[CR] 3,000 กิโล รอบไอซ์แลนด์ ซัมเมอร์ 2023 (EP.1 เกริ่นนำ)

ไอซ์แลนด์ประเทศในฝันของหลายๆ คน ที่มักจะมีภาพจำของการล่าแสงเหนือและนกพัฟฟินแสนน่ารัก แต่จริงๆ มีมากกว่านั้น ภูมิประเทศหลากหลายมาก คนที่ชอบธรรมชาติต้องไม่พลาด ในที่สุดก็ได้มาเยือนซักที


🌺
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศไม่ใหญ่ แต่ก็ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ถ้าจะเที่ยวให้รอบเกาะ เอาง่ายๆ ประเทศไอซ์แลนด์อาจแบ่งเป็นโซนๆ เพื่อสะดวกในการวางแผนท่องเที่ยว ตามนี้ครับ

1. เมืองหลวงและ southern peninsula มีเมืองหลวงคือ Reykjavik และสนามบินหลักคือ KEF International Airport
2. Southern area (south coast) เป็นจุดที่คนนิยมมาเที่ยว โดยจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก็อยู่แถบนี้เกือบทั้งหมด มีเมืองหลักๆ ที่สามารถแวะพักได้สะดวก คือ Vik
3. Eastern area มีเมืองหลักๆ ที่นิยมมาพัก/กินและแวะเที่ยว คือ Hof, Hofn (อยู่ทาง southeast) และ Egilssaoir, Seydisfjordur (อยู่ทาง east)
4. Northern area มีเมืองใหญ่ที่นิยมแวะพัก/กิน คือ Akureyri
5. Western area และ Snaefellsnes Peninsula เป็นอีกโซนที่คนมักมาเที่ยวกันเพราะมีภูเขาสัญลักษณ์สำคัญของไอซ์แลนด์อยู่แถบนี้ คือ Kirkjujfells แถบนี้มีเมืองเล็กๆ ให้แวะพัก/กินได้ เช่น Grundarfjordur, Rif, Arnarstapi, Akranes และ Borgarnes
6. Westfjords เป็นโซนที่อยู่ตะวันตกสุด ค่อนข้างห่างไกลสุด คนไม่ค่อยแวะมา เพราะต้องใช้เวลาเพิ่มจากเส้นทางปกติอย่างน้อย 1-2 วัน และขับรถจากเส้นทางหลักค่อนข้างนาน (4-6 ชม) และถนนหนทางก็เป็นลูกรังซะส่วนใหญ่ ต้องใช้รถ 4WD จุดเที่ยวหลักๆ ของ Westfjords คือ Dynjandi Falls (ใหญ่และสวยมากกกก), Latrabjarg (จุดชมนกพัฟฟินที่ใหญ่ที่สุด), Raudisandur (หาดทรายสีไม่ดำที่หาได้ยากในไอซ์แลนด์ และที่นี่ถ้าแสงดีๆ จะเห็นหลายๆ สีเป็นริ้วๆ), Gardar BA 64 Shipwreck และ Djupavik village
7. Highland อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นดินแดนห่างไกลกันดารที่สุด ถนนเป็น F road เปิดให้เที่ยวเฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น (ปลาย มิ.ย. ถึงประมาณ ต.ค.) เป็นโซนที่มีภูมิประเทศแปลกตาและสวยมากกก ถ้าขับรถเข้าไปก็ต้องลุยกันหนักอยู่ มีขับรถลุยลำธาร นอนแคมป์ ฯลฯ หรืออีกทางเลือกคือ หาทัวร์เครื่องบินเล็ก บินชมวิวมุมสูงได้ โดยทัวร์จะขึ้นที่ Skaftafell terminal
🌺
ไปตอนไหนดี

จะตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องถามก่อนว่า “อยากไปทำอะไร” ซึ่งจุดประสงค์ของคนเที่ยวไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่ก็จะมีหลักๆ 2 อย่าง
1. ล่าแสงเหนือ อันนี้ต้องมาฤดูหนาวแน่นอน (ประมาณ ต.ค.-เม.ย.)
2. วิวทิวทัศน์เขียวชอุ่ม และนกพัฟฟินแสนน่ารัก อันนี้ก็ต้องฤดูร้อน (แนะนำประมาณ มิ.ย.-ส.ค.) น้องพัฟฟินจะเริ่มมาที่ไอซ์แลนด์ช่วง พ.ค.-ต้นๆ ส.ค.
3. ชอบเที่ยวเมืองชิคๆ ชอบชอปปิ้ง แนะนำไปประเทศอื่นครับ

📍 แพลนของผม 📍 เป็นจุดประสงค์ที่ 2 ครับ ซึ่งช่วงฤดูร้อนจัดเป็น high season ของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเขียวชะอุ่ม ดอกไม้บานสะพรั่งตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป และถนนสู่ Highland เปิดให้รถเข้าแล้ว แต่ที่ผมมาจะเป็นช่วงรอยต่อหน่อยๆ คือ ต้นมิถุนายน (4-12 มิ.ย. 2023) เพราะว่างแค่ช่วงนั้น สรุปเส้นทางและเมืองแวะพักตามรูปด้านล่างครับ **ไม่ค่อยแนะนำให้ไปตามนี้ครับ เพราะมันเหนื่อยยย (เที่ยววันละ 12-16 ชม. เข้าที่พักเกือบเที่ยงคืนทุกวัน) และใช้ได้เฉพาะฤดูร้อนที่กลางวันยาวนานมากๆๆๆ ความเห็นผมควรเพิ่มวัน อย่างน้อย 2-3 วันจะเที่ยวสบายครับ แต่ถ้าเวลาน้อยก็ลองครับ ต้องอึดนิดนึง

รูปบนเป็นสถานที่เดินทางจริง (❌ คือจุดที่ตัดออกเพราะไปไม่ทัน) ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเส้นทางบางวันจะสลับไปมานิดหน่อย นั่นก็เพราะว่าวันก่อนหน้าเที่ยวไม่ทัน วันรุ่งขึ้นเลยขับย้อนไปเก็บจุดที่พลาดไป ลองเอาไปปรับแผนกันดูครับ

✈️
เครื่องบิน

✈️ งงตาแตก 😂 ตอนแรกคิดว่าหาง่ายๆ เพราะเห็นคนไทยไปกันเยอะ ไม่มีบินตรง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าจะไปต่อเครื่องที่ไหนดี
✈️ ช่วงที่ไป (2023) เป็นช่วงที่โลกปรับตัวให้อยู่กับโควิดใหม่ๆ ราคาตั๋วเลยแพง บินไปทีสี่หมื่นอัพ เลยงงอยู่นานว่าจะไปต่อไหนดีให้ถูกๆ
✈️ เมืองที่นิยมไปต่อเครื่อง คือ Copenhagen, Oslo, London, Amsterdam ก็เลือกกันตามราคา เวลาเปลี่ยนเครื่อง ฯลฯ ถ้าซื้อแบบรวดเดียวก็ไม่ต้องเอากระเป๋าออกมาเช็คอินใหม่ แต่ถ้าจองแยกก็คงต้องรับกระเป๋า ผ่าน ตม. เช็คอินซ้ำตอนต่อเครื่อง
✈️ ส่วนเที่ยวบินต่อไปยังไอซ์แลนด์ที่นิยมกันคือ Iceland Air ครับ มีอีกสายการบินที่นิยมต่อไปไอซ์แลนด์ คือ Play ครับ
ผมเลือกบินกับ KLM ไปแวะพักที่ Amsterdam 19 ชม. เลยถือโอกาสแวะเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัม 1 คืน ก่อนบินต่อไปไอซ์แลนด์ (กระเป๋า check through ครับ สะดวกดี ก็แบ่งสัมภาระส่วนหนึ่งขึ้นเครื่องเพื่อนอนที่อัมสเตอร์ดัมคืนนึง) สนนราคาตั๋วไปกลับถูกกว่าบิน route อื่น (ประมาณ 38,000 บาท)

