ระบอบปกครอง ใช้ให้เหมาะกับประเทศ!!!

ระบอบปกครองใช่ว่าประชาธิปไตยต้องเป็นฝ่ายดี  ใช่ว่าคอมมิวนิสต์ต้องเป็นฝ่ายร้าย เพียงใข้ให้เหมาะสมกับคนในประเทศนั้นๆ  สิ่งดีๆมันก็จะเกิดตามมาเอง
     ไม่ว่าระบอบการปกครองจะเป็นประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ หรืออื่นๆ ทุกระบอบต่างก็มีข้อดี ข้อเสียทั้งนั้น ประเทศไหนจะใช้ระบอบไหน ไม่มีถูก และ  ไม่มีผิด มีแค่ว่า เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม   แล้วประเทศ T เหมาะสมแล้วหรือยัง???
  การที่จีนเลือกระบอบคอมมิวนิสต์นั่นคือเขาต้องเป็นคนชั่วคนเลวหรือ  การทีเมกาใช้ระบอบ ปชต. ก็คือเขาเป็นคนดีแล้วใช่ไหม!?  ไม่ใช่!! มันไม่สามารถวัดความดีความชั่วได้  แล้วทำไมเราถึงได้มีความคิดแบบนั้นกันล่ะ ใครเป็น ปชต.ผลักให้ไปอยู่ฝ่ายดี ส่วนใครเป็นคอมฯ ผลักให้ไปอยู่ฝ่ายร้าย ทั้งที่จริงแล้ว มันจะดีหรือร้าย มันก็ล้วนอยู่ที่ผู้นำทั้งสิ้น  ปชต. เคยมีผู้นำที่ร้ายไหม? ก็มี! คอมฯ เคยมีผู้นำที่ดีไหม? ก็มี!   ทั้ง ปชต.  และ คอมฯ ต่างก็เคยมีผู้นำที่ดี และผู้นำที่ร้าย
  สำหรับผมการที่จีนเลือกคอมฯ  มันเป็นอะไรที่เหมาะกับประเทศเขาดีนะ  เพราะประชากรจีนมีหลายพันล้านคน พันล้านความคิด  ถ้าไปใช้ ปชต.ก็จะเกิดการแบ่งแยกฝักฝ่าย เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สุดท้ายจะเกิดสงครามภายในขึ้นมา ทั้งประเทศอย่างรุนแรง(จะเละยิ่งกว่าประเทศ T เสียอีก ขนาดประเทศ T มีแค่ 67 ล้านคน เกิดฝ่ายขึ้น 2 ฝ่าย อันใกล้ (อันใกล้ 3 ฝ่าย) ยังตีกันจะตาย ไม่มีทีท่าจะหยุด จนต้องเอาทหารเข้ามาถึงจะหยุดกันได้ ถ้าจีนเกิดขึ้นนี่ทหารก็หยุดไม่อยู่หรอก)  อันเนื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแบบเสรี  ในเมื่อการเมืองมันเป็นเรื่องระดับประเทศ ผลที่เกิดขึ้นจากมันก็จะเป็นเรื่องระดับประเทศเช่นกัน จีนจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งในการจำกัดความเห็นทางการเมืองอันหลากหลายนี้ เพื่อเลี่ยงถึงความไม่สงบภายในชาติ (ถึงจะจำกัดความเห็นทางการเมือง แต่พวกเขาก็ยังมีอิสระในการดำเนินชีวิต การทำมาหากินนะ)  ถ้าเขาได้ผู้นำแย่ ประเทศก็ดิ่งสุดในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าเขาได้ผู้นำดี ประเทศก็จะพุ่งสุดๆในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน เหมือนอย่างในปัจจุบันที่เขาได้ผู้นำดี ประเทศก็พัฒนาเจริญไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่สิบปี)
    ส่วนในระบอบประชาธิปไตย ที่มีความเสรีทางการเมือง แสดงความเห็นได้นั้น ข้อดีของมันก็คือทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารพฒนาบ้านเมือง  มีการถกปัญหา โต้แย้งกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาบ้านเมืองไปได้ในทิศทางใหม่ๆ  แต่....จะเป็นดังนั้นได้ ทุกคนต้องมีความรู้ที่เพียงพอและทัดเทียมกัน(รู้มาก-น้อยไม่ห่างกันมาก)เสียก่อน โดยเฉพาะในด้านของนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์  ที่ต้องรู้ 3 อย่างนี้เพราะมันถือเป็นศาสตร์หลักๆในการบริหารและพัฒนาประเทศ  หากพวกเขารู้ 3 อย่างนี้ไม่เพียงพอ พวกเขาก็จะไม่สามารถคิด วิเคราห์ แยกแยะ  หาความจริงได้ว่า  นโยบาย ข้อมูล คำพูด และการกระทำของรัฐบาล  นักการเมืองนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ สามาถทำได้หรือไม่ เพราะอะไร  ผลกระทบดี-เสียอย่างไร    เมื่อพวกเขาไม่รู้ รู้ไม่พอ สุดท้าย พวกเขาจึงได้แต่ถูกคนอื่นชักจูงไป เห็นกลุ่มคนหมู่มากล้วนเห็นด้วย เราก็เห็นด้วยตามและคิดไปว่าข้อมูลนั้นมันถูก แนวความคิดนี้มันถูก   ถ้าความรู้ของทุกคนไม่เพียงพอและไม่ทัดเทียมกัน การถกเถียง โต้แย้ง ระดมความคิด เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาประเทศไปข้างหน้า มันก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้(มันจะมีแต่ฝ่ายหนึ่งออกความเห็น และอีกฝ่ายหนึ่งตามเห็นดีด้วย)  
   ในเมื่อจะให้ ปชช.สามารถแสดงความเห็นทางการเมือง มีส่วนร่วม เป็นส่วนหนี่งในการบริหารประเทศได้ ปชช.ก็ต้องมีความรู้ในศาสตร์ของการบริหารประเทศด้วยจริงไหม?  

