รัศมิ์ อัดแรง ปม ดอน จัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมา 18-19 มิ.ย.นี้
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4036203
รัศมิ์ อัดแรง ‘ไม่เคารพมติผู้นำอาเซียน-ทำลายผลประโยชน์ปท.’ ปม ดอนจัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมา 18-19 มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูต เจ้าของเพจ “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns”
โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมาในวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้ โดยระบุว่า
ประมาณเขาด่าว่าทั้งบ้าและเ-ือก
โดยไม่ได้หารือกับใครก่อน ไม่ได้มีหน้าที่กงการอะไรโดยตรง เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ประธานอาเซียนตามวาระ แถมขณะนี้สถานะของรัฐบาลก็เป็นเพียงแค่รักษาการ จู่ๆ รมว. กต. ไทยก็เที่ยวส่งจดหมายเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนให้มาร่วมการประชุมเรื่องปัญหาพม่า โดยเจ้ากี้เจ้าการให้รัฐมนตรีต่างประเทศของเผด็จการทหารพม่ามาร่วมด้วย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้
ทางรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียมีจดหมายตอบปฏิเสธทันควัน โดยบอกว่าสิ่งที่ไทยเสนอนั้นขัดกับสิ่งที่ผู้นำอาเซียนได้เคยยืนยันตกลงกันไว้ว่าจะไม่ติดต่อข้องเกี่ยวกับผู้นำทหารพม่า ซึ่งการหารือล่าสุดเพิ่งมีขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง และเป็นนัยว่าเหตุผลที่ไทยยกมาอ้างนั้น ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน
ในจดหมายยังบอกด้วยว่าขณะนี้ทางสำนักงานผู้แทนพิเศษที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้กำลังติดต่อกับทุกฝ่ายในพม่าเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้อยู่ และไทยเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนจะจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้
คือจะบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของไทย
ถ้าจะแปลกันง่ายๆ ภาษาชาวบ้านนี่คือการตบหน้าและเขาด่ากลับมาว่าทั้งบ้าและเ-ือกนั่นแหละ
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือที่ไทยทำอยู่นี้เท่ากับการไม่เคารพมติที่เหล่าผู้นำอาเซียนเขาตกลงกันไว้ ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายความเป็นเอกภาพของอาเซียน ทั้งที่เอกภาพของอาเซียนนั้นถือเป็นนโยบายต่างประเทศหลักของไทยเสมอมา เพราะอาเซียนนับเป็นสิ่งที่คอยปกป้องและเสริมสร้างผลประโยชน์ประเทศชาติเรา ไม่ว่าด้านความมั่นคง เศรษฐกิจและการเมือง
ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ย่อมถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติของเราเองอีกด้วย
มันยากที่เข้าใจว่าผู้รับผิดชอบด้านการต่างประเทศไทยคิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทำแล้วประเทศชาติจะได้อะไรกับการไปโอบอุ้มเผด็จการทหารพม่าที่ทั้งโลกเขาชิงชัง นอกจากจะทำให้ไทยต้องเปรอะเปื้อนไปด้วย
(เรื่องมีพรมแดนติดกันยาวอะไรนั่นเลิกพูดเถิดครับ ถ้าเราปล่อยให้ทหารพม่าเอาเครื่องบินรบบินเข้ามาได้เป็นหลายกิโลเมตร รวมทั้งการยิงถล่มเข้ามาในเขตไทยโดยที่เราไม่เคยประท้วงในระดับเวทีสหประชาชาติเลย)
และที่โดนคนอื่นเขาด่ากลับแรงๆ ขนาดนี้แล้วจะรู้สึกตัวบ้างไหมก็ไม่รู้ เรื่องความอายดูเหมือนไม่เคยมีมานานแล้ว
