ทำไมผมรู้สึกโชคดีที่เกิดมาฐานะยากจนก่อนที่จะพอมีพอกิน ผมคิดว่าถ้าผมเกิดมารวยก่อน ผมจะเป็นคนนิสัยไม่ดี เพราะไม่เคยลำบาก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กราบสวัสดีเพื่อนๆ ครับ
อันนี้มาเล่าสู่กันฟังนะครับ เป็นการวิเคราะห์ตัวเองให้เพื่อนๆฟังนะครับ ไม่ได้เหมารวมว่า เกิดมารวยแล้วนิสัยไม่ดี หรือ เกิดมาจนจะนิสัยดี หรือ ไม่ดี อันนี้ขอออกตัวไว้ก่อน เพราะมันมีปัจจัยสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่มีส่วนต่อการดำเนินชีวิตนะครับ
ในส่วนนี้เป็นการวิเคราะห์ตัวผมเอง เป็นปัจเจกบุคคลนะครับ คนรวยมีทั้งนิสัยดีและไม่ดี คนจนมีทั้งนิสัยดีและไม่ดี เช่นกัน ทุกฐานะทางการเงินมีทั้งดีและไม่ดี หยินหยางนะครับ
ย้ำอีกครั้ง ว่าวิเคราะห์ตัวเองนะครับ เป็น ยสตน นะครับ
ถามว่าผมนิสัยดีเลิศงั้นหรือไม่ ก็ตอบไว้เลยว่าไม่ใช่เป็นเพียงโนบอดี้ คนธรรมดา ประเด็นที่ผมจะสื่อคือ ถ้าผมเกิดมารวยเลยตอนนั้น ผมมองตัวเองว่าน่าจะเป็นคนที่เหลิง หลงตังเอง อัตตาสูง เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว อีโก้สูง หยิ่งยโส เสเพลเรื่องผู้หญิง จมไม่ลง หัวสูง หยุมหยิม หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ไม่รู้สึกเห็นใจคนอื่น คือผมมองตัวเองแบบนั้นเลยนะครับ ย้ำอีกครั้งเป็นการวิเคราะห์ตัวเองนะครับ ไม่ได้เหมารวมนะครับ
ผมเคยยากจน มาถึงตอนนี้ก็ไม่ได้รวยอะไรนะครับ แต่พอมีอันจะกิน ไม่ได้หยิบยืมใครมาซื้อข้าวกิน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชนชั้นกลางต้องมีเงินประมาณเท่าไหร่ คือก็ไม่อยากนับตัวเองว่าเป็นชนชั้นกลางอ่ะครับ รู้สึกเข้าไม่ถึงอ่ะครับ กระดากปากตัวเอง ไม่อยากอวดขี้หอมตัวเองขนาดนั้นอ่ะครับ
แต่ที่ผมเคยสัมผัสประสบการณ์ความจนของผม คือ ขัดสน ครอบครัวต้องไปยืมเงินมาซื้อข้าวสารกรอกหม้อ บางมื้อต้องไปจับปูนามาทำน้ำยาใส่มาม่าในกะละมัง จ้ำข้าวเหนียวกินด้วยกัน สามพ่อแม่ลูก เวลาซื้อหนังสือ จ่ายค่าเรียน ตอนเปิดเทอม พ่อต้องแบกหน้าไปหาผู้ใหญ่บ้านที่เป็นเจ้าของโรงสีเพื่อยืมตังค์มาใช้จ่ายก่อน พอเก็บเกี่ยวขายข้าวได้ก็เอาไปขายให้ผู้ใหญ่บ้านหักหนี้ไปในตัว 
ช่วงวันหยุดเรียนเสาร์อาทิตย์ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวกับพ่อแม่ได้วันละ 100 บาท ตอนนั้นหลายสิบปีก่อนนะครับ หลักขดหลังแข็ง ปวดเมื่อยไปหมด
ทำนาช่วยพ่อ ทำเกษตรช่วยพ่อ ถึงแม้ว่าเก็บเกี่ยวแล้วขายแทบจะไม่ได้กำไรอะไรเลยก็ตาม แต่พอมีเงินเหลือซื้อข้าวกินบ้าง ตามประสาคนบ้านนอกทั่วไปเลยครับ
พอจบ ม 6 ก็เป็นบ้านนอกเข้ากรุงมาทำงานแถวโรงงานใน กทม รับจ้างอยู่โรงกลึงเหล็กทำงานโคตรหนัก ระหว่างนั้นก็สมัครเรียนมหาลัยเปิดไปด้วย เปลี่ยนงานทำงานโรงงาน เรียนจบทำงานประจำ เริ่มลืมตาอ้าปากผ่ะง่าบมาบ้างได้แล้ว ถามว่าตอนนี้รวยแล้วหรือยัง ตอบได้เลยไม่รวยนะครับ แต่ไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน เมื่อก่อนตอนยากจน ต้องคิดตลอดว่า มื้อหน้าจะมีเงินเหลือกินข้าวหรือไม่ ต้องยืมที่ไหนดี ประมาณนั้นครับ

