[CR] ทริป คนบาปตามหาปู่นาคา...ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ 3 วัน 2 คืน อุดร-บึงกาฬ-หนองคาย

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอมารีวิวการไปเที่ยว 3 จังหวัด คือ อุดรธานี -  บึงกาฬ - หนองคาย 

จุดเริ่มต้นของทริป
        ตอนแรกผมกับเพื่อนอีก 3 คนอยากจะไปปางอุ๋งที่แม่ฮ่องสอน แต่ด้วยวันลาของแต่ละคน และตารางเวลาเครื่องบินไม่แมตช์เลยหันมาดูที่อื่นแทน ก็ไปสะดุดตาในรีวิวหนองคายรูป sky walk ที่หนองคายดูน่าสนใจมากเลยค่อยๆหารายละเอียดที่เที่ยวอื่นๆมากขึ้น ก็เลยออกมาว่าในช่วงที่เราจะไปเที่ยวกัน 3 วันนี้น่าจะพอเดินทางไปได้ทั้ง 3 จังหวัดนี้ได้แล้วจึงค่อยๆใส่สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในแต่ละจังหวัดมาเลือกกัน
       -อุดรธานี : จังหวัดนี้มีตัวเลือกมากมายให้เราลอก 555 เพราะทาง Pantip ก็เคยพาเพื่อนๆสมาชิกไปรีวิวแล้ว
       -บึงกาฬ : ถ้ำนาคา(ภูลังกา) วัดภูทอก น้ำตกกินรี หินสามวาฬ(ภูสิงห์)
       -หนองคาย : Skywalk(วัดผาตากเสื้อ) ถ้ำดินเพียง(วัดชัยมงคล)
        ต้องออกตัวก่อนว่าสมาชิกทุกคนนั้นเรานับถือพุทธทุกคนแต่ไม่ชอบการเข้าวัด ไหว้พระ หรือเลื่อมใสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แต่พวกเราชอบการท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา ไปชื่นชมความสวยงามทางธรรมชาติต่างๆ แล้วพวกเราก็วางแผนไว้อย่างหลวมๆ ว่าเช้าวันแรกบินมาลงอุดรแล้วเช่ารถขับแวะเที่ยวในเมืองก่อนค่อยออกไปหนองคายตอนบ่ายๆ ส่วนวันถัดมาก็ค่อยขับรถจากหนองคายมาเที่ยวหินสามวาฬที่บึงกาฬ ส่วนวันสุดท้ายก็ขึ้นถ้ำนาคาตอนเช้า แล้วลงมาตอนบ่ายขับรถเข้าไปพักคาเฟ่แถวสนามบินอุดรเป็นอันจบ เราจึงเลือกจองที่พักใกล้ๆสถานที่ปลายทางของแต่ละวัน คือ คืนแรกจองไว้ที่ little garden resort คืนที่สองจองไว้ที่ ครัวไข่มุกอันดา&ภูพิงค์โฮมสเตย์ จองเที่ยวบินได้เป็นไทยสไมล์เพราะราคากับเวลาเหมาะกับแผนเราที่สุด เหลือเพียงแค่จองคิวเข้าอุทยานภูลังกาด้วยแอพ QueQ ซึ่ง ณ วันนั้น(ช่วงเดือนต.ค.) อุทยานเปิดให้จองล่วงหน้าได้แค่ 15 วัน ฉะนั้นถ้าพวกเราอยากไปถ้ำนาคาวันที่ 19 ธ.ค. ก็ต้องลงทะเบียนจองวันที่ 2 ธ.ค.