      ความรู้ที่เพียงพอนี้ ถ้าเทียบกับระดับการศึกษา ก็คือต้องจบ ป.ตรีในคณะพวกนี้  หรือไม่จะออกกฏไปเลยก็ได้ว่า ผู้ที่มีสิทธิแสดงความเห็นโหวตทางการเมืองได้จะต้องจบทั้ง 3 คณะนี้มาก่อน ถึงจะมีสิทธิทางการเมือง

   -ในความเห็นของผม เอาจริงๆประเทศเราไม่เหมาะกับประชาธิปไตยเลย ในด้านของความรู้ก็ยังไม่เพียงพอ ในด้านของของความทัดเทียมก็ห่างกันมาก ถ้ายังไม่มี 2 สิ่งนั้ก็ไม่สมควรที่จะใช้ระบอบประชาธิไตย เพราะมันไม่สามารถเป็นประชาธิปไตยตามอุดมคติแท้จริงได้
    
    ถ้าให้เลือกระบอบที่เหมาะกับเราจริงๆก็คงเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะในปัจจุบัน ประขาชนกว่า 80% ก็ยังคงรักและนับถือในสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่  ถ้าจะให้พระมหากษัตริย์มาเป็นผู้นำประเทศ ประชานชนจำนวนมากก็ไม่ขัดเคืองใดๆ  และพระมหากษัตริย์เราแทบทุกยุคทุกสมัยก็ล้วนทำเพื่อบ้านเมืองทั้งมวลทั้งสิ้น  เราสามารถวางใจได้ว่าประเทศจะไม่ดำเนินไปในทิศทางที่แย่ลง เพราะอย่างไร ดั้งเดิมประเทศนี้ราชวงศ์เขาก็เป็นผู้สถาปนาขึ้นมาอยู่แล้ว เขาย่อมมีความรัก ความห่วงใยในชาติบ้านเมืองนี้  ยิ่งกว่าใคร!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่