“เสียงเด็กร้องงอแงในที่สาธารณะ” ตอนคุณไม่มีลูก กับตอนที่คุณมีลูกแล้ว ความรำคาญต่างกันไหมครับ ?

ผมไม่มีลูก 
ถ้าอยู่ในที่สาธารณะ เช่น ในร้านอาหาร แล้วมีเด็กร้องกรี๊ดขึ้นมา (แบบเด็กโยเย จะเอาให้ได้ดังใจน่ะครับ) 
ผมก็ปวดหัวจี๊ดเลย คิ้วจะขมวดอัตโนมัติ

หันไปดูโต๊ะข้างๆ สีหน้าแต่ละคนก็พอๆกับผม

แต่แล้ว ผมสังเกตเห็น บางโต๊ะที่มีเด็กมาด้วย ก็นั่งกินตามปกติ 
ที่สำคัญโต๊ะของ พ่อแม่เด็กคนนั้น ก็ยังนั่งกินตามปกติ หลังจากหันไปดุเด็กนิดหน่อย และเด็กไม่หยุดร้อง 

ผมเลยนึกขึ้นมาได้  ที่พวกเรารำคาญ เป็นเพราะเราไม่ชินเสียงเด็กหรือเปล่า ? 
คนที่ได้ฟังบ่อยๆ เขาถึงไม่รู้ว่า เสียงกรี๊ดมันเสียดแทงโสตประสาทขนาดไหน ? 

ผมมาชวนคุย 

พวกคุณทำยังไงกันครับ ถ้าลูกร้อง ตอนอยู่นอกบ้าน ไม่ยอมหยุด 

และ คุณรำคาญ เสียงร้องกรี๊ดของเด็กคนอื่น น้อยลงไหม เมื่อคุณมีลูก 

สำหรับคนที่ไม่มีลูก มีใครที่ฟังได้แบบชิลๆ และเข้าใจ ว่าเป็นธรรมชาติของเด็กไหมครับ ? 
คุณมีเทคนิคแง่คิดยังไง ที่จะรักษาใจตัวเองให้ปกติสุข  เวลาได้ยินเสียงน่ารำคาญเหล่านี้ครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 41
ขอพยายามที่จะตอบให้ตรงคำถามนะครับ  และ ก็เคยเป็นคนที่ไม่มีลูก และ ปัจจุบันมีลูกแล้ว  น่าจะตรงกับกลุ่มตัวอย่างที่อยากจะถามนะครับ


ตอนคุณไม่มีลูก กับตอนที่คุณมีลูกแล้ว ความรำคาญต่างกันไหมครับ ?

ตอนไม่มีลูก --->   "เสียงเด็กร้องงอแงในที่สาธารณะ" คือเสียงสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่งครับ  ถ้าเป็นสถานที่สาธารณะที่เสียงดังอยู่แล้วแบบตามร้านอาหาร สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ  ก็รู้สึกเฉยๆ ถึงขั้นไม่ค่อยรับรู้แยกแยะด้วยซ้ำ แบบว่าเสียงดังก็คือเสียงดังปนๆ กันไป  เสียงเด็กร้องงอแงก็ปนกับเสียงอื่นๆ ที่ดังอยู่ทั่วไป อารมณ์ประมาณว่า ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรมากเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มีความเห็นใจใดๆ เช่นกัน  แต่ถ้าร้องในสถานที่ที่เงียบๆ เช่น โรงหนัง  บนเครื่องตอนกลางคืน  แบบนี้ก็รำคาญอยู่เหมือนกันครับ