🏫
ทำวีซ่า
✏️ เป็นวีซ่าเชงเก้น (ถ้าใครมีเชงเก้นที่ยังไม่หมดอายุ ก็ไม่ต้องทำของไอซ์แลนด์ครับ…จะโชคดีมาก ถ้าไม่ต้องทำ เหตุผลอ่านด้านล่างครับ)
✏️ ทำวีซ่าผ่านสถานฑูตเดนมาร์ก
✏️ จองวันนัดทำวีซ่า >>> คลิ๊ก
✏️ ลงข้อมูลและจ่ายเงิน (80 euro, ราคาตอนปี 2023) >>> คลิ๊ก
✏️ รายละเอียดจะเหมือนกับการขอวีซ่าเชงเก้นของประเทศอื่นๆ ครับ ลองศึกษาที่ >>> คลิ๊ก
✏️ ระยะเวลาการรอคอย (ประสบการณ์ยื่นขอปี 2023) อันนี้ให้คะแนนความพอใจติดลบ 100 เพราะรอนาน (แต่หลายคนก็ได้เร็ว ผมคงซวยด้วยล่ะมั้ง) อุตส่าห์รีบไปทำก่อนเที่ยวเกือบ 3 เดือน เพราะมีเรื่องต้องเดินทาง 1 เดือนก่อนไปเที่ยวเผื่อจะได้วีซ่ามาก่อนเดินทาง แต่สรุปว่า ไม่รู้เขามีตรรกะอะไรในการพิจารณาวีซ่า ถามไปก็ได้แต่ตอบมาว่าให้รอ 15-45 วัน แล้วระบบติดตามทางเว็บไซด์ก็ไม่ขึ้นอะไรเลย แนะนำว่าถ้าใครจะต้องใช้พาสปอร์ตเดินทางก่อนจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์ เวลาขอวีซ่าให้บอกเขาไปตอนสมัครเลยว่าเราต้องใช้พาสปอร์ตวันที่เท่าไร “เผื่อ”จะช่วยให้สถานฑูตทำงานตามคิวยื่นได้บ้าง (ปัจจุบันมีคนตั้งข้อสังเกตว่า สถานฑูตใช้เกณฑ์จากวันเดินทาง ถ้าอีกนานถึงเดินทาง ก็จะยังไม่ process เอาเรื่องเราไป “ดอง” ไว้ ทั้งๆ ที่ยื่นล่วงหน้านาน???? เหตุผลที่ไม่เข้าท่าอันนี้ผมไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ถ้าจริงล่ะก็….มันแย่มาก ๆ ครับ) กลุ่มเพื่อนผมไปทำล่วงหน้าเกือบ 2 เดือนแต่ได้วีซ่าก่อนเดินทาง 1 วัน!

🗓
ไปกี่วัน
อันนี้คงขึ้นอยู่กับว่าจะไปไหนบ้าง❓ ไปฤดูอะไร❓(ฤดูหนาวจะมีช่วงกลางวันน้อย ส่วนฤดูร้อนก็กลางวันนานมากกก) และลักษณะการเที่ยวของแต่ละคน❓แต่โดยทั่วไปผมกะไว้แบบนี้ครับ (ถ้าเที่ยวฤดูหนาวอาจต้องพิจารณาเพิ่มวันตามความเหมาะสมครับ เพราะช่วงสว่างสั้น อาจจะเที่ยวแต่ละวันได้น้อยหน่อยเมื่อเทียบกับฤดูร้อน)