ได้แต่หวังว่าเราจะมีรัฐบาลใหม่ฝ่ายประชาธิปไตยโดยเร็ววัน เพื่อไม่ให้ประเทศชาติตกต่ำและผลประโยชน์ของประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/274750078385758
แต่งไปรเวทเพิ่มอีก! เยาวชนสนับสนุน 'หยก' ไม่ยอมก้มหัวให้กับการริดรอนเสรีภาพ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7721361
แต่งไปรเวทเพิ่มอีก! น้องข้าว นักเรียนหญิงชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ประกาศ สนับสนุน ‘หยก’ ไม่ยอมก้มหัวให้กับการริดรอนเสรีภาพในการแต่งตัว
กลายเป็นกระแสร้อนแรงโหมหนักในสังคม จากกรณี
‘หยก’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี แต่งกายด้วยชุดไปรเวทเข้าเรียน พร้อมกับเรียกร้องเสรีภาพในการแต่งกาย สร้างการถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ล่าสุด ทางแฟนเพจ Facebook : ไข่แมวชีส ออกมาโพสต์การเคลื่อนไหวของเยาวชน
‘น้องข้าว’ นักเรียนหญิงชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ได้ออกมาโพสต์สนับสนุน ‘หยก’ พร้อมให้เหตุผลในการแต่งชุดไปรเวทว่า
“วันนี้มีกำหนดการใส่ชุดไปรเวทไปเรียน แต่ด้วยครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยราวกับว่าการใส่ไปรเวทของเราทำพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง เสียใจ และทำให้พวกเขาลำบาก ถึงอย่างงั้นเราก็ยืนยันที่จะใส่ไปรเวทเรียน”
“แม้จะต้องใส่ชุดนักเรียนเจ้าปัญหาในการเดินทางไปเรียน แต่จะเหยียบเข้าโรงเรียนและเรียนด้วยชุดไปรเวทตลอดทั้งวัน ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กลัว คุณบังคับ บังคับได้แค่กาย หาใช่ใจที่ต่อต้าน”
“มีเพื่อนที่ รร. เดมไอจีมาถามว่า ทำไมถึงเลือกใส่ไปรเวทมาโรงเรียนจะทำให้โรงเรียนเสียขื่อเสียงทำไม เรายืนยันว่าที่เราทำไม่ได้ต้องการให้ใครเดือดร้อนหรือทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง”
โดยทาง
‘น้องข้าว’ นักเรียนหญิงชั้น ม.4 ได้ให้เหตุผล 2 ข้อ คือ
1. เราต้องการสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ของหยกเยาวชนอายุ 15 ปี ซึ่งอายุเท่ากับเรา อย่างน้อยการที่เราเป็นเสียงเล็ก ๆ เพื่อให้หยก หรือทุกคนที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ออกมาเรียกร้องสิทธิ์และเสรีภาพของตนเองมากขึ้น โดนไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใด
2. เราต้องการแสดงออกให้ครูชั้นผู้ใหญ่ ซิสเตอร์ และเพื่อน ๆ ในโรงเรียนได้รับรู้ว่า เราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับกฎที่ริดรอนเสรีภาพในการแต่งตัว หรือทุกส่วนในร่างกายของเรา และเนื่องด้วยเราโดนด่าและต่อว่ามาตลอด 3 ปี เรื่องการเเสดงออกทางการเมืองในโรงเรียนเรายอมมาตลอด ครั้งนี้เราเพื่อมาบอกว่า เราจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว
https://www.facebook.com/eggcatcheese/posts/588174353464124
ชาวเน็ตจวกเละ #แผ่นดินไหว รัฐทำไรอยู่ไม่ส่งสัญญาณเตือนเสี่ยงดับทั้งประเทศมั้ย?
https://www.dailynews.co.th/news/2449645/
ประชาชนจวกเละ "#แผ่นดินไหว" ขึ้นเทรนด์อันดับ 2 ของเมืองไทย ร้องรัฐบาลทำไรอยู่-ไร้เตือนล่วงหน้า เสี่ยงดับทั้งประเทศมั้ย?
เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาโซเชียลเดือดสุด ๆ ภายหลังจากที่เกิด “
แผ่นดินไหว” ขนาด 6.0 แมกนิจูด นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา ห่างจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.พบพระ จ.ตาก ประมาณ 289 กม. ทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้รับแรงสั่นสะเทือน และผู้คนวิ่งหนีเอาตัวรอด .
