หลังจากตอนแรกผมได้วิเคราะห์ไปแล้วว่า OTO ได้เข้าสู่ช่วงวิกฤติแห่งความเชื่อมั่น หรือวิกฤติแห่งความศรัทธาในตัวบริษัทไปเรียบร้อยแล้วนั้น
สัปดาห์ที่แล้วทาง OTO ก็ได้แจ้งข่าวว่าได้รับงานจาก รฟท. มูลค่างานประมาณ 119 ลบ. ผมว่าเพื่อนที่ตามข่าวอยู่ก็คงได้อ่านกันไปหมดแล้ว
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการรับงานในครั้งนี้ สามารถแก้ไขวิกฤติแห่งความเชื่อมั่นได้หรือยัง?
สำหรับความคิดของผม ผมคิดว่าการแจ้งข่าวการรับงานกับรฟท. นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ไขวิกฤติในครั้งนี้เท่านั้นเองครับ เพราะผมคิดว่างานที่รับมานี้ ยังคงเป็นธุรกิจเดิม ๆ ของบริษัท ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่ได้ทำกำไรให้กับบริษัทเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มก็จริง แต่ผลตอบแทนก็ไม่น่าจะมากด้วยเช่นกัน
มิเช่นนั้น บริษัทคงไม่ต้องดิ้นรนหาธุรกิจ New S Curve ใหม่ ๆ หรอกครับ จริงไหม!
ฉะนั้น ตามความคิดของผม การรับงานในครั้งนี้ หากจะให้คะแนนในการแก้ไขความเชื่อมั่นที่บริษัทพยายามทำอยู่ ผมให้คะแนน 2.5 จาก คะแนนเต็ม 10 ครับ
อาจจะมีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมผมจึงให้คะแนนเพียงแค่นี้?
คำตอบของผมก็คือ ผมคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการทราบถึงแนวโน้มของธุรกิจที่เป็น Nex S Curve ในอนาคตมากกว่า ,การสรรหา CEO คนใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะหาได้เมื่อไหร่ รวมถึงการชัดเจนในการใช้เงินที่ได้รับจากการแปลง w และการหาแหล่งเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้ หรือการออก PP ครั้งใหม่ครับ
นักลงทุนจึงต้องติดตามประเด็นเหล่านี้ต่อไป ซึ่งหากบริษัทสามารถชี้แจงได้ครบทุกประเด็น ผมคิดว่าวิกฤติครั้งนี้ก็จะได้รับการแก้ไขไปด้วยดีครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
OTO เข้าสู่วิกฤติแล้วหรือยัง? ตอน 2
สัปดาห์ที่แล้วทาง OTO ก็ได้แจ้งข่าวว่าได้รับงานจาก รฟท. มูลค่างานประมาณ 119 ลบ. ผมว่าเพื่อนที่ตามข่าวอยู่ก็คงได้อ่านกันไปหมดแล้ว
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการรับงานในครั้งนี้ สามารถแก้ไขวิกฤติแห่งความเชื่อมั่นได้หรือยัง?
สำหรับความคิดของผม ผมคิดว่าการแจ้งข่าวการรับงานกับรฟท. นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ไขวิกฤติในครั้งนี้เท่านั้นเองครับ เพราะผมคิดว่างานที่รับมานี้ ยังคงเป็นธุรกิจเดิม ๆ ของบริษัท ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่ได้ทำกำไรให้กับบริษัทเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มก็จริง แต่ผลตอบแทนก็ไม่น่าจะมากด้วยเช่นกัน
มิเช่นนั้น บริษัทคงไม่ต้องดิ้นรนหาธุรกิจ New S Curve ใหม่ ๆ หรอกครับ จริงไหม!
ฉะนั้น ตามความคิดของผม การรับงานในครั้งนี้ หากจะให้คะแนนในการแก้ไขความเชื่อมั่นที่บริษัทพยายามทำอยู่ ผมให้คะแนน 2.5 จาก คะแนนเต็ม 10 ครับ
อาจจะมีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมผมจึงให้คะแนนเพียงแค่นี้?
คำตอบของผมก็คือ ผมคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการทราบถึงแนวโน้มของธุรกิจที่เป็น Nex S Curve ในอนาคตมากกว่า ,การสรรหา CEO คนใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะหาได้เมื่อไหร่ รวมถึงการชัดเจนในการใช้เงินที่ได้รับจากการแปลง w และการหาแหล่งเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้ หรือการออก PP ครั้งใหม่ครับ
นักลงทุนจึงต้องติดตามประเด็นเหล่านี้ต่อไป ซึ่งหากบริษัทสามารถชี้แจงได้ครบทุกประเด็น ผมคิดว่าวิกฤติครั้งนี้ก็จะได้รับการแก้ไขไปด้วยดีครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น