📍ถ้าไม่รอบเกาะ เน้นที่เที่ยวหลักๆ แนะนำทางตะวันตกแถบเมืองหลวง/Peninsula และทางใต้ ก็ 7 วันกำลังดี เที่ยวสบายๆ ไม่รีบ
📍ถ้ารอบเกาะ (รวม Westfjords) แบบสบายๆ อย่างต่ำน่าจะ 10-12 วัน ถ้าไม่แวะ Westfjords ซัก 10 วันกำลังดี
📍ฤดูร้อน ถ้าเข้า Highland ด้วย ก็บวกเพิ่มไปอีกอย่างต่ำ 1-2 วัน 
📍ถ้าสนใจกิจกรรมต่าง ๆ เช่น trekking, boat tour, whale watch, airplane tour ฯลฯ ต้องเผื่อเวลาครับ เพราะแต่ละกิจกรรมก็หลาย ชม. อยู่ อาจต้องเพิ่มวันถ้าทำหลายกิจกรรม
แต่….🧐 ของผมแปลกแยกต่างจากคำแนะนำด้านบน เพราะผมแพลนเที่ยวรอบเกาะ รวม Westfjord ด้วยแต่มีเวลาแค่ 8 วัน ในช่วงฤดูร้อน (ผมไปต้นเดือน มิ.ย. 2023 ครับ) เพราะวันลาน้อยแต่โลภมากอยากเที่ยวเยอะๆ เลยเหนื่อยโฮกกกก 😂 และต้องตัดบางสถานที่ออกเพราะไม่ทัน ฤดูร้อนช่วง มิ.ย.-ก.ค. สว่างเกือบ 24 ชม. เลยเที่ยวได้นานหน่อย

🏠
โรงแรมที่พัก
🏡 ส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com มีให้เลือกเยอะ ราคาสมเหตุสมผล (แต่ก็แพงตามมาตรฐานไอซ์แลนด์) ยกเลิกได้ หรือจองผ่าน agoda ก็ได้ครับ ลองเปรียบเทียบราคาดู (อย่าลืมเช็คด้วยว่าราคารวมภาษีหรือยัง) ของผมเดินทางกัน 7 คน ส่วนใหญ่เลือกเป็นแบบ Apartment 2-4 ห้องนอน ราคาเฉลี่ยตกประมาณคนละเกือบ 3 พันบาทต่อคืน
🏡 หลายคนเลือกรถแคมป์ปิ้ง/รถบ้าน และพักตาม Camp site อันนี้ประหยัดดีครับ แต่ของผมคนเยอะอาจไม่คล่องตัวนัก และอายุก็พอสมควรกันแล้ว ขออยู่สบายๆ หน่อย 😂

รูปนี้รถบ้านครับ (ถ่ายของคนอื่นมา)

🔗
อินเตอร์เน็ต
🌎 มีสัญญาณเกือบทั้งเกาะ แม้ที่ห่างไกลหรือบนเขา ก็ยังมีสัญญาณ (มีน้อยสถานที่มากที่ไม่มีสัญญาณ) แรงบ้างเฉี่อยบ้างแต่ก็สามารถใช้ google map ได้อย่างไม่สะดุด
🌎 ที่พักทุกที่ส่วนใหญ่มี wifi ให้ใช้
 
🥗
ปากท้อง
🍖 เรื่องนี้ต้องแล้วแต่บุคคลครับ ค่าอาหารถ้าซื้อกินจะอยู่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไปต่อมื้อ ขึ้นกับว่ากินอะไร
🍖 ถ้าให้ประหยัดก็ทำกินกันเองครับ เลือกที่พักที่มีครัวและทำอาหารเย็น และทำอาหารกลางวันใส่กล่องไปกินระหว่างทาง (กลางวัน นอกจากประหยัดแล้วก็จะได้ไม่ต้องกังวลหาร้าน/ซุปเปอร์ระหว่างทาง)
🍖 น้ำเปล่า ดื่มจากน้ำประปาได้เลย
🍖 แหล่งอาหารกับวัตถุดิบก็อาศัยซุปเปอร์มาร์เกตครับ (กลางๆ ทริป นี่พอเห็นซุปเปอร์แล้วเหมือนเห็นสวรรค์ แทบจะพุ่งเข้าใส่) ซึ่งมีตามเมือง และปั๊มน้ำมัน แต่ดูเวลาเปิดปิดให้ดีครับ เพราะเขาเปิดช้า (ประมาณ 9-10 โมง) และปิดเร็ว (ประมาณ 18-20 น.) หลายที่วันอาทิตย์ก็ปิดด้วย

ซุปเปอร์มาร์เกต BONUS สัญลักษณ์ตัวหมูน่ารักดี


เพี้ยนลาเวนเดอร์

ชื่อสินค้า:   ไอซ์แลนด์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่