หลังจากข้อมูลจากกล้อง James Webb ทำลายทฤษฏีบิ๊กแบง, ความงมงายจากจินตนาการในทฤฏีต่างๆของวิทยาศาสตร์ก็เริ่มถูกเจาะ..เช่น

(๑) ทฤษฏี บิ๊กแบง ผิด
Brian Cox บอกว่า  "James Webb Telescope Just Proved Big Bang Wasn't The Beginning!"
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

(๒) สสารมืด และ พลังงานมืด ไม่มีจริง

Neil deGrasse Tyson เปิดเผยล่าสุดว่า "Dark Matter Doesn't Exist And Didn't Come From Big Bang"
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
(๓) ทฤษฏี String Theory ผิด

Roger Penrose บอกว่า "String Theory Wrong And Dark Matter Doesn't Exist"
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมขออธิบายยาว ๆ ให้ท่านผู้อ่านกระทู้ที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้นะครับ

ก่อนอื่น  ขออธิบายเรื่อง Λ-CDM ก่อน (Lambda-CDM model)

Lambda-Cold Dark Matter  เป็นแบบจำลองมาตรฐาน
ของการศึกษาจักรวาลวิทยาตามทฤษฎี Big bang
เป็นความพยายามอธิบายถึงการมีอยู่และโครงสร้างของ
- รังสีไมโครเวฟพื้นหลังของจักรวาล
  (Microwave background Radiation : CMBR)
- โครงสร้างขนาดใหญ่ของเอกภพ
- การขยายตัวของเอกภพออกด้วยอัตราเร่ง

นี่คือแบบจำลองที่เรียบง่ายที่สุดที่เห็นพ้องกันว่า
สอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มานาน
จากการเฝ้าติดตามมาหลายสิบปี
และที่ผ่านมาก็ไม่มีฝ่ายใดเห็นแย้ง model นี้

แบบจำลอง Lambda-CDM  อ้างอิงจากพารามิเตอร์ 6 ตัว ได้แก่
- ความหนาแน่นทางกายภาพของ Dark matter
- ความหนาแน่นของ Dark energy
- Scalar spectral index
- Curvature fluctuation amplitude
- Reionization optical depth
.... จากข้อมูลเหล่านี้ จะสามารถคำนวณหาค่าอื่น ๆ ในแบบจำลอง
(รวมถึงค่าคงที่ Hubble และอายุของเอกภพ) ได้
ทีนี้ ..... เมื่อกลางปี 2022  
JWST ได้ค้นพบแกแลคซี่ที่ไกลมาก
จากข้อมูลบางอย่างของแกแลคซี่ไกล ๆ เหล่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสำรวจ 2 รายการ  คือ
- JWST Advanced Deep Extragalactic Survey (JADES)
- Cosmic Evolution Early Release Science Survey (SEERS)
ได้พบกาแลคซีจำนวนหนึ่งที่มี redshifts z มากกว่า 10
กาแลคซีเหล่านี้เป็นหนึ่งในกาแลคซีที่อยู่ไกลที่สุดเท่าที่เคยสังเกตมา
พวกมันอยู่ไกลมากจนเทียบย้อนเวลาไปได้
จนถึงช่วงเวลาที่เอกภพมีอายุน้อยกว่า 500 ล้านปี
กาแล็กซีเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่
และมีการพัฒนามากกว่าที่คาดไว้เท่านั้น
แต่ยังมีอัตราการผลิตดาวฤกษ์ที่สูงอีกด้วย

มวลโดยประมาณของกาแลคซีเหล่านั้น
หลายแห่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ประมาณ 1010 เท่าของดวงอาทิตย์
นั่นยังเล็กกว่าทางช้างเผือกมาก ๆๆๆ
.... แต่สำหรับเอกภพยุคแรก
พวกมันมีขนาดมหึมาจนแทบเป็นไปไม่ได้ทีเดียว


