เจริญอานาปานสติ รู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้ลมหายใจสั้น-ยาว รู้ลมหายใจหยาบ-ละเอียด
เมื่อเจริญอานาปานสติ สติตัวรู้จะยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อตัวคิด ตัวฟุ้งซ่านจางหายและหมดไป
สุดท้ายเหลือแต่สติ ตัวรู้ จิตตั้งมั่น
กาย ลมหายใจและความคิดฟุ้งซ่านหายไปหมดสิ้นที่ฌาน 4
สติตัวรู้ นี่แหละ เป็นผู้รู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้ลมหายใจสั้น-ยาว รู้ลมหายใจหยาบ-ละเอียด รู้ลมหายใจดับ รู้ปีติเกิด รู้ปีติดับ รู้สุขเกิด รู้สุขดับ รู้ความสงบในอุเบกขาและความว่าง รู้ว่าโลภะ โมหะ โทสะเกิดขึ้นที่จิต ยิ่งเจริญอานาปานสติมากๆ สติตัวรู้ยิ่งเด่นชัด เป็นสัมมาสมาธิ
ต่างจากสมาธิฤาษี ที่เพ่งกสิณอย่างเดียวไม่จับลมหายใจ จะดำดิ่งลงไปกับความสงบ เหมือนคนวูบดับไป อันนี้เป็นมิจฉาสมาธิ
ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อสด ท่านจึงให้ภาวนาควบคู่ดูลมหายใจเข้า-ออกตลอดเพื่อไม่ให้หลงไปเป็นฌานฤาษี ที่ดำดิ่งไปกับความว่าง ความสงบโดยขาดสติผู้รั
เจริญอานาปานสติ รู้ลมหายใจเข้า-ออก
เมื่อเจริญอานาปานสติ สติตัวรู้จะยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อตัวคิด ตัวฟุ้งซ่านจางหายและหมดไป
สุดท้ายเหลือแต่สติ ตัวรู้ จิตตั้งมั่น
กาย ลมหายใจและความคิดฟุ้งซ่านหายไปหมดสิ้นที่ฌาน 4
สติตัวรู้ นี่แหละ เป็นผู้รู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้ลมหายใจสั้น-ยาว รู้ลมหายใจหยาบ-ละเอียด รู้ลมหายใจดับ รู้ปีติเกิด รู้ปีติดับ รู้สุขเกิด รู้สุขดับ รู้ความสงบในอุเบกขาและความว่าง รู้ว่าโลภะ โมหะ โทสะเกิดขึ้นที่จิต ยิ่งเจริญอานาปานสติมากๆ สติตัวรู้ยิ่งเด่นชัด เป็นสัมมาสมาธิ
ต่างจากสมาธิฤาษี ที่เพ่งกสิณอย่างเดียวไม่จับลมหายใจ จะดำดิ่งลงไปกับความสงบ เหมือนคนวูบดับไป อันนี้เป็นมิจฉาสมาธิ
ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อสด ท่านจึงให้ภาวนาควบคู่ดูลมหายใจเข้า-ออกตลอดเพื่อไม่ให้หลงไปเป็นฌานฤาษี ที่ดำดิ่งไปกับความว่าง ความสงบโดยขาดสติผู้รั