จุดหักเหของทริป
         หลังจากได้ข่าวว่าอุทยานภูลังกาจะเปลี่ยนเวลาให้จองล่วงหน้าได้ถึง 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. พวกเราจึงต้องตั้งตารอเพื่อจองคิวในวันนี้แทน เพราะส่วนหนึ่งเริ่มเห็นใน FB, IG เพื่อนๆหรือดาราเริ่มไปถ้ำนาคากันเยอะและประกอบกับสมาชิกในกลุ่มก็เตือนว่าอย่าประมาทเพราะคิวถ้ำนาคาเต็มเร็วมากเปิดปุ๊บเต็มปั๊บ (เบื้องต้น ผมไม่เชื่อเพราะไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยววันละ 500 คนเต็มทุกวันได้หรอก) ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา 0:01 ของวันที่ 22 พ.ย. คิวการเข้าอุทยานภูลังกาวันที่ 19 ธ.ค. ตามแผนเราเต็มไปเรียบร้อย พวกเราทุกคนเสียดายมากๆเพราะเป็นที่ๆอยากไปที่สุดในทริปนี้แล้ว แต่ก็เหมือนมีปาฏิหาริย์โผล่มาเมื่อสมาชิกในกลุ่มอีกคนบอกว่าวันที่ 17 ธ.ค. ยังเหลือรอบ 12:00-13:00 น.อยู่ จึงกดจองไปอย่างไม่คิด แล้วพวกเราก็ต้องไปมาสลับแผนการเดินทางใหม่จากที่เคยวางไว้คร่าวๆแล้ว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณที่พักทั้งสองวันที่กรุณาให้เลื่อนวันเข้าพักได้ 

เริ่มเดินทาง
          หลังจากมีการปรับเปลี่ยนแผนสลับตามวันที่จองถ้ำนาคา แล้วเราจึงได้ออกเดินทางกันวันที่ 17 ธ.ค. ตามนี้
Day -1 
         - บินจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯไปลงสนามบินอุดรฯ ทำเรื่องเช่ารถเสร็จตอนประมาณ 8:30 น. เนื่องจากระยะเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นที่เราต้องไปถึงภูลังกาตอน 12:00-13:00 น. พวกเราจึงทานแค่อาหารว่างที่ได้จากไทยสไมล์และรีบขับรถจากสนามบินอุดรฯ ไปหาอาหารเที่ยงทานแถวๆอุทยานแห่งชาติภูลังกา (บึงกาฬ) ซึ่งใช้เดินทาง 3 ชั่วโมง
         - พวกเราเลือกร้าน ฮิมนาคาเฟ่ ที่อยู่ใกล้ๆกับทางขึ้นอุทยาน ร้านนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ลมพัดเย็นสบายๆ เราสั่งอาหารจานเดียวทานกันเร็วๆง่ายๆ และสั่งยำ 4 ทัพ กับ ไก่ทอดมาเป็นจานกลาง รสชาดอาหารดีมาก ลมเย็นสบาย ไม่ร้อน 
            
        - จากนั้นเรามาถึงอุทยานแห่งชาติภูลังกา เวลา 12:30 น. แสดงหลักฐานการจอง (QueQ) และจ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาทก็จะเข้าสู่ทางขึ้น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จัดหาไกด์อาสาเพื่อเป็นผู้ดูแลให้แต่ละคณะนักเดินท่องเที่ยว โดยไก์อาสาจะไม่มีเงินเดือน รายได้ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับสินน้ำใจของนทท. หลังจากนั้นกลุ่มเราได้แม่มุขมาเป็นไกด์ให้และรู้ว่าเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะขึ้นของวันนี้แล้ว (ซึ่งรอบนี้จะถือเป็นรอบที่ 2 ของวันแล้วของแม่มุขเพราะเมื่อเช้านี้แกพานทท.ขึ้นไปชมถ้ำนาคาเสร็จแล้ว 1 รอบ)
           - การเดินทางจะมีป้ายแสดงจุด check point ต่างๆตั้งแต่ A ไปสิ้นสุดที่ L เส้นทางก็จะเป็นลักษณะไต่เขา ปีนบันไดบ้างบางจุด ควรจะเตรียมถุงมือและน้ำดื่มใส่เป้สะพายหลังไป การที่เราขึ้นไปรอบเที่ยงกว่าๆ มีข้อดีคือไม่ร้อนอย่างที่คิด เพราะมีต้นไม้บังแดดและลมพัดตลอดเวลา และจะไม่มีคนมาไล่หลังกดดันเรา แต่ข้อเสียก็คือเราจะไม่สามารถไปชมสถานที่ได้ครบทั้งหมดเพราะจะมืดเสียก่อน 
          - ระหว่างทางก็จะพบก้อนหินรูปร่างต่างๆ ทั้งหินเต่า หินรูปปลาวาฬชูคอขึ้นมาจากน้ำ หินลายเกล็ดพยานาค หินรูปเห็ด จนกระทั่งเราไปถึงบนสุดก็จะลอดทางลงไปถ้ำนาคาได้ เป็นมุมที่ทุกคนมาถ่ายกัน
            
