แชร์ประสบการณ์สุดแย่จากบริการ pet-in-cabin ของ Finnair

นี่เป็นกระทู้แรกและน่าจะเป็นกระทู้สุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะสมัคร pantip เลย แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ

เมื่อประมานสองเดือนก่อน ผมและภรรยาได้ทำการย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่เยอรมัน พวกเราเลี้ยงกระต่ายและต้องการพาพวกเค้ามาอยู่ที่เยอรมันกับเราด้วย น้องๆอยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กๆ เรารักพวกเค้าเหมือนเป็นลูกแท้ๆ พอเราได้มีโอกาสย้ายประเทศ เราก็ไม่เคยมีความคิดที่จะหาเจ้าของใหม่ให้พวกเค้าเลย ยังไงก็ต้องพาน้องๆไปอยู่ด้วยกันให้ได้

สาเหตุที่ผมเลือกย้ายมาอยู่ที่เยอรมันเพราะว่าผมได้ทำการหาข้อมูลมาเยอะและมั่นใจว่าประเทศเยอรมันไม่มีกฎข้อห้ามในการนำเข้ากระต่าย กฎข้อเดียวที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้ากระต่ายของประเทศเยอรมันคือเรื่องของจำนวน ประเทศเค้ามีข้อจำกัดให้สามารถนำเข้ากระต่ายได้คนละไม่เกิน 3 ตัว ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาข้อนี้

ผมเลือกจองสายการบิน Finnair เพราะมีบริการ pet-in-cabin ทำให้ผมสามารถนำน้องๆขึ้นห้องโดยสารเดินทางไปด้วยกันกับเราได้ ซึ่งผมมองว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการพากระต่ายย้ายประเทศ ถ้าใครเลี้ยงกระต่ายจะรู้ว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่เสียชีวิตค่อนข้างง่าย ถ้าเกิดเค้าเครียดมากหรือเจ็บป่วย แค่ระยะเวลาไม่นานก็มีโอกาสกลับดาวได้แล้ว การที่ให้น้องๆบินไปกับเรา ให้เค้าเห็นหน้าเราตลอดเวลามันช่วยให้เค้าสบายใจขึ้นเยอะ ดีกว่าต้องใส่กรงส่งไปด้วยวิธีอื่น

เมื่อถึงวันบิน พอพวกเราไปถึงเคาท์เตอร์เช็คอิน พนักงานก็ขอดูเอกสารของน้องกระต่าย ผมก็ยื่นเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมาให้เค้าตรวจสอบ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดว่าจะติดปัญหาในขั้นตอนนี้เลย จริงๆแล้วผมกังวลหลังจากที่น้องถึงบ้านใหม่ที่เยอรมันแล้วมากกว่าอีก เพราะผมค่อนข้างมั่นใจเรื่องกฎข้อบังคับและเอกสารที่ต้องใช้ในการขนส่งน้องๆ ผมศึกษามาอย่างดีและเตรียมทุกอย่างพร้อมไว้หมดแล้ว

หลังจากพนักงานตรวจสอบเอกสารซักพักนึงก็หันมาถามพวกเราว่านี่คือการพาน้องกระต่ายบินครั้งแรกใช่มั้ย ผมก็ตอบว่าใช่ เสร็จแล้วเค้าขอเอกสารเพิ่มเติม คือ pet passport ซึ่งผมตอบไปว่าไม่มี และอธิบายเค้าไปว่าไม่มีการทำ pet passport ของกระต่าย มีเฉพาะแค่ของหมา แมว และเฟอเร็ท เท่านั้น แต่พนักงานก็ไม่เชื่อ ผมก็เลยเปิดหน้าเว็บที่ผมเคยหาข้อมูลไว้โชว์ให้เค้าดู เค้าก็เงียบไปแล้วก็หันไปปรึกษากันกับพนักงานคนอื่นๆ รวมถึงพยายามหาข้อมูลเอกสารที่ต้องใช้ในการขนส่งกระต่ายกันยกใหญ่

ถึงตอนนี้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าพวกเค้าไม่มีประสบการณ์ในการขนส่งกระต่ายไปเยอรมันมาก่อน ผมคือเคสแรกของพวกเค้าแน่นอน ผมก็พยายามอธิบายรวมถึงโชว์ข้อมูลที่ผมเคยศึกษามาให้ดูแล้วว่าเอกสารที่ต้องใช้มันแทบไม่มีอะไรเลย จริงๆแล้วการขนย้ายหมาแมวทำเอกสารยุ่งยากกว่าอีก เอกสารทุกอย่างที่ต้องใช้ผมก็ได้เตรียมมาให้ดูหมดแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ยอมเชื่อ พวกเค้ายังคงเชื่อว่ามันต้องมี pet passport และเอกสารต่างๆเหมือนของหมาแมว

พนักงานยังคงพยายามหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนความเชื่อของตัวเองอยู่นานมาก ทั้งนั่งเปิดเว็บ โทรถามข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงลงทุนเดินออกไปถามที่ตึกอื่น ผมเดาว่าน่าจะเป็นด่านกักกันสัตว์ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปที่นั่นมาก่อน ตอนผมพาน้องกระต่ายไปตรวจสุขภาพเพื่อทำใบ import/export ผมก็ไปที่นั่นแหละ พนักงานที่ด่านกักกันสัตว์สุภาพและบริการดีมาก พนักงานที่ด่านกักกันก็เคยยืนยันกับผมแล้วว่าไม่มีเอกสารอื่นเหนือจากที่ผมมี ซึ่งผมก็บอกข้อมูลนี้ให้กับพนักงานที่เค้าเตอร์เช็คอินของฟินแอร์แล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ฟัง ยังไงก็ยังคงเชื่อในความคิดตัวเองอยู่ หลังจากที่เดินออกไปสอบถามนอกตึกอยู่นาน พนักงานคนนั้นก็กลับมาแล้วไม่พูดอะไรกับผม (ผมเดาว่าคำตอบที่เค้าได้มามันคงไม่ตรงกับความเชื่อเค้า)