ประเด็นที่จะสื่อของผม เริ่มสังเกตุเห็นนิสัยตัวเองในช่วงแรก ช่วงรอยแต่ก้าวข้ามตอนเริ่มมีจะกินแล้ว เริ่มรู้สึกตัวเองหยิ่งๆ จมไม่ลง มานิดๆ ครับ อยากฟุ่มเฟือย อยากเลี้ยงสาว ซื้อกินอะไรแบบนี้(แต่ไม่ได้ทำนะครับ เพราะผมเป็นคนขี้กลัว กลัวติดเอดส์ มีความคิดติดที่กลัวเอดส์เลยไม่ได้เที่ยวสนุกแบบนั้นเลยครับ) มีอีโก้คิดว่าตัวเองรู้สึกเหนือกว่า (แท้ที่จริงแล้วผมโคตรด๋อยมากถ้าเทียบกับคนที่เขารวยกันจริงๆ) มีความโอ้อวด กำแหงภายในจิตใจเกิดขึ้นอยากโชว์เหนือใส่คนอื่น
แต่สิ่งที่มันดึงสติผมได้คือ ผมเคยผ่านการทำงานความยากลำบากมาก่อน เหมือนมีอีกตัวตนหนึ่งมาตบกะบาลผมเพื่อเตือนสติครับ ประมาณว่า "เห้ยแก เมื่อก่อนแกลำบากขนาดไหน ให้นึกถึงโมเม้นจดจำความลำบากตอนนั้นสิ จะไปโอหังทำไม มีอันจะกินมาหน่อยทำเป็นมาจมไม่ลงงั้นเหรอ เริ่มมีมาหน่อยก็จะโชว์ฟุ่มเฟือยแล้วเหรอ นึกถึงตัวเองตอนซื้อก๋วยเตี๋ยวกลับมาห้องเช่า มาแบ่งน้ำเพื่อเก็บไว้กิน 2 มื้อสิ ผสมกับข้าวเหนียวกินตอนนั้นสิ ตอนนั้นแกลำบากขนาดไหน"
มันทำให้ฉุกคิดได้ครับ เคยทำงานเด็กเสริฟมา ก็ทำให้รู้ว่ามันลำบากครับ ทำงานโรงงาน ยืนทำงานวันละ 8-9 ชม โดนหัวหน้าด่าทุกวันก็ผ่านมาหมดแล้วครับ

