้อีกระยะหลังแม่เสีย ทนจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
จึงตัดสินใจลาออกคิดว่าจะเอาเงินที่เหมางานมาได้หมด มาเทรดเลี้ยงชีพ ผมทนเทรดหลอกตัวเองว่าเราทำได้ จนเสียหายไปครึ่งนึงของเงินที่มี เสียใจจนบอกไม่ถูก
คราวนี้ก็เสียเงิน งานก็ไม่มีทำ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เสียสติ จนต้องไปพบหมอ หมอสั่งให้ยาระงับประสาทเพื่อให้นอนได้ ภรรยาพาไปหาพระลดน้ำมนต์ ผมก็ยังไม่มีท่าทีดีขึ้น
ไม่รู้ผีซ้ำด้ามพลอยอะไร
มีหมายศาลมา ให้เราไปเป็นพยานในศาล(คดีของแฟนเก่า) คราวนี้คิดมากไปกันใหญ่เป็นช่วงตกต่ำสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ สภาพผมคือศพที่ยังหายใจ
ควาทุกข์ใจของผม ผมไม่ได้เล่าให้ภรรยาผมฟังทั้งหมด ผมตอบคำเดียวว่ายังไหวแต่จริงๆข้างในผมพังไปหมดแล้วทั้งกายและใจ
จนตอนนี้ตัดสินใจกลับมาทำงานประจำได้ 3 เดือน ด้วยประสบการณ์ที่มี ต้องกลับมาทำในลักษณะเดิมเพราะพอจะเรียกเงินเดือนได้บ้าง แต่ผมก็ต้องรับสภาพงานเก็บขี้ให้คนอื่นและรองรับอารมณ์ลูกค้า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ผมต้องทนเพื่อต้องหาเงินเลี้ยงลูกไม่ให้ภรรยาต้องลำบากไปมากกว่านี้
เพราะเขาลำบากที่เลือกผมมาแล้ว
ผมใช้เงินที่เหลือหลังขาดทุนจาก หุ้นและForex ซื้อที่ดินแปลงเล็กๆราคาไม่แพง ในชื่อภรรยา เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเหลือถึงภรรยาและลูก
หากผมจากไป ผมพลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจะทำอะไรให้ผมมีเงิน ลูกและภรรยาผมจะต้องสบาย ผมได้แต่ฝืนกัดฟันไปทำงาน และ พูดสวัสดีกับทุกคนในวันที่ผมไม่มีความสุขเลย
"สวัสดี"ชีวิตที่ไม่มีความสุข
เรียกว่าสากกะเบือยันเรือรบจริงๆ ผมเพื่อเงิน บางทีผมก็แอบรับงานเสริม บวกราคา ผรม รับต่อเติม ทำเพื่อเงินมาหลายปี เก็บเงินพร้อมกับโบนัสได้ก้อนเล็กๆมาก้อนหนึ่ง ทำจนได้สนิทกับน้อง Site en ก่อสร้าง เราผลัดกันเฝ้าSiteงาน ไปรับจ๊อบพิเศษบ้าง หาเหมางานบ้าง จนได้เงินกันมาก้อนใหญ่แบ่งกันคนละครึ่ง
(ช่วงเวลาที่เหมางานเอง เหนื่อยแต่สนุกมาก) ชีวิตเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ช่วงก่อนลาออก แม่ป่วยเป็นมะเร็ง รักษาได้รับคีโมเกือบจะดีขึ้นกลับมีอาการStoke ติดเตียงอยู่2ปี ผม กับ พี่สาวอีก3คน ผลัดกันไปเฝ้าแม่ที่ รพ. หลังเลิกงาน เราเสียเงินค่ารักษาเยอะมากๆเพราะเราอยากจะยื้อชีวิตแม่ไว้ แต่ก่อนจะเซ็นลงชื่อหมอถามแล้วว่าจะปล่อยแม่ไปมั้ย
เราไม่อยากปล่อยแม่ไป เพราะเหมือนเราเป็นคนสั่งฆ่าแม่ เลยเลือกที่จะรักษาแม่แบบติดเตียงที่รพ. แม่ไม่รู้สึกตัว ขยับไม่ได้ รักษาจนวินาทีสุดท้ายจนแม่เสีย (ช่วงที่แม่ติดเตียงแม่ทรมานมากๆผมรับรู้ได้)
ทุกวันทุกเวลาในหัวผมคิดอยู่เรื่อง 2 เรื่อง
1.ว่าเราจะไปทำอะไรดีให้ได้เงินเยอะๆ
2.เราดูแลแม่ไม่ดีจึงทำให้แม่จากเราไป ตอนเขามีชีวิตก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เขา
กดดันตัวเอง คิดจนเป็นโรคนอนไม่หลับ จนบางครั้งนั่งทำงานไปร้องไห้ไป ขับรถก็ร้องไห้ไปแบบไม่รู้ตัว อยากจะไปอยู่กับแม่ชีวิตจะได้จบ
ผมทนทำงานประจำมาได้อีกระยะหลังแม่เสีย ทนจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
จึงตัดสินใจลาออกคิดว่าจะเอาเงินที่เหมางานมาได้หมด มาเทรดเลี้ยงชีพ ผมทนเทรดหลอกตัวเองว่าเราทำได้ จนเสียหายไปครึ่งนึงของเงินที่มี เสียใจจนบอกไม่ถูก
คราวนี้ก็เสียเงิน งานก็ไม่มีทำ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เสียสติ จนต้องไปพบหมอ หมอสั่งให้ยาระงับประสาทเพื่อให้นอนได้ ภรรยาพาไปหาพระลดน้ำมนต์ ผมก็ยังไม่มีท่าทีดีขึ้น
ไม่รู้ผีซ้ำด้ามพลอยอะไร
มีหมายศาลมา ให้เราไปเป็นพยานในศาล(คดีของแฟนเก่า) คราวนี้คิดมากไปกันใหญ่เป็นช่วงตกต่ำสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ สภาพผมคือศพที่ยังหายใจ
ควาทุกข์ใจของผม ผมไม่ได้เล่าให้ภรรยาผมฟังทั้งหมด ผมตอบคำเดียวว่ายังไหวแต่จริงๆข้างในผมพังไปหมดแล้วทั้งกายและใจ
จนตอนนี้ตัดสินใจกลับมาทำงานประจำได้ 3 เดือน ด้วยประสบการณ์ที่มี ต้องกลับมาทำในลักษณะเดิมเพราะพอจะเรียกเงินเดือนได้บ้าง แต่ผมก็ต้องรับสภาพงานเก็บขี้ให้คนอื่นและรองรับอารมณ์ลูกค้า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ผมต้องทนเพื่อต้องหาเงินเลี้ยงลูกไม่ให้ภรรยาต้องลำบากไปมากกว่านี้
เพราะเขาลำบากที่เลือกผมมาแล้ว
ผมใช้เงินที่เหลือหลังขาดทุนจาก หุ้นและForex ซื้อที่ดินแปลงเล็กๆราคาไม่แพง ในชื่อภรรยา เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเหลือถึงภรรยาและลูก
หากผมจากไป ผมพลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจะทำอะไรให้ผมมีเงิน ลูกและภรรยาผมจะต้องสบาย ผมได้แต่ฝืนกัดฟันไปทำงาน และ พูดสวัสดีกับทุกคนในวันที่ผมไม่มีความสุขเลย