เมื่อเข้าสู่
ฤดฝน อย่างเป็นทางการ อย่าลืมที่จะป้องกันคุณและคนใกล้ตัว จาก ยุง ด้วยนะค่ะ
เพราะยุงเป็นพาหะของไข้เลือดออก ยุงลายที่ออกหากินตอนกลางวัน
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ 6 วิธี ป้องกันไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อโดยมีสาเหตุมาจากยุงลาย Aedes Aegypti ตัวเมียกัด
เมื่อยุงกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกโดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus)
จะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ 8-10 วัน เชื้อไวรัสเดงกี่จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง
พร้อมที่จะติดต่อไปยังคนอื่น แล้วนำเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น ซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์
การติดเชื้อครั้งแรกมักจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าติดเชื้อครั้งที่ 2 โดยเชื้อที่ต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก
อาการมักจะรุนแรงถึงขั้นเลือดออกหรือช็อคหรือเสียชีวิต พบมาก ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
มักจะระบาดในฤดูฝน แต่ปัจจุบันพบได้ตลอดทั้งปี
ยุงลายเป็นยุงที่อาศัยอยู่ภายในบ้านและบริเวณบ้าน มักจะกัดเวลากลางวัน
แหล่งเพาะพันธุ์ คือ น้ำใสที่ขังอยู่ตามภาชนะเก็บน้ำต่างๆ
เช่น โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ ถ้วยรองขาตู้ จาน ชาม กระป๋อง หม้อ กระถาง ยางรถ เป็นต้นค่ะ
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้เลือดออก โดยเกิดจากยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค
สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ อาการของโรคไข้เลือดออกแม้จะไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทีท่วงที
ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
วันนี้เรามีวิธีป้องกันตัวเองจากโรคไข้เลือดออกมาฝากค่ะ
1.ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน และหลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น
2.แต่งกายมิดชิด สวมเสื้อและกางเกงขายาวเมื่อออกนอกบ้าน
3.ทำลายภาชนะที่ไม่จำเป็น เพราะอาจมีน้ำขังได้ และภาชนะที่ใช้เก็บน้ำต้องมีฝาปิดให้มิดชิด
4.เลี้ยงปลาขนาดเล็กในบ่อหรืออ่างน้ำเพื่อกำจัดลูกน้ำหรือตัวอ่อนของยุงลาย เช่น ปลาหางนกยูง
5.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้านให้เป็นระเบียบ
6.รับวัคซีนไข้เลือดออก เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเดงกี่
หากติดเชื้อก็จะช่วยลดความรุนแรงและความอันตรายของโรคได้
สังเกตอย่างไรว่าเป็นไข้เลือดออก ถ้าเป็นแล้วควรทำอย่างไร
โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมาด้วยอาการมีไข้สูง คลื่นไส้หรืออาเจียน มีหน้าแดงเล็กน้อย ไม่มีอาการของไข้หวัด
หากท่านสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ในช่วงแรกที่เป็นไข้ ส่วนใหญ่จะยังไม่ทำอะไรเพิ่มเติม
เพียงแต่ให้รับประทานยาพาราเซตามอลแก้ไข้ได้ ห้ามรับประทานยาแอสไพริน
และถ้าหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก คลื่นไส้ อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ มีจุดเลือดออกตามตัว
มีเลือดออกตามไรฟัน หรือมีเลือดออกที่ใดที่หนึ่ง หรือลุกขึ้นแล้วมีอาการหน้ามืด ก็ควรจะมาพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
การรักษา
เนื่องจากยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะสำหรับเชื้อไวรัสเดงกี
การรักษาตามอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยให้ยาพาราเซทตามอลในช่วงที่มีไข้สูง
ห้ามให้ยาแอสไพริน ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนให้ยาแก้คลื่นไส้และให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
และคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ป้องกันภาวะช็อคได้ ระยะที่เกิดช็อคส่วนใหญ่จะเกิดพร้อมๆกับช่วงที่ไข้ลดลง
ผู้ปกครองควรทราบอาการก่อนที่จะช็อค คือ อาจมีอาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่ายหรือซึมลง
มือเท้าเย็นพร้อมๆกับไข้ลดลง หน้ามืด เป็นลมง่าย หากเป็นดังนี้ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=8xaTEz1XvYE
