เช้านี้ เจ้าหญิงวิมลลักษณาทรงพาฮองเฮาหยวนหยวนเสด็จเยี่ยมประชาชน
ที่มาช่วยเตรียมงานอภิเษกฯที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า
ประชาชนที่มาช่วยกันเตรียมงานมีทั้งประชาชนจากโสฬส หนานนูเปียและโชกุนโพ
จริง ๆ แล้ว ตำแหน่งราชินีกับฮองเฮาของโชกุนโพแทบไม่ต่างกันมากนัก
เพียงแต่ระเบียบปฏิบัติ อยากให้มีความต่าง ซึ่งเป็นความต่างเชิงนโยบายมากกว่า
ขณะที่ทั้งสองพระองค์กำลังเดินเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาช่วยงานอยู่นั้น
ได้มีกำลังทหารที่นอกเหนือจากราชองครักษ์เข้ามารายงานตัวกับเจ้าหญิงวิมลลักษณา
เจ้าหญิงทรงถามว่ามาจากส่วนไหน ก็ได้รับคำตอบว่ามาจากนายพลรามัญ
นายพลแม็กและนายพลเฉิน ทั้งหมดพร้อมมาเป็นกองเกียรติยศในวันงานอภิเษกฯ
เรื่องนี้สร้างความแปลกใจกับตัวเจ้าหญิงอยู่ไม่น้อยจนฮองเฮาหยวนหยวนเกิดสงสัย
เจ้าหญิงทรงตอบว่า "ทหารส่วนนั้นไม่เคยมายุ่งกับพวกเราเลยในระยะหลัง ๆ
หญิงเลยแปลกใจมากค่ะที่พวกเขาจะมาในวันงานด้วย"
ฮองเฮาทรงแย้มสรวล "ใคร ๆ ก็อยากมาช่วยงานน้องหญิงกันทั้งนั้นนะคะ
พี่อิจฉาน้องหญิงจังเลย พี่เองไม่เคยมีงานแบบนี้หรอกค่ะ ใช้เลื่อนขั้นเอา
เหตุการณ์ที่พอจะเทียงเคียงได้กับงานอภิเษกก็ตอนที่กษัตริย์โพสีทรงเลือก
ให้พี่เป็นพระสนมเอก วันนั้นพี่มีความสุขมาก ๆ เลย นั่นแหละคืองานอภิเษก
ที่มีแต่พี่กับพระองค์ เป็นงานอภิเษกใต้แสงจันทร์ที่พี่จะจำไม่ลืม"
"แต่พอมาถึงวันนี้ พี่มักจะตั้งคำถามกับเหตุการณ์วันนั้นอยู่บ่อย ๆ ว่ามันคือความรัก
หรือการทำตามหน้าที่ แต่พอคิดไปคิดมาก็ค้นพบว่าการคิดเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์
ทุกวันนี้ กษัตริย์โพสีก็ยังทรงดีกับพี่มาก ทุกอังคารจะทรงมาไม่ได้ขาด
ขนาดมาร่วมงานของน้องวิมลลักษณาก็ยังยกโขยงกันมาเลย ถึงแม้จะมีหลายคน
จากหลายมุมโลกตราหน้าพวกเราว่าพวกวิปริต แต่พี่เองรู้สึกว่าสิ่งที่กษัตริย์โพสี
กำลังทำอยู่ มันดีที่สุดแล้ว"
"อย่าทรงคิดมากไปเลยค่ะ ทรงอยู่กับปัจจุบันนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว" เจ้าหญิงทรงให้กำลังใจ
"กลับมาพูดถึงเรื่องของน้องวิมลลักษณากันบ้างดีกว่า ตื่นเต้นไหมจ๊ะ ใกล้จะถึงวันงานแล้ว"
"ตื่นเต้นมากเลยค่ะ นึกไม่ถึงว่าพอใกล้วันงานแล้วจะตื่นเต้นมากขนาดนี้ค่ะ"
"มันเป็นวันสำคัญเลย สำหรับประชาชนที่รักเจ้าหญิง พวกเขาจะถือว่าเป็นวันสำคัญของชาติเลยนะคะ
แต่สำหรับเรา ในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง มันคือวันที่บอกเราว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต
มันสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ"
"ค่ะ หญิงกับพี่ชายปารีสสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก นึกไม่ถึงเลยค่ะว่าจะมีวันนี้"
"แล้วเริ่มหลงรักเจ้าพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ก็น่าจะเป็นวันที่มีรัฐประหารที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง หญิงคิดว่าคงไม่รอดแล้ว
มันน่ากลัวมากเลยค่ะ น่ากลัวที่สุดเลย ถ้าพี่ชายปารีสไม่ออกตามหาหญิง
หญิงก็อาจจะตายไปแล้ว"
"ฟังแล้ว พี่เองยังซึ้งตามเลยค่ะ มันให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัย"
"ค่ะ"
"ฟังแล้วก็ทำให้นึกถึงความอบอุ่นที่กษัตริย์โพสีมอบให้พี่
ถึงจะเจอกันสัปดาห์ละครั้ง แต่ความอบอุ่นในหัวใจ พระองค์ก็ทรงให้ตลอดไป
มันไม่เคยหมด มันทำให้พี่เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเราคือ
ความรักที่มอบให้ไม่มีวันหมด มันจะคงอยู่กับเราตลอดไป"
อีกฟากหนึ่งของเสสิขะ กษัตริย์หลุยส์ทรงพากษัตริย์โพสีไปยังภูเขาเสสิขะ
ตอนวัยรุ่นทั้งสองพระองค์เคยทรงปีนเขาด้วยกันมาก่อน กษัตริย์โพสีทรงอยากรำลึกความหลัง
ทั้งสองพระองค์ทรงเดินไปตามไหล่เขา โดยมีสหัสเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
กษัตริย์โพสีทรงเล่าเรื่องเก่า ๆ หลายเรื่อง ทรงเล่าไปหัวเราะไป แต่ทรงเริ่มสงสัย
ว่าทำไมกษัตริย์หลุยส์ไม่ค่อยพูด
"นายจำไม่ได้เหรอ รหัสส่วนตัวของเราสองคนไง"
กษัตริย์หลุยส์ยังคงนิ่ง กษัตริย์โพสีจึงลองใจ
"รหัสที่ว่าก็คือนกเหิรหาวไง นายจำไม่ได้เหรอ"
กษัตริย์หลุยส์แสร้งยิ้ม "อ๋อ จำได้สิ"
กษัตริย์โพสีผลักอกกษัตริย์หลุยส์ แล้วทรงนำมีดพับออกมาชี้ไปที่กษัตริย์หลุยส์
"ตกลงนายเป็นใครกันแน่เนี่ย"
สหัสรีบวิ่งมา "รหัสของเราคือหลงรักอินทรีย์"
กษัตริย์โพสีทรงหันไปมองหน้าสหัส "นาย ... นายคือ ... หลุยส์"
หลังจากกษัตริย์หลุยส์และสหัสได้เล่าทุกอย่างให้กษัตริย์โพสีฟัง กษัตริย์โพสีถึงกับอึ้ง
หลังจากนั้นกษัตริย์หลุยส์จึงให้กษัตริย์โพสีทรงอยู่ส่วนตัวกับสหัส
"นายจำได้ไหมว่าฉันสารภาพรักนายที่นี่" กษัตริย์โพสีทรงพูดขึ้น
"จำได้"
"นายจำได้ไหมว่านายคือผู้ชายคนแรกที่ฉันรัก"
"จำได้"
"และจำได้ไหมว่านายบอกว่านายไม่ได้รักผู้ชาย"
"จำได้"
หลังจากนั้นกษัตรย์โพสีทรงจุมพิตอย่างแผ่วเบาตรงปากของสหัส
"แต่นายยังคงเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรักและไม่เคยลืม"