ซึ่งหลังจากเกิดแผ่นดิน ชาวเน็ตมากมายก็ต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เดือดกับภาครัฐ โดยมีการผุด #แผ่นดินไหว จนล่าสุดมียอดทวิตกว่า 26.9 หมื่นครั้ง และติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 2 ของประเทศไทยแล้ว
สำหรับความเห็นชาวเน็ต อาทิ
“แล้วประเทศไทยตึกสูง ๆ ที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับหรือเตรียมตัวสำหรับแผ่นดินไหว 555 น่ากลัวมาก คนเดือดร้อนคือ ปชช.นะ ตายก็คือตายจ้า ตึกสูงทั้งนั้นกทม. รัฐบาลอย่างเดียวเลยค่ะ ระบบทุกอย่าง ตัดภาพไปที่คนแก่หัวหงอกยังไม่รับรองพิธา 55555 เจริญขึ้นเร็ว-ึงไตแลนนด์ #แผ่นดินไหว”
“อยากให้ประเทศไทยมีแจ้งเตือนภัย เหมือนต่างประเทศ ตอนนี้แผ่นดินไหว ถ้าไม่รู้สึกเองก็ต้องส่องทวิตเตอร์ดูความเคลื่อนไหว บางคนไม่รู้สึกถึงแผ่นดินไหว ก็ไม่เตรียมพร้อม เพราะไม่มีอะไร แต่สถานการณ์แบบนี้มันคาดเดาไม่ได้ #แผ่นดินไหว”
“คุณพี่ควรมีสัญญาณเตือน หรือ sms แจ้งเตือนหน่อยมั้ยคะ กันคนโง่อย่างดิชั้นตาย นั่งโง่คิดว่าตัวเองเวียนหัวอยู่เลย โต๊ะโยกขนาดนี้ #แผ่นดินไหว”
“เพราะไทยมันไม่มี sms alert เวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ แนะนำแอด line alert ไว้ก็ช่วยได้นะ นางแจ้งหลายอย่างตั้งแต่น้ำท่วมฉับพลันไปจนถึงเหตุเภทภัยรุนแรง แอดไว้ก็ถือว่ามีประโยชน์ #แผ่นดินไหว”
บ่วง‘หนี้ครัวเรือน’กระชากกำลังซื้อฟุบ ธุรกิจร้องระงม! เรียกหารัฐบาลใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_4035670
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ใกล้เข้ามาแล้วกับไตรมาส 3/2566 หลังผ่านอีเวนต์ใหญ่ของไทยในช่วงต้นปี ทั้งเทศกาลต่างๆ กลับมาคึกคักรับภาคท่องเที่ยวไทยบูมหนักช่วงหน้าร้อน รวมถึงการเลือกตั้งช่วยหนุนให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจประคองไตรมาส 2/2566 ให้ผ่านมาได้ แต่แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2566 เข้าโหมดหงอยเหงา เพราะเข้าฤดูฝนเรียกได้ว่าเป็นโลว์ซีซั่นโดยแท้จริง จากการท่องเที่ยวส่อแววโตแผ่ว หลังคนจีนยังเข้าไทยไม่ถึงเป้า ภาคบริการต่างซบเซาตาม ส่งผลให้รายได้ภาคประชาชนลดลง ซึ่งรอยต่อของกำลังซื้อจะลดตาม อีกทั้งการใช้จ่ายมีปัญหาตามภาวะต้นทุนแพงต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า อัตราดอกเบี้ย ทำให้ราคาสินค้าหลายหมวดปรับขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังอึมครึม หรือเรียกว่าอยู่ในภาวะไร้ผู้นำอย่าง
“รัฐบาล”
เมื่อประชาชนมีรายจ่ายมากขึ้น แต่รายได้กลับเท่าเดิม สถานการณ์การใช้จ่ายก็เข้าโหมดระวังตัว เพราะครัวเรือนต่างมีปัญหาหนี้เป็นชนักติดหลัง!
