ความเชื่อเรื่องพญานาคเป็นความเชื่อที่โดดเด่นของสายมู ที่ไม่ได้มีเฉพาะคนไทยเท่านั้นที่เชื่อถือ แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว ก็มีความเชื่อเรื่องพญานาคเช่นกัน พญานาคจึงพบเห็นได้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยพบได้จากงานสถาปัตยกรรมในวัดวาอาราม ปราสาทขอมสำคัญๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วภาคอีสาน รวมถึงประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น อย่างถ้ำนาคา ในจังหวัดบึงกาฬ ถ้ำนาคี ในจังหวัดนครพนม และในรีวิวนี้ ผมจะพาเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ถ้ำนาคากันครับ
ก่อนจะถึงทางขึ้นถ้ำนาคา ด้านซ้ายมือจะเห็นรูปปั้นพญานาคตนใหญ่ ดูคล้ายกับกำลังเลื้อยโอบพระเจดีย์ครับ
อุทยานแห่งชาติภูลังกา เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมถ้ำนาคาได้วันละ 1,000 คน โดยจะแบ่งเป็นการจองคิวผ่านแอป QueQ จำนวน 496 คน และ Walk in อีกจำนวน 504 คน ใครที่ตั้งใจจะมาขึ้นถ้ำนาคาโดยเฉพาะ ผมแนะนำให้จองคิวผ่านแอป QueQ ครับ รับรองว่าได้ขึ้นแน่นอน โดยแอปจะให้เราเลือกการขอรับบริการ เราก็เลือก “อุทยานแห่งชาติ” จากนั้นเลื่อนหา “อุทยานแห่งชาติภูลังกา” จากนั้นระบบจะแจ้งให้เรากรอกรายละเอียดต่างๆ บอกเลยว่าการเข้าไปจองคิวในแอปนั้นไม่ยากเย็นเลย เมื่อกรอกรายละเอียดเสร็จ ก็นั่งรอวันเดินทางได้เลยครับ สามารถจองคิวล่วงหน้าได้ก่อน 60 วัน สำหรับกรณี Walk in หากคิวในวันนั้นเต็มแล้ว จะต้องมา Walk in ในวันถัดไปแทนครับ
ถ้ำนาคาจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เริ่มเดินขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 – 14.00 น. และจะต้องลงมาถึงพื้นล่างภายใน 18.00 น. โดยทริปนี้ผมเลือกขึ้นถ้ำนาคาตั้งแต่ช่วง 06.00-07.00 น. เมื่อถึงจุดตรวจ ก็แสดงคิวที่จองผ่านแอป บัตรประชาชน (ต้องตรงกับชื่อที่ลงทะเบียนผ่านแอปเท่านั้น) พร้อมหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ครบอย่างน้อย 3 เข็ม (หรือแสดงผลการตรวจ ATK ภายใน 48 ชั่วโมง) จากนั้นก็ชำระค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท และเสียค่าประกันชีวิตอีกคนละ 10 บาทครับ
ตรงข้ามกับจุดตรวจมีร้านอาหารให้ได้ทานรองท้องก่อนขึ้นด้วย หาอะไรทานและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยนะครับ อีก 2 อย่างที่สำคัญคือ อย่าลืมติดน้ำขวด และถุงมือขึ้นไปด้วย ใครไม่มีถุงมือสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าแถวนั้นเลย (ด้านบนถ้ำนาคามีห้องน้ำบริการ แต่ระหว่างเส้นทางไม่มีห้องน้ำบริการ)
บริเวณทางขึ้น จะมีบริการอาสานำเที่ยว แนะนำให้ใช้บริการนะครับ เพราะอาสาจะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี และคอยดูแลเราตลอดเส้นทางเดินตั้งแต่ขึ้นจนส่งถึงพื้นล่าง มีทั้งถือน้ำขวดให้ คอยพัดวีให้ตลอดทาง มีบริการลูกอมให้ชุ่มฉ่ำคอ สำหรับค่าบริการแล้วแต่เราจะให้ครับ
ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปถึงถ้ำนาคาประมาณ 2 กม.ใช้ระยะเวลาเดินขึ้นและลงประมาณ 4-5 ชั่วโมง ทางเดินเป็นทางเดินธรรมชาติ ประกอบด้วยบันไดเหล็กเป็นช่วง ๆ (บางช่วงก็ชันสุดๆ) สลับกับพื้นดิน บางจุดจะมีเชือกช่วยในการพยุงตัว ระหว่างเส้นทางเดินก็จะมีจุดพักไปตลอดทาง โดยมีป้ายตัวอักษร A B C จนถึง L ให้เราพอคาดการณ์ตำแหน่งได้ว่า เหลือระยะทางที่จะต้องเดินอีกนานแค่ไหครับ
ระหว่างเส้นทางจะมีหินที่มีลักษณะแปลกๆ ให้ชมไปตลอดทาง บ้างก็มีลักษณะคล้ายกับเศียรของพญานาค (เศียรบริวาร) อย่างจุดนี้เรียกว่าหินดอกเห็ด จะมีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ด แต่บางคนก็มองว่าคล้ายกับงูเห่ากำลังแผ่แม่เบี้ยครับ
จุดนี้เรียกผาหน้าหนุมาน หน้าผาจะมีลักษณะคล้ายหน้าลิง