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 59
ที่มาช่วยเตรียมงานอภิเษกฯที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า
ประชาชนที่มาช่วยกันเตรียมงานมีทั้งประชาชนจากโสฬส หนานนูเปียและโชกุนโพ
จริง ๆ แล้ว ตำแหน่งราชินีกับฮองเฮาของโชกุนโพแทบไม่ต่างกันมากนัก
เพียงแต่ระเบียบปฏิบัติ อยากให้มีความต่าง ซึ่งเป็นความต่างเชิงนโยบายมากกว่า
ขณะที่ทั้งสองพระองค์กำลังเดินเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาช่วยงานอยู่นั้น
ได้มีกำลังทหารที่นอกเหนือจากราชองครักษ์เข้ามารายงานตัวกับเจ้าหญิงวิมลลักษณา
เจ้าหญิงทรงถามว่ามาจากส่วนไหน ก็ได้รับคำตอบว่ามาจากนายพลรามัญ
นายพลแม็กและนายพลเฉิน ทั้งหมดพร้อมมาเป็นกองเกียรติยศในวันงานอภิเษกฯ
เรื่องนี้สร้างความแปลกใจกับตัวเจ้าหญิงอยู่ไม่น้อยจนฮองเฮาหยวนหยวนเกิดสงสัย
เจ้าหญิงทรงตอบว่า "ทหารส่วนนั้นไม่เคยมายุ่งกับพวกเราเลยในระยะหลัง ๆ
หญิงเลยแปลกใจมากค่ะที่พวกเขาจะมาในวันงานด้วย"
ฮองเฮาทรงแย้มสรวล "ใคร ๆ ก็อยากมาช่วยงานน้องหญิงกันทั้งนั้นนะคะ
พี่อิจฉาน้องหญิงจังเลย พี่เองไม่เคยมีงานแบบนี้หรอกค่ะ ใช้เลื่อนขั้นเอา
เหตุการณ์ที่พอจะเทียงเคียงได้กับงานอภิเษกก็ตอนที่กษัตริย์โพสีทรงเลือก
ให้พี่เป็นพระสนมเอก วันนั้นพี่มีความสุขมาก ๆ เลย นั่นแหละคืองานอภิเษก
ที่มีแต่พี่กับพระองค์ เป็นงานอภิเษกใต้แสงจันทร์ที่พี่จะจำไม่ลืม"
"แต่พอมาถึงวันนี้ พี่มักจะตั้งคำถามกับเหตุการณ์วันนั้นอยู่บ่อย ๆ ว่ามันคือความรัก
หรือการทำตามหน้าที่ แต่พอคิดไปคิดมาก็ค้นพบว่าการคิดเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์
ทุกวันนี้ กษัตริย์โพสีก็ยังทรงดีกับพี่มาก ทุกอังคารจะทรงมาไม่ได้ขาด
ขนาดมาร่วมงานของน้องวิมลลักษณาก็ยังยกโขยงกันมาเลย ถึงแม้จะมีหลายคน
จากหลายมุมโลกตราหน้าพวกเราว่าพวกวิปริต แต่พี่เองรู้สึกว่าสิ่งที่กษัตริย์โพสี
กำลังทำอยู่ มันดีที่สุดแล้ว"
"อย่าทรงคิดมากไปเลยค่ะ ทรงอยู่กับปัจจุบันนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว" เจ้าหญิงทรงให้กำลังใจ
"กลับมาพูดถึงเรื่องของน้องวิมลลักษณากันบ้างดีกว่า ตื่นเต้นไหมจ๊ะ ใกล้จะถึงวันงานแล้ว"
"ตื่นเต้นมากเลยค่ะ นึกไม่ถึงว่าพอใกล้วันงานแล้วจะตื่นเต้นมากขนาดนี้ค่ะ"
"มันเป็นวันสำคัญเลย สำหรับประชาชนที่รักเจ้าหญิง พวกเขาจะถือว่าเป็นวันสำคัญของชาติเลยนะคะ
แต่สำหรับเรา ในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง มันคือวันที่บอกเราว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต
มันสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ"
"ค่ะ หญิงกับพี่ชายปารีสสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก นึกไม่ถึงเลยค่ะว่าจะมีวันนี้"
"แล้วเริ่มหลงรักเจ้าพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ก็น่าจะเป็นวันที่มีรัฐประหารที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง หญิงคิดว่าคงไม่รอดแล้ว
มันน่ากลัวมากเลยค่ะ น่ากลัวที่สุดเลย ถ้าพี่ชายปารีสไม่ออกตามหาหญิง
หญิงก็อาจจะตายไปแล้ว"
"ฟังแล้ว พี่เองยังซึ้งตามเลยค่ะ มันให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัย"
"ค่ะ"
"ฟังแล้วก็ทำให้นึกถึงความอบอุ่นที่กษัตริย์โพสีมอบให้พี่
ถึงจะเจอกันสัปดาห์ละครั้ง แต่ความอบอุ่นในหัวใจ พระองค์ก็ทรงให้ตลอดไป
มันไม่เคยหมด มันทำให้พี่เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเราคือ
ความรักที่มอบให้ไม่มีวันหมด มันจะคงอยู่กับเราตลอดไป"
อีกฟากหนึ่งของเสสิขะ กษัตริย์หลุยส์ทรงพากษัตริย์โพสีไปยังภูเขาเสสิขะ
ตอนวัยรุ่นทั้งสองพระองค์เคยทรงปีนเขาด้วยกันมาก่อน กษัตริย์โพสีทรงอยากรำลึกความหลัง
ทั้งสองพระองค์ทรงเดินไปตามไหล่เขา โดยมีสหัสเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
กษัตริย์โพสีทรงเล่าเรื่องเก่า ๆ หลายเรื่อง ทรงเล่าไปหัวเราะไป แต่ทรงเริ่มสงสัย
ว่าทำไมกษัตริย์หลุยส์ไม่ค่อยพูด
"นายจำไม่ได้เหรอ รหัสส่วนตัวของเราสองคนไง"
กษัตริย์หลุยส์ยังคงนิ่ง กษัตริย์โพสีจึงลองใจ
"รหัสที่ว่าก็คือนกเหิรหาวไง นายจำไม่ได้เหรอ"
กษัตริย์หลุยส์แสร้งยิ้ม "อ๋อ จำได้สิ"
กษัตริย์โพสีผลักอกกษัตริย์หลุยส์ แล้วทรงนำมีดพับออกมาชี้ไปที่กษัตริย์หลุยส์
"ตกลงนายเป็นใครกันแน่เนี่ย"
สหัสรีบวิ่งมา "รหัสของเราคือหลงรักอินทรีย์"
กษัตริย์โพสีทรงหันไปมองหน้าสหัส "นาย ... นายคือ ... หลุยส์"
หลังจากกษัตริย์หลุยส์และสหัสได้เล่าทุกอย่างให้กษัตริย์โพสีฟัง กษัตริย์โพสีถึงกับอึ้ง
หลังจากนั้นกษัตริย์หลุยส์จึงให้กษัตริย์โพสีทรงอยู่ส่วนตัวกับสหัส
"นายจำได้ไหมว่าฉันสารภาพรักนายที่นี่" กษัตริย์โพสีทรงพูดขึ้น
"จำได้"
"นายจำได้ไหมว่านายคือผู้ชายคนแรกที่ฉันรัก"
"จำได้"
"และจำได้ไหมว่านายบอกว่านายไม่ได้รักผู้ชาย"
"จำได้"
หลังจากนั้นกษัตรย์โพสีทรงจุมพิตอย่างแผ่วเบาตรงปากของสหัส
"แต่นายยังคงเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรักและไม่เคยลืม"