คือน้าเราเขาบอกว่าจะไปไหว้พระเพราะรู้สึกว่าใช้เงินเยอะไปมากๆ
คือเรางงมากๆ เอาจริงๆสาเหตุที่เขาต้องใช้เงินเยอะเพราะว่าตาเสีย
เพราะตอนแรกตาเราเป็นคนซื้อกับข้าวอาหารและจ่ายทุกอย่างภายในบ้าน(ค่าน้ำ,ค่าไฟ)
พอตาเราไม่อยู่น้าเราก็ต้องรับภาระทุกอย่างเพราะน้าได้บ้านไปบ้านนั้นก็อยู่กันน้า ยาย ลูกชายน้า
พอลูกชายน้าเรียนจบก็กลับมาอยู่บ้านใช้เงินน้า แถมพาแฟนมาเกาะอยู่ด้วยวันๆหาแต่เรื่องกิน
น้าเราบอกว่าแม่แฟนน้องเราให้เงินอาทิตย์ละ 500 (มันไม่พออ่ะ) แล้วน้าเราให้หลานอีกคนไปนอนอยู่ด้วย
เพราะสงสารหลานที่โดนแม่บ่น พอทีนี้บ้านเลยใช้ไฟเยอะพัดลม 4 ตัวเปิดทั้งวันทั้งคืนเปิดไฟแล้วไม่ปิดกัน
เรื่องข้าวลูกน้ากับแฟนก็หากินกันทั้งวัน น้าเราทำงานได้วันละ 320 แต่ต้องเลี้ยงทั้ง แม่(ยายเรา) ลูกชาย แฟนลูกชาย
เพราะลูกชายน้าเราไปเซเว่นแทบทุกวันเพราะแฟนนางเลือกกิน บางวันก็อยากกินมาม่าเกาหลีที่เซเว่น
ซึ่งไปแต่ละทีก็เอาไป 500 น้าเราก็ให้ตังค์ไปตลอด พอตอนนี้ลูกชายน้ามีงานทำแต่ก็ยังมาเอาเงินน้าเราไปทุกวัน
แถมน้าเรายังต้องให้เงินแฟนลูกชายไป รร.วันละ 100 บางวันตอนเย็นจะไปเซเว่นอีก 3-5 ร้อย
แล้วทุกคนต้องใช้รถมอไซต์ไปทำงานรวมถึงแฟนลูกชายน้าก็ต้องเอารถไปแต่รถบ้านน้าเราลูกชายน้าเอาไปแต่งจนพัง
ต้องมาเอารถบ้านเรากับรถของน้าอีกคนไปใช้ พอเอาไปใช้น้ำมันก็ไม่เติมกันน้าเราก็ต้องเป็นคนเติมน้ำมันรถมอไซต์ 3 คัน
พอทุกคนต้องใช้รถมันเลยไม่พอน้าเราเลยถามแฟนน้องว่าที่บ้านมีรถมั๊ยให้เอามาใช้ นางบอกมีแต่สตาร์ทติดไหมไม่รู้(😑)
น้าเราเลยไปขนมาสรุปรถสตาร์ทไม่ติดน้าเราก็เลยไปส่งซ่อม แต่แทนที่ลูกชายน้าหรือแฟนนางจะเป็นคนจ่าย
ดันเป็นน้าเราที่ต้องจ่ายค่าซ่อมรถอีก 5,000 
ทุกคนคิดว่าไปไหว้พระมันจะช่วยจริงหรอคะ?