เดินกันเรื่อยๆ แบบไม่ต้องรีบ เหนื่อยก็พัก หมั่นจิบน้ำไปตลอดเส้นทาง ไม่กระหายน้ำก็ควรจิบนะครับ จุดสุดท้ายก่อนที่จะถึงยอด ขึ้นบันไดชันๆ แบบยาวๆ ไป แนะนำว่าอย่าหันหลังมอง เพราะมันจะเสียวมาก
ขึ้นมาแล้วเห็นวิวแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเลยครับ
เมื่อใจเรามุ่งมั่น ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ครับ
จากจุดนี้ไป ก็จะเข้าเขตของถ้ำนาคาแล้วครับ อาสาพาเที่ยวจะให้คำแนะนำก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำนาคา สรุปคร่าวๆ ได้ว่าห้ามสัมผัส แตะต้อง ขีดเขียน เคาะ ทำลาย หินในถ้ำ ห้ามสูบบุหรี่ ก่อกองไฟ จุดธูปเทียนบูชา ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามนำอาหารเข้าไปทานครับ
ยอมรับเลยว่าเมื่อเริ่มก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำนาคา ผมรู้สึกถึงความตื่นเต้น ตระการตา กับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ภาพของภูผาหินขนาดใหญ่ ที่มีผิวตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับเกล็ดของพญานาค บางจุดดูคล้ายกับพญานาคขดตัวอยู่ มันดูสอดคล้องกับเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาตามตำนานความเชื่อเรื่อง “เจ้าปู่อือลือ” ที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคและถูกจองจำครับ
จุดนี้เป็นจุดที่ให้มาไหว้ขอพรครับ
จะมีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งเดี่ยวๆ ดูคล้ายเศียรของพญานาคอยู่หลายจุดเลยครับ แต่เศียรเหล่านี้เป็นเพียงเศียรบริวารครับ
บริเวณนี้คือประตูบังบดแห่งเมืองลับแล มีความเชื่อกันว่าในอดีต หลวงปู่วัง ฐิติสาโร ท่านได้เดินหายเข้าไปในช่องทางนี้ ลูกศิษย์ที่มาด้วยไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้นั่งรอท่านอยู่ด้านนอก เมื่อหลวงปู่วังกลับออกมา ลูกศิษย์จึงถามว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านบอกว่าชาวเมืองบังบดนิมนต์ท่านไปฉันเพลงานขึ้นบ้านใหม่ เสร็จแล้วท่านจึงเดินออกมา ใช้เวลาเดินเพียง 1 วัน แต่ปรากฏว่าลูกศิษย์ได้นั่งรอท่านอยู่ที่หน้าถ้ำเป็นเวลาถึง 7 วันครับ
การที่เราเห็นหินมีลักษณะคล้ายกับเกล็ดพญานาคนั้น ตามหลักทฤษฎีทางธรณีวิทยา หินเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนของหินไปตามปรากฏการณ์ซันแครก (Sun Crack) ทำให้มีลักษณะคล้ายลำตัวของงูขนาดใหญ่ และมีลวดลายคล้ายเกล็ดงู ประกอบกับการโค้งตัวของหิน ทำให้หินมีรูปร่างคล้ายกับพญานาคหรืองูขนาดใหญ่กำลังขดตัวอยู่ (ตามความเชื่อ)
ออกจากถ้ำนาคาแล้ว เดินต่ออีกนิดหน่อย ก็จะมีสถานที่ที่สำคัญๆ อีก เช่นเจดีย์หลวงปู่วัง ภายในบรรจุพระธาตุของหลวงปู่วัง
มองออกไปไกลๆ เห็นเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์
จากนั้นเดินเท้ากันต่อ จะพบกับถ้ำหลวงปู่วัง สามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรได้ครับ
ไม่ไกลจากถ้ำหลวงปู่วัง จะพบกับเศียรนาคาเศียรที่ 1 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวถ้ำนาคาครับ การมากราบไหว้หินพญานาคแต่ละจุดเราสามารถขอได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องโชคลาภ การงาน การเงิน ขอให้ธุรกิจราบรื่น แต่มีเรื่องเดียวที่จะไม่สามารถขอได้คือเรื่องความรัก ย้ำนะครับว่า “ให้ขอ” ห้ามบนบานครับ
จากเศียรที่ 1 ผมเดินลงไปยังพื้นล่างโดยไม่ได้พักเลยครับ ตัดสินใจถูกที่ขึ้นมาด้านบนตั้งแต่เช้ามืด นับเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เดินขึ้นของวันนั้นเลย ทำให้ไม่ต้องติดขัดในตอนเดินขึ้น และไม่ต้องต่อคิวถ่ายรูปบริเวณจุดสำคัญๆ เพราะในระหว่างที่เดินลง เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นเป็นจำนวนมาก ผมใช้เวลาเดินขึ้นลงประมาณ 3 ชั่วโมงครับ (ผมไม่ได้เดินไปที่เจดีย์หลวงปู่วังนะครับ)