พอเค้าหาข้อมูลมาสนับสนุนความคิดตัวเองเรื่องเอกสารไม่ได้ ต่อมาเค้าก็หาข้อมูลเรื่องกฎการนำเข้ากระต่ายของเยอรมันต่อ ซึ่งผมก็พยายามอธิบายไปเยอะแล้วว่าเยอรมันสามารถนำเข้ากระต่ายได้ พร้อมกับเปิดเว็บไซต์ต่างๆที่ผมเคยหาข้อมูลให้เค้าดู เค้าก็ไม่ฟังแล้วยังมีการพูดจาใส่อารมณ์กับผม หาว่าข้อมูลผมผิดบ้าง หาว่าผมแปลความหมายของกฎผิดบ้าง พยายามอ้างไปเรื่อยเพื่อที่จะไม่ให้ผมนำกระต่ายขึ้นบิน มีการปริ้นเอกสารมาโชว์ให้ผมดูด้วยว่าเยอรมันไม่ให้นำเข้ากระต่าย แต่...เอกสารตัวนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับกระต่ายเลย เป็นเอกสารเกี่ยวกับกฎการนำเข้าหมาแมวและเฟอเร็ท ไม่มีกฎสำหรับกระต่ายเลย คือมั่วมาก

ผมบอกกับเค้าไปด้วยว่าผมเคยส่งเมลไปถามสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทยมาแล้วด้วย ทางสถานทูตตอบกลับมาด้วยลิ้งเว็บไซต์ที่ระบุว่าเยอรมันสามารถนำเค้ากระต่ายได้ พร้อมกับโชว์อีเมลที่ตอบกลับมาจากสถานทูต เค้าก็ยังไม่ยอมฟัง ทั้งยังไล่ให้ผมไปขอเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากสถานทูตมาโชว์อีก เหอะๆ คืออีกไม่กี่นาทีจะบินแล้วแต่ไล่ให้ผมไปขอเอกสารจากสถานทูตมาโชว์ เอาจริงดิ?

ระหว่างที่โต้เถียงกัน ผมมีถามเค้าไปด้วยว่าปกติแล้ว pet-in-cabin ของฟินแอร์สามารถนำกระต่ายขึ้นไปได้ใช่มั้ย แต่ที่คุณห้ามผมเนี่ยเพราะกฎหมายของเยอรมันไม่ให้นำเข้ากระต่ายใช่มั้ย เค้าก็ตอบว่าใช่ คือเค้าจะบอกว่าฟินแอร์ไม่ได้ห้ามนะ แต่เยอรมันห้าม ผมก็เลยบอกเค้าไปว่าถ้าฟินแอร์ไม่ได้ห้าม งั้นผมขอพาน้องขึ้นบิน ถ้ามันมีกฎข้อห้ามจากเยอรมันอย่างที่คุณอ้างจริงๆ ผมก็จะต้องถูกห้ามจากฝั่งตม.เยอรมัน ถึงตอนนั้นยังไงผมก็ต้องบินกลับ ผมต้องรับผิดชอบเองที่ศึกษากฎไม่ดี แต่พนักงานก็ยังไม่ยอมแล้วบอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นบริษัทเค้าจะเสียค่าปรับ ผมก็บอกเค้าไปว่าถ้าโดนปรับจริงผมยอมจ่ายให้คุณเลย เค้าก็ยังไม่ยอม อ้างว่าบริษัทจะเสียชื่อ คือยังไงก็จะไม่ให้กระต่ายผมขึ้นเครื่อง

หลังจากเถียงกันอยู่ประมาน 2 ชม.ได้ ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องไปรอที่ gate แล้ว ณ ตอนนั้นผมกับภรรยาทำใจแล้วว่าคงไม่ได้พาน้องบินไปด้วย พวกเราสองคนนั่งร้องไห้มองดูลูกๆ ในใจก็คิดว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้ากันแล้วก็ได้ สุดท้ายแล้วพวกเราตัดสินใจว่าจะฝากลูกๆให้พ่อแม่ของภรรยาผมเลี้ยงไปก่อน โชคดีที่พ่อแม่ภรรยาผมเคยเลี้ยงกระต่าย ผมไม่สามารถเลื่อนไฟล์ทได้จริงๆ เดี๋ยวจะไปเริ่มงานใหม่ไม่ทัน แล้วอะไรหลายๆอย่างมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ผมคิดไว้ว่าหลังจากผมไปถึงเยอรมันแล้วผมจะพยายามหาทางอื่นๆเพื่อพาน้องๆบินตามมาอยู่ด้วยกันทีหลัง  มันคงมีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น

ณ วันนี้ ผมสามารถพากระต่ายทั้งหมดของผมมาอยู่ด้วยกันที่เยอรมันได้แล้ว โดยใช้บริการอื่นที่ไม่ใช่ฟินแอร์ นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดว่าข้อห้ามเรื่องการนำเข้ากระต่ายที่พนักงานกล่าวอ้างไม่มีอยู่จริง

ผมรู้สึกโกรธและเสียใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของพนักงานเหล่านั้น นอกเหนือจากความเสียหายทางจิตใจที่ทำร้ายผมและภรรยาของผมเป็นอย่างมากแล้ว ผมยังต้องเสียเงินเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากในการพากระต่ายของผมบินตามหลังมา เงินที่ผมซื้อ pet-in-cabin ไปก็ไม่ได้คืน ต่อไปนี้คงไม่มีทางไปใช้บริการฟินแอร์อีกแน่นอน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่