         - สรุปแล้วถ้ำนาคา สวยงามเกินความคาดหมายมาก คุ้มค่าเหนื่อยเลย ให้ 10/10 ไม่หักเลยครับ แนะนำว่าควรมาดูสักครั้ง (แม่มุขที่เป็นไกด์ให้พวกเรานั้นยังได้บอกว่า งวดที่แล้วมีนทท.มาสักการะปู่นาคาแล้วลงไปนั่งเรือที่บึงโขงหลงเพื่อไปขอหวยที่เกาะดอนโพธิ์ ถูกตรงๆ แต่พวกเราแกงค์คนบาปก็ไม่ได้นำพา 555) 
         - หลังจากนั้นจึงเข้าที่พัก ครัวไข่มุกอันดา&ภูพิงค์โฮมสเตย์ แถวบึงโขงหลง ใกล้ๆกับถ้ำนาคา และก็ทานข้าวเย็นที่นั่นเลย ราคาไม่แพง จุดเด่นของที่นี่คืออยู่ติดกับบึงขนาดใหญ่ มีลมพัดเย็นตลอดวัน เช้าๆสามารถตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ 
            

Day-2 
         - เข้าสู่วันที่ 2 เราก็ออกจากที่พักมาทานโจ๊กที่ในตลาด แล้วก็ตั้งใจจะรีบไปวัดภูทอกในช่วงเช้า แล้วตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่หินสามวาฬ แต่พอขับรถผ่านบึงโขงหลงแล้วเหลือบไปเห็นดอกบัวลอยอยู่เต็มไปหมดสวยงามมาก จึงต้องเปลี่ยนแผนย้อนกลับมาหาท่าเรือแถวนั้นเพื่อเช่าเรือไปดูดอกบัว 
        - พวกเราเลือกเช่าท่าเรือใกล้ๆแถวนั้น ค่าเช่า 500 บาท (ซึ่งทางท่าเรือก็จะเสนอขายชุดบายศรีฯปู่นาคา และให้ปล่อยปลาไหล แน่นอนว่าเราไม่ได้ซื้อ) หลังจากออกเรือมาดูทุ่งดอกบัวแดงแล้ว เรือก็จะแวะไปส่งขึ้นเกาะดอนโพธิ์  คิดค่าเข้าเกาะคนละ 20 บาท พวกเราเลือกที่จะเข้าไปซึมซับบรรยากาศที่ชาวบ้านมาบูชาปู่นาคาและขอหวย 
           
          - จากนั้นก็เดินทางมายังวัดภูทอก มองขึ้นไปก็สูงมากๆ มีทั้งหมด 7 ชั้น ทางขึ้นชั้น1-5 จะเป็นบันไดและระเบียงที่ทำจากไม้ (ค่อนข้างน่าหวาดเสียวพอสมควร ใครเป็นโรคกลัวความสูงไม่แนะนำครับ) ส่วนชั้น 6-7 จะไม่มีทางเดินที่เป็นระเบียงไม้แล้วแต่เป็นการเดินเข้าป่าไปยังจุดชมวิว ส่งใครไม่ได้ดูแผนที่มาให้ดีก็อาจจะมีเดินวนหลงๆบ้าง เหมือนพวกเรา 555 
          

         - โดยรวมแล้ว ผมชอบวัดภูทอกมากที่สุดของทริปแล้ว เพราะได้บรรยากาศการผจญภัยมาก โดยเฉพาะชั้น 6-7 ที่ไม่ค่อยมีป้ายบอกทาง ให้ 10/10 เหมือนกันครับที่นี่
         - ต่อมาจึงไปแวะพักที่คาเฟ่ชื่อ Supparose ซึ่งแต่งเป็นสไตล์สวนอังกฤษสวยๆ มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย ทั้งโซนสวน สวนซุ้มฟาง บันไดสีขาว คาวบอย มุมให้อาหารแพะ 
          