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า จะพาร่างขึ้นไปอยู่บนยอดภูลังกาได้
เน้นย้ำกันอีกที สำหรับผู้ที่จะขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนภูลังกา
1. ทำการจองคิวผ่านแอป QueQ ถ้าคิววันที่จองไม่เต็ม รับรองว่าได้ขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคิวเต็ม คงต้องไปวัดดวง Walk in หน้างานกันอีกทีครับ
2. เลือกขึ้นในช่วงเช้า เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ อากาศจะไม่ร้อนมาก เวลาถ่ายรูปจะสะดวก
3. ทานอาหาร เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเดินขึ้น อย่าลืมติดน้ำดื่ม ถุงมือ ยาดม ไปด้วย
4. ควรใช้บริการอาสานำเที่ยว
5. การขอพร ขอได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความรัก และให้ “ขอ” ห้ามบนบานเด็ดขาด
6. ฟิตร่างกายมาบ้างก็จะดีครับ จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป
[CR] ถ้ำนาคา พลังแห่งศรัทธา
ก่อนจะถึงทางขึ้นถ้ำนาคา ด้านซ้ายมือจะเห็นรูปปั้นพญานาคตนใหญ่ ดูคล้ายกับกำลังเลื้อยโอบพระเจดีย์ครับ
อุทยานแห่งชาติภูลังกา เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมถ้ำนาคาได้วันละ 1,000 คน โดยจะแบ่งเป็นการจองคิวผ่านแอป QueQ จำนวน 496 คน และ Walk in อีกจำนวน 504 คน ใครที่ตั้งใจจะมาขึ้นถ้ำนาคาโดยเฉพาะ ผมแนะนำให้จองคิวผ่านแอป QueQ ครับ รับรองว่าได้ขึ้นแน่นอน โดยแอปจะให้เราเลือกการขอรับบริการ เราก็เลือก “อุทยานแห่งชาติ” จากนั้นเลื่อนหา “อุทยานแห่งชาติภูลังกา” จากนั้นระบบจะแจ้งให้เรากรอกรายละเอียดต่างๆ บอกเลยว่าการเข้าไปจองคิวในแอปนั้นไม่ยากเย็นเลย เมื่อกรอกรายละเอียดเสร็จ ก็นั่งรอวันเดินทางได้เลยครับ สามารถจองคิวล่วงหน้าได้ก่อน 60 วัน สำหรับกรณี Walk in หากคิวในวันนั้นเต็มแล้ว จะต้องมา Walk in ในวันถัดไปแทนครับ
ถ้ำนาคาจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เริ่มเดินขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 – 14.00 น. และจะต้องลงมาถึงพื้นล่างภายใน 18.00 น. โดยทริปนี้ผมเลือกขึ้นถ้ำนาคาตั้งแต่ช่วง 06.00-07.00 น. เมื่อถึงจุดตรวจ ก็แสดงคิวที่จองผ่านแอป บัตรประชาชน (ต้องตรงกับชื่อที่ลงทะเบียนผ่านแอปเท่านั้น) พร้อมหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ครบอย่างน้อย 3 เข็ม (หรือแสดงผลการตรวจ ATK ภายใน 48 ชั่วโมง) จากนั้นก็ชำระค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท และเสียค่าประกันชีวิตอีกคนละ 10 บาทครับ
ยอมรับเลยว่าเมื่อเริ่มก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำนาคา ผมรู้สึกถึงความตื่นเต้น ตระการตา กับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ภาพของภูผาหินขนาดใหญ่ ที่มีผิวตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับเกล็ดของพญานาค บางจุดดูคล้ายกับพญานาคขดตัวอยู่ มันดูสอดคล้องกับเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาตามตำนานความเชื่อเรื่อง “เจ้าปู่อือลือ” ที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคและถูกจองจำครับ
1. ทำการจองคิวผ่านแอป QueQ ถ้าคิววันที่จองไม่เต็ม รับรองว่าได้ขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคิวเต็ม คงต้องไปวัดดวง Walk in หน้างานกันอีกทีครับ
2. เลือกขึ้นในช่วงเช้า เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ อากาศจะไม่ร้อนมาก เวลาถ่ายรูปจะสะดวก
3. ทานอาหาร เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเดินขึ้น อย่าลืมติดน้ำดื่ม ถุงมือ ยาดม ไปด้วย
4. ควรใช้บริการอาสานำเที่ยว
5. การขอพร ขอได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความรัก และให้ “ขอ” ห้ามบนบานเด็ดขาด
6. ฟิตร่างกายมาบ้างก็จะดีครับ จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้