สวัสดีค่ะนี้เป็นกระทู้ระบายความในใจของเราเองนะคะ ปัจจุบันจขกท.อยู่ม.5นะคะ
เริ่มเรื่องเลยคือพื้นฐานชีวิตเราค่อนข้างแย่ค่ะอยู่คอนโดเก่ากับแม่/น้องชาย3คน ส่วนพ่อไม่ค่อยสนใจเพราะเป็นเรา/น้องเป็นลูกเมียน้อย ปัญหาทางการเงินที่แย่มากๆ บางวันเราไม่ได้ไปรร.เพราะเงินไม่พอ ต้องหยิบยืมคนอื่นบางทีมันก็อายแล้วก็เกรงใจเขามากๆ
จุดเปลี่ยนของเราคือย้อนกลับไป ตอนม.4 เรามานึกได้ว่าทำไมชีวิตเราไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทำไมเงินหายไปไหนหมดแทบจะไม่มีเงินเก็บเลย ตลอดทั้งคืนเรามานั่งแพลนตัวเองเลยว่าเราจะสามารถทำงานอะไรได้บ้าง พัฒนาตัวเองจุดไหนดี จนเราได้คำตอบรีบลงมือทำเลยค่ะ เราเลื่อนคอมไปเรื่อยๆจนเจอกับเว็บที่เขาต้องการนักแปลการ์ตูนอังกฤษเป็นไทยอยู่พร้อมกับส่งผลงานให้เขา เราคิดในใจแล้วว่าโอกาสของเราแล้ว เพราะเก่งภาษาอังกฤษ+มีผลงานแข่งต่างๆคะแนนTOEIC อีก800 (ค่าสอบตัวเองออกเองอยากทดสอบตัวเองนะคะ) รีบส่งผลงานให้เขาเพราะใกล้จะหมดเขต ในใจคิดว่าอาจจะไม่ได้เพราะคนที่เก่งกว่าเราก็อีกเยอะ แต่ประมาณอีก2-3วัน ทางเว็บติดต่อมาสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เริ่มให้เราทดลองงานแปล ส่งไปทางเว็บนำไปตรวจก็ตอบกลับมาว่าเราแปลได้ดีมาก อาทิตย์นึงจะได้ประมาณ300-400บาท/แล้วแต่ความขยันความถูกต้องของภาษาเดือนนึงได้1,200-2,000 ซึ่งเราเองก็ดีใจมากๆแล้วที่หาเงินเองได้ แต่ถามว่ามันพอสำหรับเรามั้ยแน่นอนค่ะว่าไม่พอเราอยากที่จะทำรายได้มากกว่านี้ เราขวนขวายไปเรื่อยๆทำงานพิเศษเด็กเสิร์ฟ+สอนการบ้านเด็กประถม หางานที่เราทำได้ไปเรื่อยๆค่ะ แต่ก็ยังคงสภาพเป็นนักเรียน+เด็กอยู่รักษาเกรดได้ดี ใช้ชีวิตหาความสุขให้ตัวเอง+เพื่อนๆได้ จนสามารถเก็บเงินได้ประมาณ10,000 เราไปซื้อของเข้าห้องเอาแทนที่อันเก่าที่คนอื่นเอามาให้+ซื้อของให้ตัวเอง ตอนนั้นเรา+แม่ภูมิใจกับตัวเรามากๆ วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมาก หลังจากนั้นเราก็ทำงาน+เรียนไปด้วย ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ มีเงินเก็บมีเงินจ่ายหนี้ ไม่ต้องยืมคนอื่นแล้ว
สิ่งที่ทำให้เราต้องมานั่งคิดสงสัยกับคำพูดของเหล่านั้นคือ