        - แล้วก็ไปต่อกันที่ภูสิงห์ เพื่อขึ้นไปชมหินสามวาฬ เสียค่ารถ 500 บาท จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถกระบะขึ้นไปส่งและช่วยดูแลนทท. (ขึ้นกับ Service mind ของเจ้าหน้าที่แต่ละคน) พวกเราเตรียม Drone เพื่อมาบินที่นี่โดยเฉพาะแต่ปรากฏว่าวันนี้ลมแรงมาก เจ้าหน้าที่บอกว่าแล้วแต่ช่วง บางสัปดาห์ก็ไม่มีลมแรง แล้วบนยอดเขาจะลมจะแรงกว่าด้านล่าง 3 เท่า ซึ่งไม่จริงเลย เพราะขึ้นไปแล้วลมแรงมากๆๆๆๆ เดินอยู่ก็มีเซๆได้เลย แถมหมวกผมปลิวลอยตกไปเลยด้วย T T
        - มาถึงยอดก็เดินไปจนถึงหินสามวาฬ โดยส่วนที่เดินไปได้ก็จะมีหินพ่อวาฬ และหินแม่วาฬ บนพื้นจะมีสติ๊กเกอร์สีเหลืองติดไว้เป็นระยะปลอดภัย ไม่ควรก้าวเกินออกไปหลังเส้นนี้แล้ว เพราะจะตกเขาได้ ตอนถ่ายรูปตรงจุดนี้ก็เสียวมากเพราะลมแรงมากจริงๆ จากที่เคยคิดว่าจะดูพระอาทิตย์ตกบนนี้ก็ต้องรีบลงเลย 
        - แต่ขาลงเจ้าหน้าที่ขับรถจอดแวะให้พวกเราลงไปถ่ายรูปที่ช่องประตูสวรรค์ ซึ่งเหนือความคาดหมายมาก จุดนี้ถ่ายตอนพระอาทิตย์ตกสวยสุดๆ ถือว่าคุ้มเลยครับ  ให้ 9/10 หักเพราะวันนี้ลมแรงมาก บินโดรนไม่ได้ 5555
         
        - จากนั้นก็กลับออกมา ขับรถเข้าที่พัก ซึ่งใกล้ๆก็มีตลาด มีไรให้กินเยอะ
Day 3
         - วันนี้พวกเราต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะต้องขับรถจากบึงกาฬไปหนองคายใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงตัดสินใจไปทาน Brunch ระหว่างทางซึ่งพวกเราเลือกร้าน ระเบียงริมโขง ซึ่งอาหารอร่อย แต่ราคาก็แอบแพง 
          
       - จากนั้นก็ไปชม Sky Walk ที่วัดผาตากเสื้อ มีค่าถุงคลุมรองเท้าคนละ 20 บาท หรือจะเตรียมมาเองก็ได้ ซึ่งความรู้สึกส่วนตัวคือวิวสวยมาก แต่ตัว sky walk ดูธรรมดามาก ให้ 7/10 
         
      - แล้วก็ไปต่อกันที่ถ้ำดินเพียง ซึ่งมีค่าบริจาคธูปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้าถ้ำตามกำลังศรัทธา ค่าไฟ 100 บาท/คณะ และค่าไกด์ตามกำลังศรัทธา การเข้าไปข้างใน โหดมาก ต้องมีมุด หมอบ คลาน ก้มต่ำ ไม่ควรพกของเข้าไปเยอะและผู้สูงอายุหรือร่างกายไม่แข็งแรงไม่ควรเข้าไป โดยรวมให้ 7/10
     
      - ออกมาจากถ้ำดินเพียงตอน 14:00 น. เหลือเวลาไปสนามบินแค่ 3 ชั่วโมง แต่เหมือนสวรรค์ลงโทษแกงค์คนบาป google พาไปทางลัดแต่เข้าไปในป่ายางและรถติดหล่ม เดชะบุญที่พวกเราเดินออกไปเจอน้องคนพื้นที่ขับมอเตอร์ไซด์ผ่านมาพอดี จึงขอความช่วยเหลือ น้องเขาหายไปพักนึงแล้วกลับมาพร้อมรถขุด เพื่อมาช่วยขุดเตรียมทางและลากรถเราออกมาได้ ประทับใจความีน้ำใจของน้องคนนี้มากๆช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
        
     - เสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ตรงไปสนามบินทันเวลาพอดี แล้วก็บินกลับกรุงเทพฯอย่างปลอดภัย

สรุปส่งท้าย
        - โดยรวมทริปนี้สนุกมาก มีหลายๆที่ ที่ไปแล้วเหนือความคาดหมายมากๆ สวยงามเกินบรรยาย ได้ประสบการณ์ดีๆเยอะ ประทับใจในอัธยาศัยของชาวบ้านในพื้นที่มากๆ แนะนำให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองครับ 
ชื่อสินค้า:   ถ้ำนาคา ภูลังกา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่