6 วิธี ป้องกันไข้เลือดออก ช่วงฤดูฝน
เพราะยุงเป็นพาหะของไข้เลือดออก ยุงลายที่ออกหากินตอนกลางวัน
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ 6 วิธี ป้องกันไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อโดยมีสาเหตุมาจากยุงลาย Aedes Aegypti ตัวเมียกัด
เมื่อยุงกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกโดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูง เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus)
จะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ 8-10 วัน เชื้อไวรัสเดงกี่จะไปที่ผนังกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุง
พร้อมที่จะติดต่อไปยังคนอื่น แล้วนำเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น ซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์
การติดเชื้อครั้งแรกมักจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ถ้าติดเชื้อครั้งที่ 2 โดยเชื้อที่ต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก
อาการมักจะรุนแรงถึงขั้นเลือดออกหรือช็อคหรือเสียชีวิต พบมาก ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
มักจะระบาดในฤดูฝน แต่ปัจจุบันพบได้ตลอดทั้งปี
ยุงลายเป็นยุงที่อาศัยอยู่ภายในบ้านและบริเวณบ้าน มักจะกัดเวลากลางวัน
แหล่งเพาะพันธุ์ คือ น้ำใสที่ขังอยู่ตามภาชนะเก็บน้ำต่างๆ
เช่น โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ ถ้วยรองขาตู้ จาน ชาม กระป๋อง หม้อ กระถาง ยางรถ เป็นต้นค่ะ
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้เลือดออก โดยเกิดจากยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค
สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ อาการของโรคไข้เลือดออกแม้จะไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทีท่วงที
ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
วันนี้เรามีวิธีป้องกันตัวเองจากโรคไข้เลือดออกมาฝากค่ะ
1.ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน และหลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น
2.แต่งกายมิดชิด สวมเสื้อและกางเกงขายาวเมื่อออกนอกบ้าน
3.ทำลายภาชนะที่ไม่จำเป็น เพราะอาจมีน้ำขังได้ และภาชนะที่ใช้เก็บน้ำต้องมีฝาปิดให้มิดชิด
4.เลี้ยงปลาขนาดเล็กในบ่อหรืออ่างน้ำเพื่อกำจัดลูกน้ำหรือตัวอ่อนของยุงลาย เช่น ปลาหางนกยูง
5.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและรอบบ้านให้เป็นระเบียบ
6.รับวัคซีนไข้เลือดออก เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเดงกี่
หากติดเชื้อก็จะช่วยลดความรุนแรงและความอันตรายของโรคได้
สังเกตอย่างไรว่าเป็นไข้เลือดออก ถ้าเป็นแล้วควรทำอย่างไร
โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมาด้วยอาการมีไข้สูง คลื่นไส้หรืออาเจียน มีหน้าแดงเล็กน้อย ไม่มีอาการของไข้หวัด
หากท่านสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ในช่วงแรกที่เป็นไข้ ส่วนใหญ่จะยังไม่ทำอะไรเพิ่มเติม
เพียงแต่ให้รับประทานยาพาราเซตามอลแก้ไข้ได้ ห้ามรับประทานยาแอสไพริน
และถ้าหากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก คลื่นไส้ อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ มีจุดเลือดออกตามตัว
มีเลือดออกตามไรฟัน หรือมีเลือดออกที่ใดที่หนึ่ง หรือลุกขึ้นแล้วมีอาการหน้ามืด ก็ควรจะมาพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
การรักษา
เนื่องจากยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะสำหรับเชื้อไวรัสเดงกี
การรักษาตามอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยให้ยาพาราเซทตามอลในช่วงที่มีไข้สูง
ห้ามให้ยาแอสไพริน ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนให้ยาแก้คลื่นไส้และให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
และคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ป้องกันภาวะช็อคได้ ระยะที่เกิดช็อคส่วนใหญ่จะเกิดพร้อมๆกับช่วงที่ไข้ลดลง
ผู้ปกครองควรทราบอาการก่อนที่จะช็อค คือ อาจมีอาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่ายหรือซึมลง
มือเท้าเย็นพร้อมๆกับไข้ลดลง หน้ามืด เป็นลมง่าย หากเป็นดังนี้ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=8xaTEz1XvYE