ตอนปิดเทอมม.4ขึ้นม.5ค่ะ อยู่ดีๆญาติ2คนก็จะมาเยี่ยมแม่แต่เป็นญาติที่เราไม่ชอบเลย ดูถูกฐานะ ชอบทำให้ตัวเองดูสูงทั้งที่ตัวเองก็เคยไม่มีเหมือนกัน ดูถูกแม่สารพัดเลย ว่าโง่ไปเป็นเมียน้อยพ่อความจริงแม่โดนหลอกว่าพ่อยังไม่มีใคร จนญาติมาเยี่ยมค่ะเปิดห้องมานางตกใจว่าทำไมห้องถึงดูดีขึ้นเยอะ แล้วก็พูดเลยค่ะว่า" ห้องดูดีขึ้นเยอะเลยเนาะรังหมาเป็นห้องคนอยู่" ตอนนั้นเราเริ่มโกรธแล้วค่ะเปิดปากก็เสียมารยาทเลย ห้องเราแต่ก่อนไม่ได้แย่เลยค่ะจัดระเบียบไว้เป็นที่ทุกอย่าง แบ่งโซนชัดเจน นางก็เดินไปห้องครัวสำรวจต่างๆจนครบห้องเลยค่ะ จนเราแอบเคืองค่ะว่าจะมาเยี่ยมแม่หรือจะมาซ่อมบ้านให้ จนได้พูดคุยกันค่ะแต่ก็คุยไปเรื่อย โอ้อวดว่าได้ไปที่นู้นมา สามีใหม่เอย อะไรก็ไม่รู้ไม่ได้ถามถึงแม่เลยว่าเป็นไงบ้าง มาเผื่ออวดให้แม่รู้แค่นั้นเลย จนญาติถามว่าทำไมถึงมีเงินเยอะขึ้น แม่เราก็ตอบไปค่ะทำงานหนักขึ้น+เราช่วยหาเงิน ญาติหันมามองที่เราพูดว่า "น้ำหน้าอย่างเราทำงานอะไรได้ อย่างมากก็ขายบริการแหละอายุเท่านี้" ตอนนั้นเราโกรธมากค่ะอยากจะลุกไปตบนางเลย ดีที่แม่ส่งสายตาห้ามไว้เราก็ตอบไปค่ะ "ว่าทำงานแปลการ์ตูนทำงานพิเศษไปเรื่อยๆค่ะ" ถามอีกว่า"มหาลัยไปเรียนอะไร" เราก็ตอบไปว่า"อยากสอบแพทย์ค่ะ" ญาติก็ขำเราเองก็งงว่าจะขำทำไม"จนๆแบบหนูจะเรียนหมอได้หรอฉลาดแต่จนน่าจะรอดยากนะ" เราไม่สนใจค่ะเพราะหาข้อมูลมาแล้วแพทย์ถึงจนก็เรียนได้มีทุนเยอะ ญาติพูดเทศนาเราเลยว่า" ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีเถอะ อย่าใฝ่สูงไม่ดูรากเหง้าตัวเองว่าเป็นคนจนทำอะไรก็ดูความจนตัวเองด้วย" เหมือนแม่จะหมดความอดทนเลยด่าญาติไล่ญาติออกจากห้องค่ะ แม่ก็ปลอบค่ะพูดให้กำลังใจกัน แอบโชคดีนะคะที่มีแม่ดีขนาดนี้ เรามานั่งสงสัยว่าภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ภูมิใจกับความจนหรอ ถ้าเราไม่ใฝ่สูงพยายามเราก็อาจจะใช้ชีวิตวนลูปแบบเดิม บางวันไม่มีข้าวกินต้องอด แบกหน้าไปยืมเงินคนอื่นเรื่อยๆแบบนี้หรอ การที่พยายามหลุดออกจากความจนมันผิดรึยังไง ใช้สมองส่วนไหนคิดถึงได้กล้าพูดขนาดนี้ แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากค่ะทำงานของเราไปเรื่อยๆ มีป้า/ลุงข้างห้องก็พูดทำนองนี้เหมือนกับญาติ จนเราเริ่มเก็บคิดขึ้นเยอะเรื่อยๆ แต่ถึงยังไงเราที่เราทำอยู่มันไม่ผิดแน่นอนเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราแค่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีเงินใช้ มีเงินเก็บแค่นั้นเอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน+ให้ความเห็นนะคะ^^