ทำให้ผมมีสติกลับมาเป็นคนธรรมดา โนบอดี้ ได้ครับ และเวลาไปกินอาหารร้านอาหารที่ไหน เวลาเด็กเสริฟมาบริการ ผมมักจะ เอ่ยคำขอบคุณเสมอ เพราะผมเข้าใจหัวอกคนทำงานบริการ เคยทำมาก่อนเลยรู้ว่าเขาต้องอดทน อย่างน้อยก็ขอบคุณเขาที่เอาอาหารมาเสริฟให้เราอิ่มท้อง
อย่างตอนนั้นผมไปโรงแรมเห่งหนึ่งแถวพัทยา ตอนนั้นจองห้องพักไว้ แต่เปิดประตูไม่ได้ หลายห้องมีปัญหา บางห้องน้ำไหลเป็นสีแดง  แล้วที่เค้าเตอร์ มีลูกค้าไปรุมโวยด่าใส่น้องฝึกงาน รวมทั้งชาวต่างชาติ ตอนนั้นผมก็งงมากว่า ผู้จัดการไปไหน ทำไมไม่มาแก้ปัญหาให้น้องฝึกงาน ตึงเครียด ผมเปลี่ยนห้องใหม่ได้ แต่เหมือนน้ำห้องน้ำจะไหลลงช้าเจิ่งนอง ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนห้องอีกรอบ แต่เห็นสีหน้าน้องนักศึกษาวิ่งวุ่นทั้งวันเริ่มจะไม่ไหว เลยบอกกับแฟนว่า ช่างเหอะ ห้องอื่นหนักกว่าเรา เลยบอกน้องเค้าว่าไม่เป็นไรน้อง พี่ไม่เปลี่ยนห้องละ น้องเค้ายกมือไหว้ พร้อมกับน้ำตาไหลริน เพราะผมเคยทำงานแล้วโดนหัวหน้าด่ารองรับอารมณ์ เลยเข้าใจความรู้สึก ผมมองอีกมุมว่า ผู้จัดการไม่ยอมลงมาแก้ปัญหาให้เอง น้องเค้าก็พยายามเต็มที่แล้ว นั่นแหละครับ ว่าพอเราเคยเจอความยากลำบากมา พอผ่านมาแล้วเราไม่ลำบาก แล้วเห็นคนอื่นกำลังทำงานสุจริตหาเลี้ยงสู้ชีวิต ก็จะเห็นอกเห็นใจเขาครับ ในความคิดผมเลยเปลี่ยน อะไรที่มันไม่ได้เป็นปัญหาที่หนักเกินไปก็มองข้ามไปบ้าง แต่กลับกันถ้าผมเป็นคนไม่เคยสัมผัสลำบากมาก่อนจะไม่เข้าใจจุดนี้แน่ๆ นิสัยเสียจะโวยไม่เลิกแน่ๆ ฉันรวยระดับไหน ฉันจองมาจ่ายเงินแล้วต้องบริการฉันขั้นเทพ ผมอาจจะเป็นคนเรื่องมากกว่าที่คิดก็ได้ น่าจะประมาณนั้น

ย้ำอีกครั้งนะครับ อันผมวิเคราะห์ตัวเอง สร้างโมเดลมาแบบ 2 บุคลิคนะครับ คือ
ระหว่าง เกิดมาจนลำบากสู้ก่อน >>> นิสัยผม จะไปทางหนึ่ง กับ เกิดมารวยสุขสบายก่อน >>> นิสัยผมจะไปอีกทางหนึ่ง
อันนี้จากการสังเกตพฤติกรรมตัวเองนะครับ
ไม่ได้เหมารวมว่า คนรวยนิสัยไม่ดี หรือ คนจนนิสัยดี อะไรแบบนั้นนะครับ คนดีและไม่ดี มีทุกฐานะ นะครับ
ผมเคยเจอเถ้าแก่ใจดี มาก็มีให้เห็นอยุ่นะครับ 

ถามว่าผมเป็นคนฐานะแบบไหน เรียกว่าเป็นคนธรรมดาส่วนใหญ่ทั่วไป ที่มีตังค์ซื้อข้าวกินแบบไม่ต้องลำบากยืมใครแบบนั้นดีกว่าครับ มีเงินออมไปลงทุนเล็กน้อยๆ บ้าง ไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อนครับ จะให้อวดขี้หอมเป็นชนชั้นกลาง ผมก็รู้สึกกะดากปากตัวเองแปลกๆ ครับ คำว่านิยาม ชนชั้นกลาง ผมก็ไม่รู้ละกันครับ ไม่ยกหางตัวเองดีกว่าครับ

มาถึงตอนนี้ การเป็นโนบอดี้  คนธรรมดา ส่วนตัวผมคิดว่า มันรู้สึกสบายใจกว่าครับ
เอาจริงๆ ทุกวันนี้ ฟามสุขผมคือ ตื่นเช้ามาจิบกาแฟ ได้ยินเสียงนก เห็นธรรมชาติ กินอิ่มครบ 3 มื้อ ไถโซเชี่ยลไปวันๆ แค่นี้จริงๆ ครับ

เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร มาเล่าให้ฟังกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่