เมื่อสามปีที่แล้วก่อนโรคโควิดจะระบาดเราซื้อประกันสุขภาพไว้เพื่อความสบายใจยามมีปัญหากับสุขภาพจะได้ไม่กังวลใจเรื่องค่ารักษา ตัดสินใจเลือกอยู่หลายบริษัทตนมาเห็นของวิริยะที่รับรักษากับ รพ ในเครือ BDMS ดูจากชื่อชั้นแล้วน่าจะดีที่สำคัญ รพ ในเครืออยู่ใกล้บ้านด้วย
หลังจากตัดสินใจใช้บริการก็ชำระเงินแบบรายเดือน(เราเลือกจ่ายแบบนี้)มาตลอดจนถึงปัจจุบันไม่เคยได้ใช้บริการอะไรเลย คิดในใจว่ามีแล้วดีจังสุขภาพแข็งแรง ซึ่งปกติเราเป็นคนออกกำลังด้วยการเดินและวิ่งอยู่แล้วร่างกายจึงแข็งแรงดี
มาเมื่อสามวันที่แล้วรู้สึกเคืองตาขวาจึงโทรปรึกษาหมอตาที่เราไปตรวจตาเป็นประจำ(ด้วยวัยที่ครบหกรอบแล้วควรทำทุกคนนะครับ) หมอจึงแนะนำให้ซื้อยาหยอดตาและยามารับประทาน แต่หลังจากหยอดตาและทานยาอาการเคืองตากลับไม่ดีขึ้นแถมมาด้วยอาการบวมรอบเปลือกตาล่างลามมาถึงแก้มจึงโทรปรึกษาหมอและหยุดยา หมอแนะนำให้มาพบเพื่อตรวจและมั่นใจว่าเป็นกุ้งยิงแน่นอนการรักษาคือการสะกิดหัวหนองออก
แต่อาการของเรามันแยากว่านั้นตรงที่หัวหนองมันไม่ได้มาอันเดียว!! แถมอาการบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจจะใช้บริการประกันสุขภาพที่จ่ายมาหลายปีแต่ไม่ได้ใช้บริการเสียที เลยโทรไปที่ รพ นัดพบแพทย์เฉพาะทางซึ่งได้เวลามาในเย็นวันวาน(๑๖ มิย)
ครั้นได้เวลาเราไปพบแพทย์และตรวจตามขั้นตอนหมอแจ้งว่า "หนองเยอะมากทำให้เกิดอาการบวมลามมาจนถึงแก้มและอาจจะลามไปด้านในซึ่งการรักษาหลังจากกรีดเอาหนองออกสามารถกลับบ้านได้โดยนำยาไปทานที่บ้านหรือสามารถเลือกนอนที่ รพ เพื่อให้ยาฆ่าเชื้อป้องกันการลุกลามของหลองได้เช่นกัน"
เราจึงเลือกที่จะนอนเพราะมีประกันสุขภาพอยู่ หลังแจ้งความจำนงค์ไป จนท รพ ดำเนินการไปสักพักใหญ่ๆซึ่งจากประสบการณ์การทำประกันในอดีตกับบริษัทใหญ่ของอเมริกาบริษัทหนึ่งรู้ทันทีว่ามีปัญหา!!! สักพัก จนท รพ เดินมาคุยกับเราว่าการประกันของเราอาจไม่ครอบคลุมโดยแนะนำให้เราสำรองจ่ายก่อนและ รพ จะทำเรื่องทีหลังซึ่งอาจได้หรือได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกัน นั่นไงมาละข้อแรก
เราจึงขอโทรคุยกับทางวิริยะเอง จนท ที่รับสายไม่ยอมรับตรงๆว่าได้หรือไม่ได้ พูดอยู่คำเดียวว่าหลักการพิจารณาจะต้องไม่เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดก่อนการทำประกันตามเอกสารเป๊ะๆ นั่นคือเทคนิคของบริษัทประกันซึ่งจะสวนทางกับตอนขายประกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเราปวดตามากๆจึงวางสายไปและไม่ขอรับบริการในการแอดมิทที่ รพ แต่รับการรักษาเบื้องต้นในการให้ยาชา และกรีดแผลเพื่อดูดหนองออก ในระหว่างที่ทำการรักษาเราร้องดังมากเพราะมันเจ็บจนเสร็จการดูดหนองเรานอนขาสั่นบนเตียงอยู่นานพยาบาลบอกเข้าใจเลยเค้าเห็นก็รู้ว่ามันหนักมากกว่าทั่วไป ระหว่างรักษาหมอก็อธิบายว่าหากเรานอน รพ ประกันไม่จ่ายแน่นอนในเคสนี้ ยกเว้นว่าวันรุ่งขึ้นเรามาพบแพทย์อีกครั้งแล้วอาการบวมของหน้าไม่ลดลงเคสนี้อาจได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกัน!!!