เราผิดหรอคะที่ตัวเองเป็นคนใฝ่สูง พยายามให้ชีวิตดีขึ้นกว่านี้
เริ่มเรื่องเลยคือพื้นฐานชีวิตเราค่อนข้างแย่ค่ะอยู่คอนโดเก่ากับแม่/น้องชาย3คน ส่วนพ่อไม่ค่อยสนใจเพราะเป็นเรา/น้องเป็นลูกเมียน้อย ปัญหาทางการเงินที่แย่มากๆ บางวันเราไม่ได้ไปรร.เพราะเงินไม่พอ ต้องหยิบยืมคนอื่นบางทีมันก็อายแล้วก็เกรงใจเขามากๆ
จุดเปลี่ยนของเราคือย้อนกลับไป ตอนม.4 เรามานึกได้ว่าทำไมชีวิตเราไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทำไมเงินหายไปไหนหมดแทบจะไม่มีเงินเก็บเลย ตลอดทั้งคืนเรามานั่งแพลนตัวเองเลยว่าเราจะสามารถทำงานอะไรได้บ้าง พัฒนาตัวเองจุดไหนดี จนเราได้คำตอบรีบลงมือทำเลยค่ะ เราเลื่อนคอมไปเรื่อยๆจนเจอกับเว็บที่เขาต้องการนักแปลการ์ตูนอังกฤษเป็นไทยอยู่พร้อมกับส่งผลงานให้เขา เราคิดในใจแล้วว่าโอกาสของเราแล้ว เพราะเก่งภาษาอังกฤษ+มีผลงานแข่งต่างๆคะแนนTOEIC อีก800 (ค่าสอบตัวเองออกเองอยากทดสอบตัวเองนะคะ) รีบส่งผลงานให้เขาเพราะใกล้จะหมดเขต ในใจคิดว่าอาจจะไม่ได้เพราะคนที่เก่งกว่าเราก็อีกเยอะ แต่ประมาณอีก2-3วัน ทางเว็บติดต่อมาสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เริ่มให้เราทดลองงานแปล ส่งไปทางเว็บนำไปตรวจก็ตอบกลับมาว่าเราแปลได้ดีมาก อาทิตย์นึงจะได้ประมาณ300-400บาท/แล้วแต่ความขยันความถูกต้องของภาษาเดือนนึงได้1,200-2,000 ซึ่งเราเองก็ดีใจมากๆแล้วที่หาเงินเองได้ แต่ถามว่ามันพอสำหรับเรามั้ยแน่นอนค่ะว่าไม่พอเราอยากที่จะทำรายได้มากกว่านี้ เราขวนขวายไปเรื่อยๆทำงานพิเศษเด็กเสิร์ฟ+สอนการบ้านเด็กประถม หางานที่เราทำได้ไปเรื่อยๆค่ะ แต่ก็ยังคงสภาพเป็นนักเรียน+เด็กอยู่รักษาเกรดได้ดี ใช้ชีวิตหาความสุขให้ตัวเอง+เพื่อนๆได้ จนสามารถเก็บเงินได้ประมาณ10,000 เราไปซื้อของเข้าห้องเอาแทนที่อันเก่าที่คนอื่นเอามาให้+ซื้อของให้ตัวเอง ตอนนั้นเรา+แม่ภูมิใจกับตัวเรามากๆ วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมาก หลังจากนั้นเราก็ทำงาน+เรียนไปด้วย ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ มีเงินเก็บมีเงินจ่ายหนี้ ไม่ต้องยืมคนอื่นแล้ว
สิ่งที่ทำให้เราต้องมานั่งคิดสงสัยกับคำพูดของเหล่านั้นคือ
