ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าตัวเราเองมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับนะคะ อาการเริ่มมาจากนอนกรนและมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงตอนกลางวันค่ะ
เคยทำ sleep test มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทำแบบนอนที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่มาติดอุปกรณ์ให้ ผลออกมาคือต้องใช้เครื่อง CPAP
ต่อมาเราย้ายจากรพ.ที่เชียงใหม่ มารักษาที่กทม. หมอแผนกหู คอ จมูก แนะนำให้ทำ sleep test ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากผ่านมาหลายปีและเรามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องน้ำหนักตัว เราเลยตกลงนัดทำ sleep test ที่โรงพยาบาลค่ะ ซึ่งกว่าจะได้คิวก็ต้องรอหลายเดือนอยู่เหมือนกัน
พอใกล้ ๆ วันนัดจะมีพยาบาลโทรมาคอนเฟิร์มวัน เวลา และแจ้งข้อปฏิบัติ การเตรียมตัวต่าง ๆ เช่น งดนอนกลางวัน งดดื่มชากาแฟ ฯลฯ
ซึ่งเราสามารถสอบถามข้อสงสัยอื่น ๆ ได้ทางโทรศัพท์เลยค่ะ พอถึงวันจริงก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลนะคะ สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็มีดังนี้ค่ะ
1.พวกของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพู
2.ชุดนอน (จะเตรียมเองหรือจะไปใช้ชุดของรพ.ก็ได้ค่ะ)
3.หน้ากากเครื่อง CPAP (อันนี้ไม่แน่ใจว่าต้องเอาไปทุกคนหรือเปล่านะคะ แต่พยาบาลจะถามว่ามีหน้ากากไหม ถ้ามีให้เอามาด้วยค่ะ)
4. ผ้าห่ม หรือ หมอน ที่เราติด ต้องใช้เวลานอนค่ะ
และไม่สามารถให้ญาติไปนอนเฝ้าได้นะคะ
เมื่อวันถึงวันนัด เราไปถึงรพ.ประมาณ 18.30 น.ค่ะ จากการสังเกตจะมีห้องทำ sleep test อยู่สองแบบนะคะ แบบแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก และใช้ห้องน้ำรวม ส่วนแบบที่สอง จะเป็นห้องเดี่ยวและมีห้องน้ำส่วนตัวค่ะ (จากการสังเกตห้องสะอาด น่านอนทั้งสองแบบค่ะ) เราได้นอนแบบห้องเดี่ยวค่ะ
ห้องที่รพ.จัดไว้ให้ กว้างมาก สะอาด มีทีวี แอร์ มีเครื่องฟอกอากาศ มีน้ำดื่มให้ ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยค่ะ เหมือนโรงแรมเลย
พอเราไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะพามาที่ห้องและปล่อยให้เราอาบน้ำและพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ (หลังอาบน้ำห้ามทาครีม โลชั่นต่างๆนะคะ)
พอเราอาบน้ำเสร็จ สักพักเจ้าหน้าที่จะมาซักประวัติ มีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการต่าง ๆ และการนอนของเรานะคะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราพักผ่อนและมาติดเครื่องมือประมาณ 21.00 น. ค่ะ
เมื่อเจ้าที่มาก็จะขอให้เราเก็บโทรทศัพท์และปิดเสียง แล้วเริ่มติดเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ มีสายระโยงระยางหลายเส้นเลยค่ะ มีเครื่องวัดอ๊อกซิเจนที่ปลายนิ้ว มีสายรัดที่หน้าอก ติดสายที่แขน ขา บนศีรษะหลายจุด มีท่อใส ๆ ติดบริเวณปาก จมูก เพื่อตรวจการเคลื่อนไหวร่างกายขณะหลับ การละเมอพูด
พอติดเสร็จเราคิดเลยค่ะว่าจะนอนหลับไหมเนี่ย เพราะสายเยอะมากจริง ๆ (พยาบาลช่วยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกให้ด้วยค่ะ 5555)
เสร็จแล้วพยาบาลก็จะอธิบายการตรวจ และมีการทดสอบอุปกรณ์โดยการให้เรานอนและขยับร่างกายตามที่พยาบาลบอก เมื่อเซ็ตอุปกรณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว ก็จะปล่อยให้เรานอนหลับ และระหว่างการนอนหากต้องการเข้าห้องน้ำก็สามารถเรียกพยาบาลได้ค่ะ
เราเป็นคนชอบนอนตะแคงค่ะ อาจจะมีโดนปลุกให้กลับมานอนหงายบ้าง และมีการปลุกเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์มาใช้เครื่อง CPAP (เดาว่าน่าจะต้องการเปรียบเทียบการนอนโดยใช้เครื่องและไม่ใช้เครื่องค่ะ) และระหว่างเปลี่ยนอุปกรณ์ก็สามารถไปเข้าห้องน้ำได้ค่ะ หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้เรานอนถึงเช้านะคะ
เจ้าหน้าที่จะมาปลุกประมาณ 06.00 น. เพื่อถอดอุปกรณ์ และให้เราอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นจะมีแบบประเมินให้ทำ รับไปใบนัดเสร็จก็กลับบ้านได้เลย หลังจากนั้นรอนัดฟังผลประมาณ 1 เดือน
ส่วนตัวรู้สึกว่าพยาบาลดูแลดีมาก ๆ ค่ะ ถามอะไรก็ตอบอย่างใจเย็น อธิบายชัดเจนดีค่ะ ห้องนอนสะอาดมาก แต่ก็นอนไม่ค่อยสบายเพราะต้องติดอุปกรณ์เยอะค่ะ (แต่ก็หลับได้อยู่ดี 555) เราใช้สิทธิ์ข้าราชการในการรักษานะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
