ผมพูดในฐานะคนที่เชียร์พรรคก้าวไกลมาตลอด หลังจากโหวตนายกรอบแรกที่ คุณพิธา ไม่ผ่านการโหวตนายก ผมคนนึงที่เชียร์ก้าวไกลมาตลอด รู้สึกผิดหวังในตัวพรรคก้าวไกลมาก แต่สิ่งที่ผมเข้าใจในเรื่องต่างๆ เป็นการรับฟังมาจากหลายๆที่ ทำให้ผมตกผลึกทางความคิดในเรื่องนี้ ขออธิบายในกระทู้ pantip อย่างนี้ครับ
ผมมองว่ามันเป็นจิตวิทยาทางการเมืองอย่างนึง ก้าวไกลจะผ่านไปได้อย่างยั่งยืนและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนยังคงอยู่ ควรจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอกเล่าอย่างนี้ครับ
ฝั่งตรงข้ามพยายามจะหาเหตุผล มาสร้างกำแพงเพื่อที่จะไม่โหวตคุณพิธาเป็นนายก สิ่งที่ก้าวไกลควรทำควรพังกำแพงนั้นลงมา เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามไม่มีความชอบธรรมที่จะไม่โหวต เช่น การแก้ไข ม.112 ถ้าในช่วงบ่ายวันที่โหวตรอบแรก คุณพิธาลุกขึ้นแล้วบอกว่า ผมจะไม่ยื่นแก้ไข ม.112 ผมว่าสถานะการอาจจะเปลี่ยน ถึงผลโหวตจะเหมือนเดิม แต่สถานะความคิดประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยน (เปลี่ยนไปยังไง จะเล่าดังต่อไปนี้ครับ)
พรรคก้าวไกล เชื่อไหมครับว่า ประชาชนที่เลือกมา 14 ล้านเสียง มั่นใจจริงๆ หรือครับว่า ทั้ง 14 ล้านเสียง อยากให้แก้ไข ม.112 ผมคิดว่าเสียงส่วนมากใน 14 ล้านเสียง อาจจะชอบนโยบายอื่นของก้าวไกลมากกว่านะ คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ พอเป็นแบบนี้ มันจะทำให้ประชาชนที่สนับสนุนก้าวไกลผิดหวัง ผมว่าส่วนมากมองว่า เพราะไม่ถอย ม.112 ไง ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล ถึงจะบอกว่า ถึงถอย ฝ่ายตรงข้ามจะหาเรื่องอื่น มาไม่โหวตอยู่ดี แต่พรรคก้าวไกลต้องเข้าใจนะครับว่า ข้ออ้าง ม.112 มันเป็นกำแพงเหล็กชั้นดี เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบัน ถ้าก้าวไกลถอย มันเป็นการทำลายกำแพงเหล็กออก ถึงจะอ้างเรื่องอื่น เช่น หุ้น ITV คุณพิธา ศาลกำลังพิจารณา มันอาจจะเป็นแค่กำแพงไม้ ก็ได้ไม่แข็งแรงพอที่จะไม่โหวต เพราะข่าวก็ออกมาก่อนหน้านี้ ว่ามีการส่งงบ 2 ที่ไม่เหมือนกัน หรือ คำพูดในที่ประชุมกับสรุปการประชุมไม่เหมือนกัน มันชัดเจนว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ผมว่าประชาชนก็รู้ดี
ขอร้องให้พังกำแพงเหล็ก คือข้ออ้าง ม.112 ก่อน เพราะว่าถ้าเลือกเส้นทาง ยอมหัก ไม่ยอมงอ ผมว่าความเสียหายระยะยาว จะตรงอยู่ที่ก้าวไกล เช่น คนที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล จะรู้สึกผิดหวังที่ คุณพิธา ไม่ได้เป็นนายก เพียงเพราะไม่ยอมถอย ม.112 ผมว่าอนาคตคะแนนจะลดลงในระยะยาวมากกว่า
ให้ได้เป็นรัฐบาลเต็มตัวก่อน ทำหน้าที่บริหารเต็มที่ ดำเนินนโยบายอีก 290 ข้อ ให้ประชาชนก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมขอบอกพรรคก้าวไกล แบบนี้ครับ คง ม.112 บทลงโทษไว้เหมือนเดิมครับ แต่ให้ดูเรื่องการบังคับใช้แทน ไม่ให้ใช้เหตุการณ์กลั่นแกล้งทางการเมือง มาจับผู้ชุมนุมในการประท้วง (แต่ก็ต้องเข้าใจเหตุการณ์นะครับว่า เวลามีการชุมนุมประท้วงรัฐบาล แล้วมีประชาชนบางส่วน เผารูปภาพพระมหากษัตริย์ เผาธงชาติ เอาจริงๆ ผมเป็นประชาชนคนนึง ก็คิดว่าไม่เหมาะสม พระมหากษัตริย์ท่านอยู่เหนือการเมือง ทำให้รัฐบาลก็อ้าง ม.112 มาจับกุม ผู้ชุมนุมประท้วง การแก้ที่ต้นเหตุการณ์ มันน่าจะเป็นการทำความเข้าใจว่า ประท้วงรัฐบาล ก็ไม่ควรให้ประชาชนทำแบบนี้ หรือว่าดูเรื่องการบังคับใช้กฎหมายนี้ ดีกว่า หรือไม่ก็เพิ่มกฎหมายขึ้นมา เช่น ใช้ประเด็นทางการเมืองกล่าวหาประชาชน ใน ม.112 เพื่อให้ได้รับโทษ ควรมีกฎหมายคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้ที่กล่าวหา ถ้าไม่เป็นความจริง หรือ ว่าเพิ่มกฎหมาย ในโครงการต่างๆ ถ้าเป็นธุรกิจสีเทา หรือฟอกเงิน แต่แอบอ้างชื่อสถาบัน ก็ควรมีบทลงโทษแก่ผู้กล่าวอ้างและให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น ผมว่าแบบนี้ จะเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ดีกว่า การลดโทษใน ม.112 อยากให้พรรคก้าวไกลลองคิดดูครับ
ถึงจะก้าวไกลพูดว่านำเสนอไป ก็ขอให้ถูกตีตกตอนเสนอกฎหมาย อยากให้ลองฟังเสียงพรรคอื่นๆ ในตอนนี้ ก็น่าจะเห็นอนาคต เพราะยังไงกฎหมาย ที่จะแก้ไข ม.112 ก็ถูกตีตกอยู่ดี เชื่อผมนะ หาทางอื่น ที่จะบังคับใช้กฎหมาย ม.112 ตอนเป็นรัฐบาลแล้วน่าจะดีกว่าครับ
ผมเข้าใจชัดเจน เรื่องการแก้ไข ม.112 ฝ่ายตรงข้างจะอ้างว่า เป็นการลดโทษ จะเป็นการล้มล้างสถาบัน แต่ผมเข้าใจทางฝั่งก้าวไกลนะ ว่าจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์และประชาชน การลงโทษ ขังคุก ประชาชน ไม่ใช่การแก้ปัญหา (ยกตัวอย่าง ครอบครัว มีพ่อแม่ ลูก / พ่อแม่ คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ลูกคือประชาชน ถ้าลูกทำไม่ถูก ด่าพ่อแม่ และถูกพ่อกับแม่ จับขังคุก หรือลงโทษ คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อแม่ กับ ลูกจะดีได้ไหม นึกภาพออกไหมครับ ว่าการรักพ่อแม่ มันไม่ได้เริ่มจากความกลัว ความกลัวที่จะถูกลงโทษ มันควรจะออกมาจากจิตใจ หรือวิธีอื่น ถึงจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อแม่ และลูก ดีขึ้นได้ เนี่ยแหละครับที่ผมเข้าใจความหมายว่าทำไม ก้าวไกลต้องแก้ไข แต่มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีความคิดเห็นขัดแย้งอยู่เยอะมากครับ อยากให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ก้าวไกลควรที่จะเข้าใจตรงนี้นะครับ พังกำแพงเหล็กลงมาให้ได้ก่อนครับ
ผมเข้าใจนะว่าที่ก้าวไกลยึดมั่นว่า สัญญานโยบายไว้ 300 นโยบาย ลดไปข้อนึง คือการหักหลังประชาชน ผมว่ามันไม่ใช่ เชื่อผมเถอะไม่มีใครที่ชอบทั้ง 300 นโบายและเลือก อาจจะชอบบางนโยบายและตัดสินใจเลือก อย่าตัดสินใจยอมหัก ไม่ยอมงอ นะครับ อันตรายมากๆ ประชาชนส่วนมากจะผิดหวังและคะแนนเสียงจะหายไปบางส่วนในระยะยาว
ประชาชนรอให้ก้าวไกล มาแก้โครงสร้างและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศอยู่นะครับ พังกำแพงที่ฝั่งตรงข้ามอ้าง เพื่อที่จะไม่โหวตให้ได้นะครับ สู้ๆครับ
จิตวิทยาการเมือง เอาใจช่วย คุณพิธา พรรคก้าวไกล ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ผมมองว่ามันเป็นจิตวิทยาทางการเมืองอย่างนึง ก้าวไกลจะผ่านไปได้อย่างยั่งยืนและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนยังคงอยู่ ควรจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอกเล่าอย่างนี้ครับ
ฝั่งตรงข้ามพยายามจะหาเหตุผล มาสร้างกำแพงเพื่อที่จะไม่โหวตคุณพิธาเป็นนายก สิ่งที่ก้าวไกลควรทำควรพังกำแพงนั้นลงมา เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามไม่มีความชอบธรรมที่จะไม่โหวต เช่น การแก้ไข ม.112 ถ้าในช่วงบ่ายวันที่โหวตรอบแรก คุณพิธาลุกขึ้นแล้วบอกว่า ผมจะไม่ยื่นแก้ไข ม.112 ผมว่าสถานะการอาจจะเปลี่ยน ถึงผลโหวตจะเหมือนเดิม แต่สถานะความคิดประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยน (เปลี่ยนไปยังไง จะเล่าดังต่อไปนี้ครับ)
พรรคก้าวไกล เชื่อไหมครับว่า ประชาชนที่เลือกมา 14 ล้านเสียง มั่นใจจริงๆ หรือครับว่า ทั้ง 14 ล้านเสียง อยากให้แก้ไข ม.112 ผมคิดว่าเสียงส่วนมากใน 14 ล้านเสียง อาจจะชอบนโยบายอื่นของก้าวไกลมากกว่านะ คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ พอเป็นแบบนี้ มันจะทำให้ประชาชนที่สนับสนุนก้าวไกลผิดหวัง ผมว่าส่วนมากมองว่า เพราะไม่ถอย ม.112 ไง ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล ถึงจะบอกว่า ถึงถอย ฝ่ายตรงข้ามจะหาเรื่องอื่น มาไม่โหวตอยู่ดี แต่พรรคก้าวไกลต้องเข้าใจนะครับว่า ข้ออ้าง ม.112 มันเป็นกำแพงเหล็กชั้นดี เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบัน ถ้าก้าวไกลถอย มันเป็นการทำลายกำแพงเหล็กออก ถึงจะอ้างเรื่องอื่น เช่น หุ้น ITV คุณพิธา ศาลกำลังพิจารณา มันอาจจะเป็นแค่กำแพงไม้ ก็ได้ไม่แข็งแรงพอที่จะไม่โหวต เพราะข่าวก็ออกมาก่อนหน้านี้ ว่ามีการส่งงบ 2 ที่ไม่เหมือนกัน หรือ คำพูดในที่ประชุมกับสรุปการประชุมไม่เหมือนกัน มันชัดเจนว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ผมว่าประชาชนก็รู้ดี
ขอร้องให้พังกำแพงเหล็ก คือข้ออ้าง ม.112 ก่อน เพราะว่าถ้าเลือกเส้นทาง ยอมหัก ไม่ยอมงอ ผมว่าความเสียหายระยะยาว จะตรงอยู่ที่ก้าวไกล เช่น คนที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล จะรู้สึกผิดหวังที่ คุณพิธา ไม่ได้เป็นนายก เพียงเพราะไม่ยอมถอย ม.112 ผมว่าอนาคตคะแนนจะลดลงในระยะยาวมากกว่า
ให้ได้เป็นรัฐบาลเต็มตัวก่อน ทำหน้าที่บริหารเต็มที่ ดำเนินนโยบายอีก 290 ข้อ ให้ประชาชนก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมขอบอกพรรคก้าวไกล แบบนี้ครับ คง ม.112 บทลงโทษไว้เหมือนเดิมครับ แต่ให้ดูเรื่องการบังคับใช้แทน ไม่ให้ใช้เหตุการณ์กลั่นแกล้งทางการเมือง มาจับผู้ชุมนุมในการประท้วง (แต่ก็ต้องเข้าใจเหตุการณ์นะครับว่า เวลามีการชุมนุมประท้วงรัฐบาล แล้วมีประชาชนบางส่วน เผารูปภาพพระมหากษัตริย์ เผาธงชาติ เอาจริงๆ ผมเป็นประชาชนคนนึง ก็คิดว่าไม่เหมาะสม พระมหากษัตริย์ท่านอยู่เหนือการเมือง ทำให้รัฐบาลก็อ้าง ม.112 มาจับกุม ผู้ชุมนุมประท้วง การแก้ที่ต้นเหตุการณ์ มันน่าจะเป็นการทำความเข้าใจว่า ประท้วงรัฐบาล ก็ไม่ควรให้ประชาชนทำแบบนี้ หรือว่าดูเรื่องการบังคับใช้กฎหมายนี้ ดีกว่า หรือไม่ก็เพิ่มกฎหมายขึ้นมา เช่น ใช้ประเด็นทางการเมืองกล่าวหาประชาชน ใน ม.112 เพื่อให้ได้รับโทษ ควรมีกฎหมายคุ้มครองประชาชน และลงโทษผู้ที่กล่าวหา ถ้าไม่เป็นความจริง หรือ ว่าเพิ่มกฎหมาย ในโครงการต่างๆ ถ้าเป็นธุรกิจสีเทา หรือฟอกเงิน แต่แอบอ้างชื่อสถาบัน ก็ควรมีบทลงโทษแก่ผู้กล่าวอ้างและให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น ผมว่าแบบนี้ จะเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ดีกว่า การลดโทษใน ม.112 อยากให้พรรคก้าวไกลลองคิดดูครับ
ถึงจะก้าวไกลพูดว่านำเสนอไป ก็ขอให้ถูกตีตกตอนเสนอกฎหมาย อยากให้ลองฟังเสียงพรรคอื่นๆ ในตอนนี้ ก็น่าจะเห็นอนาคต เพราะยังไงกฎหมาย ที่จะแก้ไข ม.112 ก็ถูกตีตกอยู่ดี เชื่อผมนะ หาทางอื่น ที่จะบังคับใช้กฎหมาย ม.112 ตอนเป็นรัฐบาลแล้วน่าจะดีกว่าครับ
ผมเข้าใจชัดเจน เรื่องการแก้ไข ม.112 ฝ่ายตรงข้างจะอ้างว่า เป็นการลดโทษ จะเป็นการล้มล้างสถาบัน แต่ผมเข้าใจทางฝั่งก้าวไกลนะ ว่าจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์และประชาชน การลงโทษ ขังคุก ประชาชน ไม่ใช่การแก้ปัญหา (ยกตัวอย่าง ครอบครัว มีพ่อแม่ ลูก / พ่อแม่ คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ลูกคือประชาชน ถ้าลูกทำไม่ถูก ด่าพ่อแม่ และถูกพ่อกับแม่ จับขังคุก หรือลงโทษ คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อแม่ กับ ลูกจะดีได้ไหม นึกภาพออกไหมครับ ว่าการรักพ่อแม่ มันไม่ได้เริ่มจากความกลัว ความกลัวที่จะถูกลงโทษ มันควรจะออกมาจากจิตใจ หรือวิธีอื่น ถึงจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อแม่ และลูก ดีขึ้นได้ เนี่ยแหละครับที่ผมเข้าใจความหมายว่าทำไม ก้าวไกลต้องแก้ไข แต่มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีความคิดเห็นขัดแย้งอยู่เยอะมากครับ อยากให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ก้าวไกลควรที่จะเข้าใจตรงนี้นะครับ พังกำแพงเหล็กลงมาให้ได้ก่อนครับ
ผมเข้าใจนะว่าที่ก้าวไกลยึดมั่นว่า สัญญานโยบายไว้ 300 นโยบาย ลดไปข้อนึง คือการหักหลังประชาชน ผมว่ามันไม่ใช่ เชื่อผมเถอะไม่มีใครที่ชอบทั้ง 300 นโบายและเลือก อาจจะชอบบางนโยบายและตัดสินใจเลือก อย่าตัดสินใจยอมหัก ไม่ยอมงอ นะครับ อันตรายมากๆ ประชาชนส่วนมากจะผิดหวังและคะแนนเสียงจะหายไปบางส่วนในระยะยาว
ประชาชนรอให้ก้าวไกล มาแก้โครงสร้างและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศอยู่นะครับ พังกำแพงที่ฝั่งตรงข้ามอ้าง เพื่อที่จะไม่โหวตให้ได้นะครับ สู้ๆครับ