.... นี่คือจุดที่กลุ่มคน และ นักวิทยาศาสตร์/ดาราศาสตร์
ที่คัดค้าน/ไม่เห็นด้วยกับทฤษฏี Big bang ตั้งแต่แรก  
ได้ออกมาโต้แย้งว่า  กาแลคซีนั้นพัฒนาไปไกลเกินไป
และเร็วเกินไปที่จะก่อตัวขึ้นในเวลาน้อยกว่า 500 ล้านปี
.... ดังนั้น  ทฤษฏี Big bang จึงผิด
แถมยังลามไปบอกว่า Dark matter / Dark energy ไม่มีจริง
หลังจากนั้นก็ช่วงปลายปี 2022 ก็เริ่มมีคลิป Youtube
และ บทความต่าง ๆ ออกมาประปราย
ที่ท่าน จขกท.นำเสนอมานี้  ก็เป็นคลิปพวกนี้นี่เอง

แต่ .... นักดาราศาสตร์อีกฝ่าย (เสียงข้างมาก 😂🤣)
กลับเห็นว่าการค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทาย
ในการจำลองเอกภพในยุคแรกเริ่ม  โดยพวกเขาอธิบาย
ไปในแนวทางเดียวกันว่ากุญแจสำคัญในการจำลองจักรวาล
คือ  การสร้างแบบจำลองอย่างละเอียด  มีเงื่อนไขหลากหลาย
และ  ใส่ตัวแปรที่ updated ลงไปด้วย

การศึกษาเมื่อปี 2018 - 2020  มีการใช้แบบจำลองความละเอียดสูง
เรียกกันว่า "Renaissance" ทำงานบน Super-Computer
Blue Waters Sustained Petascale Computing ที่มหาวิทยาลัย Illinois
การจำลองนี้สามารถจำลองกาแลคซีในเอกภพในยุคแรกเริ่ม
ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กแค่ 10,000 เท่าของมวลดวงอาทิตย์
เป็นหนึ่งในการจำลองที่มีรายละเอียดมากที่สุดในปัจจุบัน

ทีมงานของ JWST  ได้สอบกาแลคซี 6 แห่งจากการสำรวจของ
JADES และ SEERS   ซึ่งมี red-shift z มากกว่า 10
เมื่อทีมงานเปรียบเทียบแกแลคซี่เหล่านั้น
กับค่าเฉลี่ยของแกแลคซี่จากแบบจำลอง Renaissance
พวกเขาพบว่ามีความสอดคล้องกันอย่างชัดเจน
นั่น .... สรุปได้ว่าสิ่งที่ JWST ยังคงสนับสนุนทฤษฏี Big bang ครับ

   การจำลองด้วย SuperComputer ที่นำเอา
สภาพดั้งเดิมของเอกภพเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
มาจำลองตามกฎของฟิสิกส์เพื่อสร้างกาแลคซีสมัยแรกเริ่ม
โดยจำลองกับพารามิเตอร์พื้นฐานของแบบจำลอง ΛCDM
(ตามที่ผมกล่าวไว้ข้างบน)
การจำลองแบบครบถ้วนอย่างนี้
ทำให้นักวิจัยสามารถเล่นกับแบบจำลองได้หลายประเภท
หากไม่มีแบบจำลองใดเลยที่สามารถสร้างกาแลคซี
ที่มีมวลมากขนาดนั้นได้ในยุคแรกเริ่มนั้น ....
ΛCDM ก็อาจมีปัญหาว่าไม่ถูกต้อง

โชคดีที่ไม่มีปัญหาดังกล่าวเลย
ผลการจำลองปรากฏว่ามีกาแลคซีที่มีมวล 108 เท่า
ของดวงอาทิตย์ในเอกภพในยุคแรก .... ผลลัพท์นี้
ได้ส่งไปยัง The Astrophysical Journal Letters  และเผยแพร่ทาง arXiv
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่