⦁ ลุ้นต่อ!เชื่อมั่นดีดันกำลังซื้อ
สะท้อนข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (CCI) เดือนพฤษภาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 55.0 เป็น 55.7 ปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 39 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าผู้บริโภคกังวลเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน
เรื่องนี้
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นเรื่องของกำลังซื้อ จากการรายงานของหน่วยงานทางเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต่างระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดังนั้น การบริโภคฟื้นแบบไม่ได้หวือหวาและไม่มีผลต่อการซึมตัวลงในครึ่งปีหลัง แต่ก็มีความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย และประเมินไม่ได้ว่าจะเกิดการประท้วงหรือไม่ กรณีที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งความไม่แน่นอนจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจับจ่ายใช้สอย ทั้งของคนไทยและชาวต่างชาติอาจไม่คึกคักอย่างที่คาดหวังไว้
⦁ เบาใจหนี้นอกระบบพุ่งไม่แรง
“สำหรับหนี้ครัวเรือนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 4/2565 ปรับตัวลดลงที่ 86.9% จาก 87% ดังนั้น ในรอบ 1 ปี สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีดีขึ้น เพราะจีดีพีสูงขึ้น แต่มูลค่าหนี้ไม่น้อยลงและอยู่ระดับที่ไม่ส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ปัญหาหนี้นอกระบบ สัดส่วน 20% ของวงเงินหนี้ เช่น มูลค่าหนี้ต่อจีดีพีอยู่ที่ 13-14 ล้านล้านบาท หนี้นอกระบบอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ปัจจุบันพบปัญหาหนี้นอกระบบน้อยลง และผู้เป็นหนี้ได้นำหนี้นอกระบบแปลงเป็นหนี้ในระบบมากขึ้น โดยหนี้ส่วนมากกลายเป็นพิโกไฟแนนซ์ (Pico Finance) ดังนั้น ทิศทางของหนี้นอกระบบจึงไม่ได้เพิ่มจนเป็นปัญหากระทบหนี้ครัวเรือนสูงนัก” อธิการบดีกล่าว
JJNY : รัศมิ์อัดแรงปมดอน│เยาวชนสนับสนุน'หยก'│ชาวเน็ตจวกเละ #แผ่นดินไหว│บ่วง‘หนี้ครัวเรือน’│ยูเครนอ้างรุกโต้กลับคืบหน้า
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4036203
รัศมิ์ อัดแรง ‘ไม่เคารพมติผู้นำอาเซียน-ทำลายผลประโยชน์ปท.’ ปม ดอนจัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมา 18-19 มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูต เจ้าของเพจ “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns”
โพสต์เฟซบุ๊ก กรณี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมาในวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้ โดยระบุว่า
ประมาณเขาด่าว่าทั้งบ้าและเ-ือก
โดยไม่ได้หารือกับใครก่อน ไม่ได้มีหน้าที่กงการอะไรโดยตรง เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ประธานอาเซียนตามวาระ แถมขณะนี้สถานะของรัฐบาลก็เป็นเพียงแค่รักษาการ จู่ๆ รมว. กต. ไทยก็เที่ยวส่งจดหมายเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนให้มาร่วมการประชุมเรื่องปัญหาพม่า โดยเจ้ากี้เจ้าการให้รัฐมนตรีต่างประเทศของเผด็จการทหารพม่ามาร่วมด้วย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้
ทางรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียมีจดหมายตอบปฏิเสธทันควัน โดยบอกว่าสิ่งที่ไทยเสนอนั้นขัดกับสิ่งที่ผู้นำอาเซียนได้เคยยืนยันตกลงกันไว้ว่าจะไม่ติดต่อข้องเกี่ยวกับผู้นำทหารพม่า ซึ่งการหารือล่าสุดเพิ่งมีขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง และเป็นนัยว่าเหตุผลที่ไทยยกมาอ้างนั้น ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน
ในจดหมายยังบอกด้วยว่าขณะนี้ทางสำนักงานผู้แทนพิเศษที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้กำลังติดต่อกับทุกฝ่ายในพม่าเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้อยู่ และไทยเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนจะจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้
คือจะบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของไทย
ถ้าจะแปลกันง่ายๆ ภาษาชาวบ้านนี่คือการตบหน้าและเขาด่ากลับมาว่าทั้งบ้าและเ-ือกนั่นแหละ
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือที่ไทยทำอยู่นี้เท่ากับการไม่เคารพมติที่เหล่าผู้นำอาเซียนเขาตกลงกันไว้ ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายความเป็นเอกภาพของอาเซียน ทั้งที่เอกภาพของอาเซียนนั้นถือเป็นนโยบายต่างประเทศหลักของไทยเสมอมา เพราะอาเซียนนับเป็นสิ่งที่คอยปกป้องและเสริมสร้างผลประโยชน์ประเทศชาติเรา ไม่ว่าด้านความมั่นคง เศรษฐกิจและการเมือง
ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ย่อมถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติของเราเองอีกด้วย
มันยากที่เข้าใจว่าผู้รับผิดชอบด้านการต่างประเทศไทยคิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทำแล้วประเทศชาติจะได้อะไรกับการไปโอบอุ้มเผด็จการทหารพม่าที่ทั้งโลกเขาชิงชัง นอกจากจะทำให้ไทยต้องเปรอะเปื้อนไปด้วย
(เรื่องมีพรมแดนติดกันยาวอะไรนั่นเลิกพูดเถิดครับ ถ้าเราปล่อยให้ทหารพม่าเอาเครื่องบินรบบินเข้ามาได้เป็นหลายกิโลเมตร รวมทั้งการยิงถล่มเข้ามาในเขตไทยโดยที่เราไม่เคยประท้วงในระดับเวทีสหประชาชาติเลย)
และที่โดนคนอื่นเขาด่ากลับแรงๆ ขนาดนี้แล้วจะรู้สึกตัวบ้างไหมก็ไม่รู้ เรื่องความอายดูเหมือนไม่เคยมีมานานแล้ว
ได้แต่หวังว่าเราจะมีรัฐบาลใหม่ฝ่ายประชาธิปไตยโดยเร็ววัน เพื่อไม่ให้ประเทศชาติตกต่ำและผลประโยชน์ของประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/274750078385758
แต่งไปรเวทเพิ่มอีก! เยาวชนสนับสนุน 'หยก' ไม่ยอมก้มหัวให้กับการริดรอนเสรีภาพ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7721361
แต่งไปรเวทเพิ่มอีก! น้องข้าว นักเรียนหญิงชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ประกาศ สนับสนุน ‘หยก’ ไม่ยอมก้มหัวให้กับการริดรอนเสรีภาพในการแต่งตัว
กลายเป็นกระแสร้อนแรงโหมหนักในสังคม จากกรณี ‘หยก’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี แต่งกายด้วยชุดไปรเวทเข้าเรียน พร้อมกับเรียกร้องเสรีภาพในการแต่งกาย สร้างการถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ล่าสุด ทางแฟนเพจ Facebook : ไข่แมวชีส ออกมาโพสต์การเคลื่อนไหวของเยาวชน ‘น้องข้าว’ นักเรียนหญิงชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ได้ออกมาโพสต์สนับสนุน ‘หยก’ พร้อมให้เหตุผลในการแต่งชุดไปรเวทว่า
“วันนี้มีกำหนดการใส่ชุดไปรเวทไปเรียน แต่ด้วยครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยราวกับว่าการใส่ไปรเวทของเราทำพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง เสียใจ และทำให้พวกเขาลำบาก ถึงอย่างงั้นเราก็ยืนยันที่จะใส่ไปรเวทเรียน”
“แม้จะต้องใส่ชุดนักเรียนเจ้าปัญหาในการเดินทางไปเรียน แต่จะเหยียบเข้าโรงเรียนและเรียนด้วยชุดไปรเวทตลอดทั้งวัน ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กลัว คุณบังคับ บังคับได้แค่กาย หาใช่ใจที่ต่อต้าน”
“มีเพื่อนที่ รร. เดมไอจีมาถามว่า ทำไมถึงเลือกใส่ไปรเวทมาโรงเรียนจะทำให้โรงเรียนเสียขื่อเสียงทำไม เรายืนยันว่าที่เราทำไม่ได้ต้องการให้ใครเดือดร้อนหรือทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง”
โดยทาง ‘น้องข้าว’ นักเรียนหญิงชั้น ม.4 ได้ให้เหตุผล 2 ข้อ คือ
1. เราต้องการสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ของหยกเยาวชนอายุ 15 ปี ซึ่งอายุเท่ากับเรา อย่างน้อยการที่เราเป็นเสียงเล็ก ๆ เพื่อให้หยก หรือทุกคนที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ออกมาเรียกร้องสิทธิ์และเสรีภาพของตนเองมากขึ้น โดนไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใด
2. เราต้องการแสดงออกให้ครูชั้นผู้ใหญ่ ซิสเตอร์ และเพื่อน ๆ ในโรงเรียนได้รับรู้ว่า เราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับกฎที่ริดรอนเสรีภาพในการแต่งตัว หรือทุกส่วนในร่างกายของเรา และเนื่องด้วยเราโดนด่าและต่อว่ามาตลอด 3 ปี เรื่องการเเสดงออกทางการเมืองในโรงเรียนเรายอมมาตลอด ครั้งนี้เราเพื่อมาบอกว่า เราจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว
https://www.facebook.com/eggcatcheese/posts/588174353464124
ชาวเน็ตจวกเละ #แผ่นดินไหว รัฐทำไรอยู่ไม่ส่งสัญญาณเตือนเสี่ยงดับทั้งประเทศมั้ย?
https://www.dailynews.co.th/news/2449645/
ประชาชนจวกเละ "#แผ่นดินไหว" ขึ้นเทรนด์อันดับ 2 ของเมืองไทย ร้องรัฐบาลทำไรอยู่-ไร้เตือนล่วงหน้า เสี่ยงดับทั้งประเทศมั้ย?
เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาโซเชียลเดือดสุด ๆ ภายหลังจากที่เกิด “แผ่นดินไหว” ขนาด 6.0 แมกนิจูด นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา ห่างจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.พบพระ จ.ตาก ประมาณ 289 กม. ทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้รับแรงสั่นสะเทือน และผู้คนวิ่งหนีเอาตัวรอด .
ซึ่งหลังจากเกิดแผ่นดิน ชาวเน็ตมากมายก็ต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เดือดกับภาครัฐ โดยมีการผุด #แผ่นดินไหว จนล่าสุดมียอดทวิตกว่า 26.9 หมื่นครั้ง และติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 2 ของประเทศไทยแล้ว
สำหรับความเห็นชาวเน็ต อาทิ
“แล้วประเทศไทยตึกสูง ๆ ที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับหรือเตรียมตัวสำหรับแผ่นดินไหว 555 น่ากลัวมาก คนเดือดร้อนคือ ปชช.นะ ตายก็คือตายจ้า ตึกสูงทั้งนั้นกทม. รัฐบาลอย่างเดียวเลยค่ะ ระบบทุกอย่าง ตัดภาพไปที่คนแก่หัวหงอกยังไม่รับรองพิธา 55555 เจริญขึ้นเร็ว-ึงไตแลนนด์ #แผ่นดินไหว”
“อยากให้ประเทศไทยมีแจ้งเตือนภัย เหมือนต่างประเทศ ตอนนี้แผ่นดินไหว ถ้าไม่รู้สึกเองก็ต้องส่องทวิตเตอร์ดูความเคลื่อนไหว บางคนไม่รู้สึกถึงแผ่นดินไหว ก็ไม่เตรียมพร้อม เพราะไม่มีอะไร แต่สถานการณ์แบบนี้มันคาดเดาไม่ได้ #แผ่นดินไหว”
“คุณพี่ควรมีสัญญาณเตือน หรือ sms แจ้งเตือนหน่อยมั้ยคะ กันคนโง่อย่างดิชั้นตาย นั่งโง่คิดว่าตัวเองเวียนหัวอยู่เลย โต๊ะโยกขนาดนี้ #แผ่นดินไหว”
“เพราะไทยมันไม่มี sms alert เวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ แนะนำแอด line alert ไว้ก็ช่วยได้นะ นางแจ้งหลายอย่างตั้งแต่น้ำท่วมฉับพลันไปจนถึงเหตุเภทภัยรุนแรง แอดไว้ก็ถือว่ามีประโยชน์ #แผ่นดินไหว”
