กองทัพสยำกุ๊ก (เสียมกุก) "ความจริง" ที่ "เขมร" ไม่อยากให้มีอยู่จริง

บทความโดย : YUM comment

    เรื่องราว การฟื้นคืนชีพของกองทัพไทยอันเกรียงไกร กองทัพสยำกุ๊ก หรือ (เสียมกุก) ที่เป็นภาพแกะสลักนูนต่ำปรากฏอยู่บนกำแพงปราสาทนครวัด
เป็นความจริงที่ชาวเขมรไม่อยากให้มีอยู่จริง ได้ถูกฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ด้วยฝีมือของอาจารย์ พีรมณฑ์ ชมธวัช แห่ง อาภรณ์งามสตูดิโอ

     สำหรับอาจารย์ พีรมณฑ์ ชมธวัช ท่านเป็นผู้ที่มีคุณูปการเป็นอย่างมาก ในด้านการอนุรักษ์สืบสาน ศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายชุดไทยโบราณ  ในครั้งนี้ท่านได้ชุบชีวิตกองทัพ สยำกุ๊ก หรือ เสียมกุก ให้กลับมาโลดแล่นมีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการออกแบบเครื่องแต่งที่มีความเป็นไปได้และดูสมจริงมากที่สุด 

     การออกแบบเสื้อผ้าในทางประวัติศาสตร์ อาจารย์ พีรมณฑ์ ชมธวัช จะมีความพิถีพิถัน ละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมากในการพิจารณาวัสดุต่างๆ 
ที่จะนำมาใช้ประกอบเป็นเครื่องแต่งกายสมัยโบราณ โดยท่านจะศึกษาค้นคว้าข้อมูล ในเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี  เพื่อให้ได้ผลงานที่ออกมามีแนวโน้มของความเป็นไปได้  และมีความสมจริงในเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีต่อไป

เป็นการทำด้วยหัวใจ เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
อาจารย์ พีรมณฑ์ ชมธวัช  ท่านจึงเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่งของไทยเรา

สำหรับ สยำกุ๊ก (เสียมกุก)  ในภาษาเขมร  สยำ จะหมายถึง เสียม หรือ สยาม หรือคนไทยเรานี่เอง
ส่วน กุ๊ก ในภาษาเขมร  จะหมายถึง โคก, เนิน, ตอนบน, เหนือ, พื้นที่สูง
ดังนั้นคำว่า สยำกุ๊ก หรือ (เสียมกุก) บนกำแพงปราสาทนครวัด จึงหมายถึง กองทัพสยามจากดินแดนทางเหนือ หรือ เสียมตอนบน

เป็นกองทัพที่เขมรไม่ต้องการจะจดจำ และไม่ต้องการจะให้มีอยู่จริง ที่กล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่าได้มีการทำลายข้อความที่ระบุว่านี่เป็นกองทัพ สยำกุ๊ก 
ออกไปจากกำแพงปราสาทนครวัด เป็นการจงใจที่จะทำลายหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อหวังที่จะไม่ให้มีกองทัพ สยำกุ๊ก หรือ (กองทัพเสียมกุก) 
หรือก็คือ กองทัพไทยอันเกรียงไกรปรากฏอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์เลย

แต่หลักฐานที่ถูกลบนี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  จากนักโบราณคดีต่างๆที่เข้าไปสำรวจยังปราสาทนครวัดก่อนที่หลักฐานชิ้นนี้จะถูกทำลายไป
ดังนั้นแม้ว่าชาวเขมรจะพยายามทำลายหลักฐานกองทัพสยำกุ๊ก หรือ (เสียมกุก) ด้วยวิธีใดก็ตาม หลักฐานทางประวัติศาสตร์นี้ที่ยืนยันว่า กองทัพไทยอันเกรียงไกรปรากฏอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์ คนไทยมีตัวตนอยู่จริงในช่วงเวลานั้นก็เป็นความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้

คำถามก็คือ แล้วทำไมชาวเขมรถึงต้องพยายามที่จะทำลายหลักฐานนี้?

เหตุผลสำคัญก็เพื่อต้องการที่จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตัวเองขึ้นมา หากเราลองพิจารณากระบวนทางความคิดของชาวเขมรที่ถูกปลูกฝังมา
ชาวเขมรจะมีกระบวนการทางความคิดแบบเดียวกันนั่นก็คือ ชาวเขมรเกิดมาก่อน ชาวเขมรเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ในอดีต คนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต หรือ จีนตอนล่าง  เข้ามารุกราน แย่งชิงพื้นที่ คนไทยเป็นชนชาติที่ไม่มีวัฒนธรรม วัฒนธรรมไทยที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ คือการขโมยวัฒนธรรมของเขมรไป หรือ โจรสยามที่ชาวเขมรมักจะพูดกัน

ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงที่กองทัพสยำกุ๊ก หรือ (เสียมกุก)  หรือ กองทัพไทยอันเกรียงไกร ปรากฏอยู่บนกำแพงปราสาทนครวัด 
เป็นความจริงที่ปรากฏอยู่หน้าประวัติศาสตร์แล้ว ทั้งยังมีหลักฐานเอกสารบันทึกของชาวจีน ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปี  บันทึกถึงการมีอยู่ของชาว เซียน หรือ เสียน ซึ่งก็หมายถึงคนไทย และหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆที่ขุดค้นพบในประเทศไทย เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่า คนไทยอยู่ที่นี่มานานแล้ว  เป็นชนชาติที่มีอารยะ มีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง

ดังนั้นประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นโดยชาวเขมร จึงผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง
นี่คือเหตุผลสำคัญ ที่ทำไมชาวเขมร จึงจงใจที่จะทำลายหลักฐานบนปราสาทกำแพงนครวัด
เพื่อไม่ให้มีกองทัพสยำกุ๊ก หรือ (เสียมกุก) หรือก็คือ กองทัพไทยอันเกรียงไกร มีตัวตนอยู่จริง

ยิ่งขุดคุ้ยก็ยิ่งเจอประวัติศาสตร์จอมปลอม ที่สะท้อนกลับไปหาชาวเขมรเอง
ไม่นับรวมถึงสถานะของชาวเขมรที่ปรากฏอย่างชัดเจนบนศิลาจารึกว่ามีสถานะเป็นอย่างไร 
มีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่เขียนขึ้นมาเอง โดยปราศจากข้อเท็จจริง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

บทความโดย : YUM comment
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่