[CR] No.47 Past Lives : ผ่านเข้ามา มาแล้วไป ไปแล้วจำ จำแล้วจะเก็บไปคิดต่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของคุณ


- ถึงแม้ภาพรวมจะดูง่ายกว่าที่คิด แต่กลับเขียนถึงเรื่องนี้ยากยิ่งกว่า ไม่ใช่แค่หยิบประเด็นใกล้ตัวอย่างความรักของคนหนุ่มสาว 2 - 3 คนมาเป็นจุดขายในการเล่าเท่านั้น หนังพาเราสำรวจเจาะลึกในปัจจัยอีกหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ไว้ในความ Luxury ในความเป็น New Society กับ ความ Nostalgia ในความเป็น Traditional Cultural ผสมรวมกันไว้ซับซ้อนเกินจะหยั่งรู้ได้ทั้งหมด อีกทั้งบริบทที่กล่าวมามันแนบเนียนไปกับบรรยากาศเรียบ ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีฉากไหนขยี้อารมณ์ให้ตื่นเต้นหรือหวาดเสียวถึงจุดสุดยอดใด ๆ มันทำให้ผมใช้เวลาในการประมวลหาเหตุผลกับมุมมองความรู้สึกส่วนตัวของตนเองตกผลึกทางความคิดไปหลายวันเลยทีเดียว แต่ขณะดูผมกลับมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวจนเผลอน้ำตาซึมออกมาเองเฉย คือ Scene ที่ Nora กับ Jung Hae Sung วัยเด็กยืนมองหน้ากันอยู่ตรงขั้นบันไดทางแยก กับ Scene ที่ทั้งคู่สวมกอดกันหลังจาก Dinner กันเสร็จ ถึงแม้มันเป็น Scene ที่ถ่ายภาพได้ธรรมดาแต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้มันโคตรจริงใจกับการเล่นความรู้สึกกับอารมณ์ของคนออกมาจริง ๆ

- ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ผ่านไปเร็วจนไม่ต้องแวะดูเวลาว่าผ่านไปเท่าไหร่ ก็เพราะการเล่าเรื่องด้วยการแบ่งออกเป็น 3 Timeline หลัก คือ วัยเด็ก , วัยหนุ่มสาว และ วัยกลางคน จะช่วยให้เราเรียบเรียงเหตุการณ์ได้ถูกต้องชัดเจนขึ้น แต่ละช่วงจะผ่านไปครั้งละ 12 ปี โดยโฟกัสไปที่ตัวของ Nora และ Jung Hae Sung พระ-นางเป็นหลัก ตัดสลับ Part ไปมาของแต่ละคนไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ ด้วยระยะเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาทีที่ให้มาแน่นอนว่าไม่สามารถบอกเล่า Details ได้ทุกอิริยาบถ ดังนั้นหนังจึงเลือกในส่วนที่คิดว่าสำคัญ ๆ มาทำความรู้จักกับคนดูดีกว่า อย่างเช่น ช่วงที่ Nora กำลังย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่นิวยอร์ค พร้อมขอให้เธอเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็นภาษาอังกฤษ , ความฝันอยากเป็นนักเขียนตามรอยครอบครัวของเธอพยายามถีบตนเองให้ไปอยู่ถึงจุดนั้น , การพบกับ Arthur ที่บ้านพักศิลปินจนกระทั่งแต่งงานกันและประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียนร่วมกันในเวลาต่อมา ขณะที่ Jung Hae Sung ใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีมาตลอด มีแวะไปเกณฑ์ทหารและเรียนต่อภาษาที่ประเทศจีนในช่วงสั้น ๆ แม้หนังจะไม่ได้แสดงภาพหรือขยาย Details ลงลึกไปกว่านั้น แต่ก็เลือกใช้วิธีการบอกกล่าวจากปากของทั้งคู่แทนเพื่อให้รู้ว่าช่วงเวลาที่ห่างกันไปหลายปีทั้งคู่แวะข้างทางพบเจอกับใครกับอะไรมาบ้าง แล้วกว่าที่ทั้งคู่จะเจอกันตัวต่อตัวก็เข้าไปจะท้ายเรื่องแล้ว 

- ตลอดทั้งเรื่องถึงแม้ไม่วูบหลับ แต่มีหาวบ้างเป็นระยะ ดูจากหนังหน้าโปสเตอร์หนังดูเป็นฟิลโรแมนติกขายชื่อพพระ-นางคล้ายกับค่าย GTH แต่ไม่อาจรับประกันความไว้วางใจในการดำเนินเรื่องตามสไตล์หนังค่ายนี้ ซึ่งต้องยกคุณงามความดีให้แก่ Celine Song ผู้กำกับสาวหน้าใหม่ที่นำเรื่องราวของเธอมาเขียนเป็นบทหนังแล้วมาขัดเกลาบทให้ลงตัวสวยงาม กลมกล่อมขึ้น ถูกปากคนทานมากขึ้น จัดสรรปันส่วนน้ำหนักของปมหรือเฉลี่ยบทของนักแสดงนำอย่าง Greta Lee , Teo Yoo และ John Magaro ได้มีพื้นที่ปล่อยของเต็มที่ รวมถึงมีไม้เด็ดซ่อนอยู่ในความธรรมชาติก็คือบทสนทนาแต่ละคำแต่ละประโยคเต็มไปด้วยนัยยะของ Dialogue ที่แฝงมากับการตั้งคำถาม การค้นหา การเปรียบเทียบกับโชคชะตา พรหมลิขิต อุปมาอุปไมยเกินจริงของตัวละครแต่เป็นคำที่มนุษย์ปุถุชนจับต้องได้ในสังคมปัจจุบันที่โหยหาอะไรบางอย่าง แม้บางประโยคที่พูดออกไปมโนเพ้อพกถ้อยทีถ้อยคำเกินไปหน่อย ขณะเดียวกันมีความดาร์กในเรื่องของกิเลสตัณหาที่มีความต่อสู้ขัดแย้งในตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ตัวร้ายในเรื่องมากกว่ากำหนดว่าใครเป็นตัวดีตัวร้ายหรือเรื่องรัก 3 เส้า แต่ถ้าตีความแต่ละ Message พวกนี้ออกจะเข้าใจถึง Keywords จนร้องอ๋อทันที ส่วนตัวผมไม่เข้าใจพวกประโยคพร่ำพรรณนาพวกนี้เท่าไหร่ว่าพูดถึงอะไรทำไมมันเวิ้นเว้ออะไรขนาดนั้น และ ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องความรักฉันกับเธออะไรนัก อย่างดีก็แค่แอบ ๆ มองแล้วเก็บไปคิดคนเดียวแค่นั้น แต่เรื่องนี้มันพาลงลึกกว่านั้นแถมอธิบายให้เราเห็นภาพไปไกลมากกว่านำเสนอฉากแต่งงานจูบดูดดื่มโชว์ภาพ Happy Ending กันเสียอีก 

- สรุป ชอบมาก หลงใหลในความคลุมเครือแต่ประทับใจทุกฉาก เสพติดความจริงที่ลึกซึ้งแต่เจ็บปวดทุกทาง แม้จะลงเอยตามที่คิดไว้หรือไม่ก็ตามจนติด 1 ในหนังที่ชอบในปีนี้ไปอีก 1 เรื่องเป็นที่เรียบร้อย จังหวะการตัดต่อระหว่าง Timeline หนึ่งไปสู่อีก Timeline หนึ่งจะมี Details บางอย่างตกหล่นหายกลางทางจากการตัดต่อข้ามไปข้ามมาจนรู้สึกแปลก ๆ อยู่ได้ว่าไม่เป็นเนื้อเดียวกัน แต่ก็ยังจับทางได้ เข้าใจง่าย มีเหตุมีผล ไม่สุดทางในความเป็นอินดี้ที่เข้าไม่ถึงและยังเหลือพื้นที่บางส่วนให้ใส่ความแมสลงไปให้คนเข้าถึงมากขึ้น เพราะ ความหมายที่สัมผัสได้ไม่มากไม่น้อยมันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผูกโยงกับ Lifestyle การใช้ชีวิตในสังคมโดยเฉพาะการปฏิสัมพันธ์ของคนหนุ่มสาวที่ผ่านช่วงเวลาหนึ่งก็จะโหยหาอะไรบางอย่างที่ขาดไปหรือกำลังตามหามาทั้งชีวิตนอกเหนือจากความรักโดยไม่ตัดสินแทนคนดูว่าถูกหรือผิด ไม่เลือกหาทำตาม Pattern สูตรสำเร็จรูปแต่ให้มวลสารบางอย่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเป็นคำถามสอนใจเพื่อนำไปคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และตกผลึกกับมุมมองของเรากันเอง อันไหนถูกจริตก็เก็บเอาไว้ อันไหนไม่สำคัญก็ปล่อยผ่านไป

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่