บ่วง‘หนี้ครัวเรือน’กระชากกำลังซื้อฟุบ ธุรกิจร้องระงม! เรียกหารัฐบาลใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_4035670
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ใกล้เข้ามาแล้วกับไตรมาส 3/2566 หลังผ่านอีเวนต์ใหญ่ของไทยในช่วงต้นปี ทั้งเทศกาลต่างๆ กลับมาคึกคักรับภาคท่องเที่ยวไทยบูมหนักช่วงหน้าร้อน รวมถึงการเลือกตั้งช่วยหนุนให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจประคองไตรมาส 2/2566 ให้ผ่านมาได้ แต่แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2566 เข้าโหมดหงอยเหงา เพราะเข้าฤดูฝนเรียกได้ว่าเป็นโลว์ซีซั่นโดยแท้จริง จากการท่องเที่ยวส่อแววโตแผ่ว หลังคนจีนยังเข้าไทยไม่ถึงเป้า ภาคบริการต่างซบเซาตาม ส่งผลให้รายได้ภาคประชาชนลดลง ซึ่งรอยต่อของกำลังซื้อจะลดตาม อีกทั้งการใช้จ่ายมีปัญหาตามภาวะต้นทุนแพงต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า อัตราดอกเบี้ย ทำให้ราคาสินค้าหลายหมวดปรับขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังอึมครึม หรือเรียกว่าอยู่ในภาวะไร้ผู้นำอย่าง “รัฐบาล”
เมื่อประชาชนมีรายจ่ายมากขึ้น แต่รายได้กลับเท่าเดิม สถานการณ์การใช้จ่ายก็เข้าโหมดระวังตัว เพราะครัวเรือนต่างมีปัญหาหนี้เป็นชนักติดหลัง!
⦁ ลุ้นต่อ!เชื่อมั่นดีดันกำลังซื้อ
สะท้อนข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (CCI) เดือนพฤษภาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 55.0 เป็น 55.7 ปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 39 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าผู้บริโภคกังวลเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน
เรื่องนี้ ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นเรื่องของกำลังซื้อ จากการรายงานของหน่วยงานทางเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต่างระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นสอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดังนั้น การบริโภคฟื้นแบบไม่ได้หวือหวาและไม่มีผลต่อการซึมตัวลงในครึ่งปีหลัง แต่ก็มีความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย และประเมินไม่ได้ว่าจะเกิดการประท้วงหรือไม่ กรณีที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งความไม่แน่นอนจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจับจ่ายใช้สอย ทั้งของคนไทยและชาวต่างชาติอาจไม่คึกคักอย่างที่คาดหวังไว้
⦁ เบาใจหนี้นอกระบบพุ่งไม่แรง
“สำหรับหนี้ครัวเรือนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 4/2565 ปรับตัวลดลงที่ 86.9% จาก 87% ดังนั้น ในรอบ 1 ปี สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีดีขึ้น เพราะจีดีพีสูงขึ้น แต่มูลค่าหนี้ไม่น้อยลงและอยู่ระดับที่ไม่ส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ปัญหาหนี้นอกระบบ สัดส่วน 20% ของวงเงินหนี้ เช่น มูลค่าหนี้ต่อจีดีพีอยู่ที่ 13-14 ล้านล้านบาท หนี้นอกระบบอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ปัจจุบันพบปัญหาหนี้นอกระบบน้อยลง และผู้เป็นหนี้ได้นำหนี้นอกระบบแปลงเป็นหนี้ในระบบมากขึ้น โดยหนี้ส่วนมากกลายเป็นพิโกไฟแนนซ์ (Pico Finance) ดังนั้น ทิศทางของหนี้นอกระบบจึงไม่ได้เพิ่มจนเป็นปัญหากระทบหนี้ครัวเรือนสูงนัก” อธิการบดีกล่าว