ใครมีคำแนะนำเกี่ยวกับผู้ป่วยเบาหวานบ้างคะ

กระทู้คำถาม
แม่เราเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ35 ตอนนี้อายุ74ปี แม่จะมีภาวะไตเสื่อมระยะ3-4 และมีภาวะหัวใจเสื่อมตามมา. ตอนนี้เราให้แม่คุมอาหารประเภทผู้ป่วยไตและผักสีเข้มเพราะไม่อยากให้ไตเสื่อมไปมากกว่านี้ แต่ปัญหาคือ อาหารไตและอาหารเบาหวานมักจะสวนทางกัน
ตอนนี้น้ำตาลในเลือดก็สูงคุณหมอปรับยา ให้ฉีด อินซูลิน 10ยูนิต ไม่ได้กำหนดเวลา เราก็เลยฉีดตอน3ทุ่มเพราะเราสะดวกช่วงเวลานั้นและทานยายเบาหวาน หลังอาหารเช้า.

..ตอนเช้าเราจะตรวจเบา เวลา 5:20น.
ได้ค่าที่50-67

และก่อนนอน (22.00)หลังฉีดอินซูลิน
อยู่ที่170-235

ปรากฎว่าน้ำตาลตอนเช้าต่ำ  ก่อนนอนสูง เราฉีด3ทุ่มอยู่ประมาณ10วัน..


.....เราก็เลยปรับเวลาฉีดอินซูลิน เป็น 19.00-20.00.   ตอนนี้ฉีดได้ประมาณ5วัน
ระดับน้ำตาลก็ยังเหมือนเดิม

.....เราก็เลยคิดว่าจะมาปรับเวลาฉีดใหม่เป็นเวลา18.00-19.00 หากไม่ดีขึ้น จะไปรึกษาแพทย์เพื่อจะมีการปรับยาใหม่


อาหาร ... เราใช้เครื่องปรุงสำหรับผู้ป่วยไต ไม่มีสารกันบูด ไม่มีเกลือ และไม่มีน้ำตาล


อาหารที่ทานประจำ

-ข้าวต้มหมูสับใส่ไข่ หอมใหญ่
  (ข้าวสวย1ทัพพี)  
-ต้มจืดมะระ ลูกเงาะ.
-ต้มยำไก่ ใส่กำหล่ำ(ต้มข่าไก่ที่ไม่ใส่กะทิ)
-ต้มยำปลานิล
-ผักลวก

อาจจะมีปรับเปลี่ยนเป็นตำน้ำพริกปลาทู ปลานิล ซุปมะเขือเปราะบ้าง.
ข้าวทุกเมนูจะตัก1ทัพพี.

ตอนนี้จะเป็นข้าวขาวอยู่ เราจะเปลี่ยนเป็นข้าวมันปูอาทิตย์นี้


ใครมีเทคนิคคุมน้ำตาล  ที่จะแนะนำเพิ่มเติม
บ้าง รบกวนด้วยนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
อายุพอๆกับแม่ผมเลยครับ แม่ผมก็เคยเป็นเบาหวานชนิดที่2 เมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันดีขึ้นแล้ว ไม่ได้กินยาใดๆทั้งสิ้น
ไตเสื่อมนั้น ส่วนใหญ่มาจากผลพวงของความดันโลหิตสูง และเบาหวานชนิดที่2 ครับ ซึ่งมาจากต้นตอสาเหตุจากภาวะดื้อหรือต่อต้านอินซูลินตัวเองนั่นล่ะ จริงๆวิธีแก้ เราควรจะกินจะปรับโภชนการและการจัดการเวลาในการกิน เพื่อลดระดับอินซูลินลง ย้อนกระบวนการดื้ออินซูลิน แต่เราก็ไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกทางนัก ตลอดระยะเวลาหลายสิบๆๆๆปีที่ผ่านมากัน ในที่สุดยาที่กินเอาไม่อยู่ เพราะมัวแต่ไปดูระดับน้ำตาลในเลือดกัน แต่ไม่เคยสนใจเรื่องของระดับอินซุลินกันเลย ที่สุด ก็ต้องฉีดอินซูลินจากภายนอกหรือที่ได้รับกันมา ฉีดฯทุกวันๆ ทั้งๆที่ร่างกายเราต่อต้านอยู่แท้ๆ แต่เรากลับฉีดฯเข้าไปเอง ความดันฯก็เช่นกัน(ไม่แน่ใจว่ามีร่วมด้วยไหม ไม่ได้บอก แต่คิดว่าน่าจะมีด้วย) ร่างกายเรามีระบบอัตโนมัติ มันจะสั่งให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆทั่วร่างกายตามแรงดันที่เหมาะสม แต่พอมันสุงเกินไป เราก็ไปกินยาลดมันอีก(แต่กลับไม่แก้ให้ถูกจุดกันเลย) แล้วถามว่าเลือดจะไปเลี้ยงฯพอไหม...อันนี้ ก็ลองคิดเอาดูนะครับ ผมแค่อยากเสนออีกแนวความคิดเห็นนึงเท่านั้น ถ้าเห็นว่าไม่เข้าท่า ไร้สาระ อันตราย ก็ขอให้ข้ามๆไปครับ โชคดี ขอให้คุณแม่ดีขึ้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่