กลับจาก รพ เราเลยให้ลูกช่วยค้นคำว่า "ประกันสุขภาพวิริยะเคลมยาก" เลยถึงบางอ้อ เสียใจมากๆที่ไม่ค้นคว้าก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการมานานซึ่งคำว่า "รู้งี้" ใช้ได้ดีเสมอเมื่อคาดหวังอะไรไว้เยอะ
จากนี้ไปก็ขออำลา แต่ต้องใช้เวลาเลือกประกันสุขภาพเจ้าใหม่ทีนี้จะตรวจสอบให้ละเอียดละ ส่วน "วิริยะ" ที่ทั้งบ้านทำประกันรถไว้ด้วยคงต้องมาพิจารณาละว่าเคลมง่ายรึเปล่าเพราะไม่เคยเคลมเลบเช่นกันจะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "รู้งี้" อีก
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ
ประกันสุขภาพวิริยะ BDMS เหมือนโดนหลอกพอจะเคลมเงื่อนไขสารพัด
หลังจากตัดสินใจใช้บริการก็ชำระเงินแบบรายเดือน(เราเลือกจ่ายแบบนี้)มาตลอดจนถึงปัจจุบันไม่เคยได้ใช้บริการอะไรเลย คิดในใจว่ามีแล้วดีจังสุขภาพแข็งแรง ซึ่งปกติเราเป็นคนออกกำลังด้วยการเดินและวิ่งอยู่แล้วร่างกายจึงแข็งแรงดี
มาเมื่อสามวันที่แล้วรู้สึกเคืองตาขวาจึงโทรปรึกษาหมอตาที่เราไปตรวจตาเป็นประจำ(ด้วยวัยที่ครบหกรอบแล้วควรทำทุกคนนะครับ) หมอจึงแนะนำให้ซื้อยาหยอดตาและยามารับประทาน แต่หลังจากหยอดตาและทานยาอาการเคืองตากลับไม่ดีขึ้นแถมมาด้วยอาการบวมรอบเปลือกตาล่างลามมาถึงแก้มจึงโทรปรึกษาหมอและหยุดยา หมอแนะนำให้มาพบเพื่อตรวจและมั่นใจว่าเป็นกุ้งยิงแน่นอนการรักษาคือการสะกิดหัวหนองออก
แต่อาการของเรามันแยากว่านั้นตรงที่หัวหนองมันไม่ได้มาอันเดียว!! แถมอาการบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจจะใช้บริการประกันสุขภาพที่จ่ายมาหลายปีแต่ไม่ได้ใช้บริการเสียที เลยโทรไปที่ รพ นัดพบแพทย์เฉพาะทางซึ่งได้เวลามาในเย็นวันวาน(๑๖ มิย)
ครั้นได้เวลาเราไปพบแพทย์และตรวจตามขั้นตอนหมอแจ้งว่า "หนองเยอะมากทำให้เกิดอาการบวมลามมาจนถึงแก้มและอาจจะลามไปด้านในซึ่งการรักษาหลังจากกรีดเอาหนองออกสามารถกลับบ้านได้โดยนำยาไปทานที่บ้านหรือสามารถเลือกนอนที่ รพ เพื่อให้ยาฆ่าเชื้อป้องกันการลุกลามของหลองได้เช่นกัน"
เราจึงเลือกที่จะนอนเพราะมีประกันสุขภาพอยู่ หลังแจ้งความจำนงค์ไป จนท รพ ดำเนินการไปสักพักใหญ่ๆซึ่งจากประสบการณ์การทำประกันในอดีตกับบริษัทใหญ่ของอเมริกาบริษัทหนึ่งรู้ทันทีว่ามีปัญหา!!! สักพัก จนท รพ เดินมาคุยกับเราว่าการประกันของเราอาจไม่ครอบคลุมโดยแนะนำให้เราสำรองจ่ายก่อนและ รพ จะทำเรื่องทีหลังซึ่งอาจได้หรือได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกัน นั่นไงมาละข้อแรก
เราจึงขอโทรคุยกับทางวิริยะเอง จนท ที่รับสายไม่ยอมรับตรงๆว่าได้หรือไม่ได้ พูดอยู่คำเดียวว่าหลักการพิจารณาจะต้องไม่เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดก่อนการทำประกันตามเอกสารเป๊ะๆ นั่นคือเทคนิคของบริษัทประกันซึ่งจะสวนทางกับตอนขายประกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเราปวดตามากๆจึงวางสายไปและไม่ขอรับบริการในการแอดมิทที่ รพ แต่รับการรักษาเบื้องต้นในการให้ยาชา และกรีดแผลเพื่อดูดหนองออก ในระหว่างที่ทำการรักษาเราร้องดังมากเพราะมันเจ็บจนเสร็จการดูดหนองเรานอนขาสั่นบนเตียงอยู่นานพยาบาลบอกเข้าใจเลยเค้าเห็นก็รู้ว่ามันหนักมากกว่าทั่วไป ระหว่างรักษาหมอก็อธิบายว่าหากเรานอน รพ ประกันไม่จ่ายแน่นอนในเคสนี้ ยกเว้นว่าวันรุ่งขึ้นเรามาพบแพทย์อีกครั้งแล้วอาการบวมของหน้าไม่ลดลงเคสนี้อาจได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกัน!!!
กลับจาก รพ เราเลยให้ลูกช่วยค้นคำว่า "ประกันสุขภาพวิริยะเคลมยาก" เลยถึงบางอ้อ เสียใจมากๆที่ไม่ค้นคว้าก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการมานานซึ่งคำว่า "รู้งี้" ใช้ได้ดีเสมอเมื่อคาดหวังอะไรไว้เยอะ
จากนี้ไปก็ขออำลา แต่ต้องใช้เวลาเลือกประกันสุขภาพเจ้าใหม่ทีนี้จะตรวจสอบให้ละเอียดละ ส่วน "วิริยะ" ที่ทั้งบ้านทำประกันรถไว้ด้วยคงต้องมาพิจารณาละว่าเคลมง่ายรึเปล่าเพราะไม่เคยเคลมเลบเช่นกันจะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "รู้งี้" อีก
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