ตอนที่มีลูกแล้ว  --->   "เสียงเด็กร้องงอแงในที่สาธารณะ" ถึงลูกเราจะไม่ค่อยร้องงอแงในที่สาธารณะก็ตาม  แต่บ่อยครั้งเราก็พอจะรู้สาเหตุที่เด็กร้องงอแงได้  เช่น เสียงร้องตอนเครื่องขึ้นหรือลงก็เพราะเด็กหูอื้อและจัดการกับอาการพวกนี้ไม่เป็น  หรือ กรณีร้องไห้ตอนกลางวันก็เพราะปกติเป็นที่เด็กนอนกลางวันแต่ไม่ได้นอน เป็นต้น  กล่าวคือเด็กร้องงอแงในที่สาธารณะจะกลายเป็นเสียงที่มาถึงหูและรับรู้มากขึ้นกว่าตอนยังไม่มีลูก    ส่วนความรำคาญก็จะลดลงกว่าตอนที่ยังไม่มีลูกเพราะพอเข้าใจสาเหตุและความเป็นมาของเสียงร้องงอแงเหล่านี้  บางครั้งจะเป็นความเห็นอกเห็นใจทั้งตัวเด็กและผู้ปกครองด้วยซ้ำ



พวกคุณทำยังไงกันครับ ถ้าลูกร้อง ตอนอยู่นอกบ้าน ไม่ยอมหยุด  --->  ไม่เคยถึงขั้นร้องไม่หยุดครับ  อาจจะเพราะพยายามทำความเข้าใจความคิดของเด็กของเราอยู่เรื่อยๆ และพอมีวิธีในการจัดการเมื่อเด็กรู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจ


คุณรำคาญ เสียงร้องกรี๊ดของเด็กคนอื่น น้อยลงไหม เมื่อคุณมีลูก --->  รำคาญน้อยลง และเห็นอกเห็นใจมากขึ้นครับ


คนที่ไม่มีลูก มีใครที่ฟังได้แบบชิลๆ และเข้าใจ ว่าเป็นธรรมชาติของเด็กไหมครับ ?   --->  อย่างที่บอกข้างต้นครับ ตอนที่ยังไม่มีลูก ถ้าเสียงเด็กร้องปนกับเสียงอื่นๆ ที่ดังเหมือนกันอย่างเช่น ในร้านอาหาร  สนามเด็กเล่น  สมัยผมยังไม่มีลูกก็รู้สึกเฉยๆ บางทีก็ไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำ เสียงอื่นก็ดังเหมือนกัน

คุณมีเทคนิคแง่คิดยังไง ที่จะรักษาใจตัวเองให้ปกติสุข  เวลาได้ยินเสียงน่ารำคาญเหล่านี้ครับ  ---> ไม่มีเทคนิคอะไรครับ แต่ถ้ามันจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมันก็คงจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดไปพร้อมๆ กันด้วย เช่น ถึงจะมีเด็กร้องงอแงในร้านอาหาร แต่เราก็ได้ทานข้าวกับครอบครัวของเรา ก็เลือกรับในเรื่องที่น่ายินดีแล้วกันครับ   เรื่องน่ารำคาญเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ  


เสริมที่ไม่ได้ถามนะครับ  ตอนยังไม่มีลูก ผมไม่มีความรักเด็กเลย (แต่ก็ไม่ได้เกลียดเด็กนะครับ) แต่ไม่มีความเอ็นดูหรืออยากจะไปเล่นหรือข้องเกี่ยวกับเด็กเลยแม้แต่น้อย  แต่พอมีลูกเอง ผมรู้สึกมีความเห็นอกเห็นใจในตัวเด็กและผู้ปกครองมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยครับ  อาจจะเพราะเราอ่านจิตวิทยาเด็กและมีความเข้าใจความคิดอ่านของเด็กมากกว่าตอนที่ยังไม่มีลูก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่มีลูกค่ะ และรำคาญมากค่ะ

ที่รำคาญเพราะเรารู้ว่าเด็กคิดอะไร เราเคยเป็นเด็กน่ารำคาญพวกนั้นค่ะ เด็กที่วิ่งเล่นในร้านอาหารทำเสียงวี๊ดดังๆหัวเราะกรี๊ดกร๊าด เด็กที่ลงไปดิ้นตามพื้นห้างเมื่ออยากได้ของแล้วไม่ได้

อย่าคิดนะคะว่าเด็กไม่ได้ตั้งใจ เราบอกเองเลยเพราะเราเคยทำ เรารู้ค่ะ ตอนนั้นเราทำเพราะเรามองว่า “ผู้ใหญ่ไม่กล้าทำอะไรเด็กหรอก” และมันจริง ไม่ว่าจะโต๊ะข้างๆ พนักงานร้าน หรือพ่อแม่รวมถึงญาติๆที่ไปก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร ก็แค่ทำสีหน้ากังวล หันมาห้าม เราก็หยุดเป็นพักๆแล้วเอาใหม่

และวิธีที่ดีที่สุดที่จะสั่งสอนเด็กคือ “เอาจริง” ค่ะ เราหยุดเมื่อเจอคนจริง คนที่กล้าปรามเรา ไม่ไว้หน้าพ่อแม่ เมื่อเราอยู่ในสภาวะไม่มีใครปกป้อง วันนั้นเราได้เรียนรู้ว่าการเป็นเด็กไม่ใช่อำนาจ จากนั้นเราสงบและไม่กล้าทำอีก

ผู้ใหญ่ที่ไม่กล้า ไม่เด็ดขาด ไม่จริงจัง ใจอ่อน นั่นล่ะค่ะปัญหาที่ทำให้เด็กไม่เกรงใจใคร เพราะคุณๆไม่กล้าสอน ไม่เอาจริง อย่ามาอ้างเด็กเลยค่ะ เด็กที่ไม่ถูกสอนคือความผิดของผู้ใหญ่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
รำคาญค่ะ และจะรำคาญมากเป็นพิเศษเมื่อไม่เห็นว่าพ่อแม่เด็กจะพยายามทำให้ลูกหยุดร้องโวยวาย

อย่างเช่นกรณีอยู่บนเครื่องบิน เคยเจอเด็กร้องโยเย แม่เด็กคือพาลูกเดินไปเดินมาแทบจะตลอดเวลาเลย
ซึ่งเด็กก็ยังร้องอยู่บ้างอ่ะนะคะ กรณีแบบนี้ถึงเราจะแอบรำคาญ แต่ก็เข้าใจและเห็นใจค่ะว่าผู้ปกครองพยายามแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้

เราไม่มีลูกนะคะ แต่มีหลาน… เราว่ามันมีวิธีกำราบนะคะ อยู่ที่ว่าพ่อแม่จะทำไหมแค่นั้นเอง
ซึ่งเรามองว่า ถ้าคุมลูกหลานไม่อยู่ ไม่ควรพาออกนอกบ้านไปสร้างความรำคาญให้คนอื่นค่ะ (กรณีไม่มีความจำเป็นนะ)
ความคิดเห็นที่ 1
คิดว่าเข้าใจมากขึ้นค่ะ

เข้าใจว่า เด็กพูดไม่ได้ ทำได้คือส่งเสียง

เด็กมีความทุกข์มาก ส่งเสียงดังมาก มีความทุกข์น้อย ส่งเสียงดังน้อย

เข้าใจว่า พ่อแม่ ต้องใช้เวลา หลายปี กว่าจะสนิทกับเด็ก

เหมือนเราเข้า รร เจอ เพื่อนใหม่ แต่เพื่อนคนนี้ พูดไม่ได้ กินเองไม่ได้ ขับถ่ายเองไม่ได้ค่ะ





ความรำคาญ แปรผกผันกับความเข้าใจ ค่ะ

เราไม่สามารถโกรธหรือรำคาญ คนนึงๆ มากๆ โดยที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจคนนั้นมากๆ ในเวลาเดียวกัน

จากเรา ผู้เคยบอกสามีว่า ไม่อยากมีลูกเพราะไม่ชอบเด็กมาก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่