ตอนปิดเทอมม.4ขึ้นม.5ค่ะ อยู่ดีๆญาติ2คนก็จะมาเยี่ยมแม่แต่เป็นญาติที่เราไม่ชอบเลย ดูถูกฐานะ ชอบทำให้ตัวเองดูสูงทั้งที่ตัวเองก็เคยไม่มีเหมือนกัน ดูถูกแม่สารพัดเลย ว่าโง่ไปเป็นเมียน้อยพ่อความจริงแม่โดนหลอกว่าพ่อยังไม่มีใคร จนญาติมาเยี่ยมค่ะเปิดห้องมานางตกใจว่าทำไมห้องถึงดูดีขึ้นเยอะ แล้วก็พูดเลยค่ะว่า" ห้องดูดีขึ้นเยอะเลยเนาะรังหมาเป็นห้องคนอยู่" ตอนนั้นเราเริ่มโกรธแล้วค่ะเปิดปากก็เสียมารยาทเลย ห้องเราแต่ก่อนไม่ได้แย่เลยค่ะจัดระเบียบไว้เป็นที่ทุกอย่าง แบ่งโซนชัดเจน นางก็เดินไปห้องครัวสำรวจต่างๆจนครบห้องเลยค่ะ จนเราแอบเคืองค่ะว่าจะมาเยี่ยมแม่หรือจะมาซ่อมบ้านให้ จนได้พูดคุยกันค่ะแต่ก็คุยไปเรื่อย โอ้อวดว่าได้ไปที่นู้นมา สามีใหม่เอย อะไรก็ไม่รู้ไม่ได้ถามถึงแม่เลยว่าเป็นไงบ้าง มาเผื่ออวดให้แม่รู้แค่นั้นเลย จนญาติถามว่าทำไมถึงมีเงินเยอะขึ้น แม่เราก็ตอบไปค่ะทำงานหนักขึ้น+เราช่วยหาเงิน ญาติหันมามองที่เราพูดว่า "น้ำหน้าอย่างเราทำงานอะไรได้ อย่างมากก็ขายบริการแหละอายุเท่านี้" ตอนนั้นเราโกรธมากค่ะอยากจะลุกไปตบนางเลย ดีที่แม่ส่งสายตาห้ามไว้เราก็ตอบไปค่ะ "ว่าทำงานแปลการ์ตูนทำงานพิเศษไปเรื่อยๆค่ะ" ถามอีกว่า"มหาลัยไปเรียนอะไร" เราก็ตอบไปว่า"อยากสอบแพทย์ค่ะ" ญาติก็ขำเราเองก็งงว่าจะขำทำไม"จนๆแบบหนูจะเรียนหมอได้หรอฉลาดแต่จนน่าจะรอดยากนะ" เราไม่สนใจค่ะเพราะหาข้อมูลมาแล้วแพทย์ถึงจนก็เรียนได้มีทุนเยอะ ญาติพูดเทศนาเราเลยว่า" ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีเถอะ อย่าใฝ่สูงไม่ดูรากเหง้าตัวเองว่าเป็นคนจนทำอะไรก็ดูความจนตัวเองด้วย" เหมือนแม่จะหมดความอดทนเลยด่าญาติไล่ญาติออกจากห้องค่ะ แม่ก็ปลอบค่ะพูดให้กำลังใจกัน แอบโชคดีนะคะที่มีแม่ดีขนาดนี้ เรามานั่งสงสัยว่าภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ภูมิใจกับความจนหรอ ถ้าเราไม่ใฝ่สูงพยายามเราก็อาจจะใช้ชีวิตวนลูปแบบเดิม บางวันไม่มีข้าวกินต้องอด แบกหน้าไปยืมเงินคนอื่นเรื่อยๆแบบนี้หรอ การที่พยายามหลุดออกจากความจนมันผิดรึยังไง ใช้สมองส่วนไหนคิดถึงได้กล้าพูดขนาดนี้ แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากค่ะทำงานของเราไปเรื่อยๆ มีป้า/ลุงข้างห้องก็พูดทำนองนี้เหมือนกับญาติ จนเราเริ่มเก็บคิดขึ้นเยอะเรื่อยๆ แต่ถึงยังไงเราที่เราทำอยู่มันไม่ผิดแน่นอนเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราแค่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีเงินใช้ มีเงินเก็บแค่นั้นเอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน+ให้ความเห็นนะคะ^^