รีวิว ประสบการณ์นอนรพ. เพื่อทำ sleep test ค่ะ
เคยทำ sleep test มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทำแบบนอนที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่มาติดอุปกรณ์ให้ ผลออกมาคือต้องใช้เครื่อง CPAP
ต่อมาเราย้ายจากรพ.ที่เชียงใหม่ มารักษาที่กทม. หมอแผนกหู คอ จมูก แนะนำให้ทำ sleep test ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากผ่านมาหลายปีและเรามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องน้ำหนักตัว เราเลยตกลงนัดทำ sleep test ที่โรงพยาบาลค่ะ ซึ่งกว่าจะได้คิวก็ต้องรอหลายเดือนอยู่เหมือนกัน
พอใกล้ ๆ วันนัดจะมีพยาบาลโทรมาคอนเฟิร์มวัน เวลา และแจ้งข้อปฏิบัติ การเตรียมตัวต่าง ๆ เช่น งดนอนกลางวัน งดดื่มชากาแฟ ฯลฯ
ซึ่งเราสามารถสอบถามข้อสงสัยอื่น ๆ ได้ทางโทรศัพท์เลยค่ะ พอถึงวันจริงก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลนะคะ สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็มีดังนี้ค่ะ
1.พวกของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพู
2.ชุดนอน (จะเตรียมเองหรือจะไปใช้ชุดของรพ.ก็ได้ค่ะ)
3.หน้ากากเครื่อง CPAP (อันนี้ไม่แน่ใจว่าต้องเอาไปทุกคนหรือเปล่านะคะ แต่พยาบาลจะถามว่ามีหน้ากากไหม ถ้ามีให้เอามาด้วยค่ะ)
4. ผ้าห่ม หรือ หมอน ที่เราติด ต้องใช้เวลานอนค่ะ
และไม่สามารถให้ญาติไปนอนเฝ้าได้นะคะ
เมื่อวันถึงวันนัด เราไปถึงรพ.ประมาณ 18.30 น.ค่ะ จากการสังเกตจะมีห้องทำ sleep test อยู่สองแบบนะคะ แบบแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก และใช้ห้องน้ำรวม ส่วนแบบที่สอง จะเป็นห้องเดี่ยวและมีห้องน้ำส่วนตัวค่ะ (จากการสังเกตห้องสะอาด น่านอนทั้งสองแบบค่ะ) เราได้นอนแบบห้องเดี่ยวค่ะ
ห้องที่รพ.จัดไว้ให้ กว้างมาก สะอาด มีทีวี แอร์ มีเครื่องฟอกอากาศ มีน้ำดื่มให้ ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยค่ะ เหมือนโรงแรมเลย
พอเราไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะพามาที่ห้องและปล่อยให้เราอาบน้ำและพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ (หลังอาบน้ำห้ามทาครีม โลชั่นต่างๆนะคะ)
พอเราอาบน้ำเสร็จ สักพักเจ้าหน้าที่จะมาซักประวัติ มีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการต่าง ๆ และการนอนของเรานะคะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราพักผ่อนและมาติดเครื่องมือประมาณ 21.00 น. ค่ะ
เมื่อเจ้าที่มาก็จะขอให้เราเก็บโทรทศัพท์และปิดเสียง แล้วเริ่มติดเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ มีสายระโยงระยางหลายเส้นเลยค่ะ มีเครื่องวัดอ๊อกซิเจนที่ปลายนิ้ว มีสายรัดที่หน้าอก ติดสายที่แขน ขา บนศีรษะหลายจุด มีท่อใส ๆ ติดบริเวณปาก จมูก เพื่อตรวจการเคลื่อนไหวร่างกายขณะหลับ การละเมอพูด
พอติดเสร็จเราคิดเลยค่ะว่าจะนอนหลับไหมเนี่ย เพราะสายเยอะมากจริง ๆ (พยาบาลช่วยถ่ายรูปเป็นที่ระลึกให้ด้วยค่ะ 5555)
เสร็จแล้วพยาบาลก็จะอธิบายการตรวจ และมีการทดสอบอุปกรณ์โดยการให้เรานอนและขยับร่างกายตามที่พยาบาลบอก เมื่อเซ็ตอุปกรณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว ก็จะปล่อยให้เรานอนหลับ และระหว่างการนอนหากต้องการเข้าห้องน้ำก็สามารถเรียกพยาบาลได้ค่ะ
เราเป็นคนชอบนอนตะแคงค่ะ อาจจะมีโดนปลุกให้กลับมานอนหงายบ้าง และมีการปลุกเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์มาใช้เครื่อง CPAP (เดาว่าน่าจะต้องการเปรียบเทียบการนอนโดยใช้เครื่องและไม่ใช้เครื่องค่ะ) และระหว่างเปลี่ยนอุปกรณ์ก็สามารถไปเข้าห้องน้ำได้ค่ะ หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้เรานอนถึงเช้านะคะ
เจ้าหน้าที่จะมาปลุกประมาณ 06.00 น. เพื่อถอดอุปกรณ์ และให้เราอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นจะมีแบบประเมินให้ทำ รับไปใบนัดเสร็จก็กลับบ้านได้เลย หลังจากนั้นรอนัดฟังผลประมาณ 1 เดือน
ส่วนตัวรู้สึกว่าพยาบาลดูแลดีมาก ๆ ค่ะ ถามอะไรก็ตอบอย่างใจเย็น อธิบายชัดเจนดีค่ะ ห้องนอนสะอาดมาก แต่ก็นอนไม่ค่อยสบายเพราะต้องติดอุปกรณ์เยอะค่ะ (แต่ก็หลับได้อยู่ดี 555) เราใช้สิทธิ์ข้าราชการในการรักษานะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม