คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ผมไม่รู้ว่าใครจินตนาการการหลุดพ้นอย่างไร
ผมไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าพูดถึงการหลุดพ้นอย่างไร
ผมรู้แค่ผมเจอสิ่งที่เป็นการหลุดพ้นในมุมมองของผม ไม่มีกิเลส ไม่มีตัวตน
ไหนๆ ก็มีคนอยากรู้แล้ว จะเล่าประสบการณ์พอแก้ความสงสัย
1. มนุษย์ที่ไม่มีอารมณ์เท่ากับหุ่นยนต์จริงหรือ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นิยามก่อนว่าหุ่นยนต์ในที่นี้คือหุ่นยนต์ในเทคโนโลยีปัจจุบัน ไม่มีอารมณ์ ไม่มีจิตใจ
หลุดพ้นแล้ว ไม่มีกิเลส ก็มีอารมณ์อยู่เหมือนเดิมนะ มีความจำเรื่องอารมณ์ด้วย
ใครพูดถึงความรัก ความโกรธ ความสุข ความทุกข์ เข้าใจตามได้หมด ไม่ได้บื่อไม่รู้
จินตนาการแต่งนิยายเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆ ได้ด้วย ดังนั้นก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งล่ะ
เพียงแต่ตัวเอง "ไม่อิน" กับอารมณ์เหล่านั้น
เข้าใจทำไมคนอื่นโกรธ แต่ตัวเองไม่รู้สึกโกรธ แค่ลมปากคนอื่นมีอะไรให้โกรธ
เข้าใจทำไมคนอื่นรัก แต่ตัวเองไม่รู้สึกรักแบบเอาเป็นเอาตาย รู้สึกเหมือนเมตตามากกว่า
เข้าใจทำไมคนอื่นสุข แต่ตัวเองไม่รู้สึกสุขแบบยิ้มแป้น ก็แค่อารมณ์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
2. เรื่องทางเพศกับการไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่คนสงสัยมาก เรื่องเพศเป็นที่ร่างกายไม่ใช่เหรอ กิเลสเกี่ยวอะไร
ถูกต้องแล้ว เรื่องเพศเป็นที่ร่างกาย ไม่เกี่ยวกับกิเลส
ไม่มีกิเลสตอนเช้าตื่นมาตรงนั้นแข็งตามคนอื่น ไม่มีกิเลสเอามือสัมผัสตรงนั้นแข็งตัวได้
เป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติ และแตกต่างจากคนหมดสมรรถภาพทางเพศ
ไม่มีกิเลสแต่ไม่ได้ความจำเสื่อม ถามรู้ไหมอวัยวะเพศของเพศตรงข้ามหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้สิ มีความจำได้อยู่ ฟังเรื่องอีโรติกก็เข้าใจว่าพูดถึงอะไร ทำไมคนถึงชอบเรื่องทางเพศ
เพียงแต่ตัวเอง "ไม่อิน" กับเรื่องทางเพศ
จินตนการภาพทางเพศได้ แข็งตัวได้ แต่มันไม่อิน ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร สนุกตรงไหน
(เข้าใจว่าคนอื่นสนุก แต่ตัวเองไม่สนุกด้วย) เลยไม่อยากยุ่งเรื่องเพศก็เท่านั้นเอง
เหมือนคนไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถามว่าทำไมไม่ดื่ม ก็ไม่ชอบไงแค่นั้น
จะยัดเยียดให้ทุกคนชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรืออย่างไร
3. หลุดพ้นแล้วใช้ชีวิตอย่างไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนมักจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย เป็นผู้วิเศษบ้าง มีอะไรต่างจากคนอื่นบ้าง ไม่ใช่มนุษย์บ้าง
แต่มาจุดนี้แล้วไม่รู้สึกตัวเองต่างจากคนอื่นตรงไหน เหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นกิเลส
ใช้ชีวิตเหมือนคุณๆ ท่านๆ ที่อ่านข้อความนี้นั่นล่ะ เป็นมนุษย์ปกติดีทุกอย่าง
อารมณ์ ความคิด นิสัย ฯลฯ พวกนี้ไม่ใช่กิเลส กิเลสเกิดต่อจากนั้นเพียงแต่เร็วมากจนตามยาก
ตอนนี้รู้สึกจิตใจเบาสบาย เบาเพราะไม่มีอะไรแบกให้หนัก
เมื่อก่อนแบกตัวตนไว้ คิดว่ามีตัวเราอยู่บนโลก จึงพยายามรักษาตัวเราไว้ให้ปกติที่สุด
พอเห็นว่าไม่มีตัวเรา มีเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่บนโลก ก็เบาสบายแล้ว
จิตใจคิดและร่างกายพิมพ์ข้อความนี้ออกมา ไม่มีตัวผมอยู่ในกระบวนการพิมพ์ข้อความนี้
ร่างกายและจิตใจทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ไม่ต้องอาศัยตัวตนและกิเลสใดๆ ในการมีชีวิตเลย
4. โรคทางกายหรือจิตบางโรคเท่ากับหลุดพ้นหรือไม่?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางคนอาจสงสัย ความจำเสื่อมเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า อัลไซเมอร์เท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า ซึมเศร้าเเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า
ผมว่าไม่ใช่นะ ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงโรคเหล่านั้นแม้แต่น้อย
หลุดพ้นเหมือนคนปกติทุกอย่าง ต่างตรงที่ไม่มีตัวตนให้แบกหนักอีกต่อไป แค่นั้นเลย
เปรียบเหมือนคนเคยติดยาเสพติด พอเลิกยาได้คือหลุดพ้นจากยา แค่นั้นเลย ไม่มีอะไรมาก
"เส้นผมบังภูเขา" ความจริงอยู่ตรงหน้ามาตลอด แต่มองไม่เห็นกันเอง
มัวแต่หลงในภาพลวงตาที่เรียกว่าตัวตนอยู่นั่น ถ้ามองเห็นความจริงก็หลุดพ้นได้ทุกคน
ความจริงนี้เป็นธรรมชาติมาก กลมกลืนลงตัวทุกอย่าง ลงตัวยิ่งกว่าตอนมีกิเลสอีก
ผมไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าพูดถึงการหลุดพ้นอย่างไร
ผมรู้แค่ผมเจอสิ่งที่เป็นการหลุดพ้นในมุมมองของผม ไม่มีกิเลส ไม่มีตัวตน
ไหนๆ ก็มีคนอยากรู้แล้ว จะเล่าประสบการณ์พอแก้ความสงสัย
1. มนุษย์ที่ไม่มีอารมณ์เท่ากับหุ่นยนต์จริงหรือ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นิยามก่อนว่าหุ่นยนต์ในที่นี้คือหุ่นยนต์ในเทคโนโลยีปัจจุบัน ไม่มีอารมณ์ ไม่มีจิตใจ
หลุดพ้นแล้ว ไม่มีกิเลส ก็มีอารมณ์อยู่เหมือนเดิมนะ มีความจำเรื่องอารมณ์ด้วย
ใครพูดถึงความรัก ความโกรธ ความสุข ความทุกข์ เข้าใจตามได้หมด ไม่ได้บื่อไม่รู้
จินตนาการแต่งนิยายเกี่ยวกับอารมณ์ต่างๆ ได้ด้วย ดังนั้นก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งล่ะ
เพียงแต่ตัวเอง "ไม่อิน" กับอารมณ์เหล่านั้น
เข้าใจทำไมคนอื่นโกรธ แต่ตัวเองไม่รู้สึกโกรธ แค่ลมปากคนอื่นมีอะไรให้โกรธ
เข้าใจทำไมคนอื่นรัก แต่ตัวเองไม่รู้สึกรักแบบเอาเป็นเอาตาย รู้สึกเหมือนเมตตามากกว่า
เข้าใจทำไมคนอื่นสุข แต่ตัวเองไม่รู้สึกสุขแบบยิ้มแป้น ก็แค่อารมณ์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
2. เรื่องทางเพศกับการไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่คนสงสัยมาก เรื่องเพศเป็นที่ร่างกายไม่ใช่เหรอ กิเลสเกี่ยวอะไร
ถูกต้องแล้ว เรื่องเพศเป็นที่ร่างกาย ไม่เกี่ยวกับกิเลส
ไม่มีกิเลสตอนเช้าตื่นมาตรงนั้นแข็งตามคนอื่น ไม่มีกิเลสเอามือสัมผัสตรงนั้นแข็งตัวได้
เป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติ และแตกต่างจากคนหมดสมรรถภาพทางเพศ
ไม่มีกิเลสแต่ไม่ได้ความจำเสื่อม ถามรู้ไหมอวัยวะเพศของเพศตรงข้ามหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้สิ มีความจำได้อยู่ ฟังเรื่องอีโรติกก็เข้าใจว่าพูดถึงอะไร ทำไมคนถึงชอบเรื่องทางเพศ
เพียงแต่ตัวเอง "ไม่อิน" กับเรื่องทางเพศ
จินตนการภาพทางเพศได้ แข็งตัวได้ แต่มันไม่อิน ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร สนุกตรงไหน
(เข้าใจว่าคนอื่นสนุก แต่ตัวเองไม่สนุกด้วย) เลยไม่อยากยุ่งเรื่องเพศก็เท่านั้นเอง
เหมือนคนไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถามว่าทำไมไม่ดื่ม ก็ไม่ชอบไงแค่นั้น
จะยัดเยียดให้ทุกคนชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรืออย่างไร
3. หลุดพ้นแล้วใช้ชีวิตอย่างไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนมักจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย เป็นผู้วิเศษบ้าง มีอะไรต่างจากคนอื่นบ้าง ไม่ใช่มนุษย์บ้าง
แต่มาจุดนี้แล้วไม่รู้สึกตัวเองต่างจากคนอื่นตรงไหน เหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นกิเลส
ใช้ชีวิตเหมือนคุณๆ ท่านๆ ที่อ่านข้อความนี้นั่นล่ะ เป็นมนุษย์ปกติดีทุกอย่าง
อารมณ์ ความคิด นิสัย ฯลฯ พวกนี้ไม่ใช่กิเลส กิเลสเกิดต่อจากนั้นเพียงแต่เร็วมากจนตามยาก
ตอนนี้รู้สึกจิตใจเบาสบาย เบาเพราะไม่มีอะไรแบกให้หนัก
เมื่อก่อนแบกตัวตนไว้ คิดว่ามีตัวเราอยู่บนโลก จึงพยายามรักษาตัวเราไว้ให้ปกติที่สุด
พอเห็นว่าไม่มีตัวเรา มีเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่บนโลก ก็เบาสบายแล้ว
จิตใจคิดและร่างกายพิมพ์ข้อความนี้ออกมา ไม่มีตัวผมอยู่ในกระบวนการพิมพ์ข้อความนี้
ร่างกายและจิตใจทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ไม่ต้องอาศัยตัวตนและกิเลสใดๆ ในการมีชีวิตเลย
4. โรคทางกายหรือจิตบางโรคเท่ากับหลุดพ้นหรือไม่?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางคนอาจสงสัย ความจำเสื่อมเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า อัลไซเมอร์เท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า ซึมเศร้าเเท่ากับหลุดพ้นหรือเปล่า
ผมว่าไม่ใช่นะ ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงโรคเหล่านั้นแม้แต่น้อย
หลุดพ้นเหมือนคนปกติทุกอย่าง ต่างตรงที่ไม่มีตัวตนให้แบกหนักอีกต่อไป แค่นั้นเลย
เปรียบเหมือนคนเคยติดยาเสพติด พอเลิกยาได้คือหลุดพ้นจากยา แค่นั้นเลย ไม่มีอะไรมาก
"เส้นผมบังภูเขา" ความจริงอยู่ตรงหน้ามาตลอด แต่มองไม่เห็นกันเอง
มัวแต่หลงในภาพลวงตาที่เรียกว่าตัวตนอยู่นั่น ถ้ามองเห็นความจริงก็หลุดพ้นได้ทุกคน
ความจริงนี้เป็นธรรมชาติมาก กลมกลืนลงตัวทุกอย่าง ลงตัวยิ่งกว่าตอนมีกิเลสอีก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
มนุษย์มักขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ถ้าไม่มีกิเลสหรืออารมณ์ ยังจะเป็นมนุษย์อยู่หรือ?
แต่หากอ่านแล้วไม่พอใจหรือผิดหวัง ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าของกระทู้ที่จะสนใจ
ทุกคนคงทราบดีว่า บางครั้งอารมณ์ต่างๆของมนุษย์นำพาความทุกมาให้ รัก โลภ โกรธ หลง อารมณ์ด้านลบต่างๆ บางครั้งสงผลเสีย
จากนั้นมีคนบางกลุ่มบอกว่าจะหลุดพ้นได้ก็คือการ ไม่หลงไปกับอารมณ์แบบนั้น
ถามว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะยังคงเป็นมนุษย์อีกหรือ?
บางคนอาจจะบอกว่าเป็น บางคนอาจจะว่าไม่เป็น
พูดตามตรงแล้ว การที่เจ้าของกระทู้โดนกรอกหูโดยบอกว่าไม่ให้ตัวเองมีกีเลส ไม่ให้มีความโลภ อย่าเบียดเบียน
พูดตามตรง เราสงสัย หากทุกคนเป็นแบบนั้น เราก็ไม่ต่างกับหุ่นยนต์ใจดีหรอ?
ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ก็ฟังไม่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่บางครั้งการที่เจออะไรแบบนี้หลายครั้งก็น่ารำคาญ
สุดท้ายก็มาตั้งกระทู้บ่นแบบนี้
แม้เราจะไม่ก้าวก่ายความเชื่อของ ศาสนาก็ตาม แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะต้องมาพูด
อารมณ์กิเลสเป็นบ่เกิดของความทุกข์?
แล้วจะอธิบายเราที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนได้อย่างไร?
เรามีปัญหากับจิต จะอธิบายยังไง? กรรม? ไม่อยากได้ยินคำนี้
แม้เราจะใช้ชีวิตลำบากมากที่เป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อใคร
การหลุดพ้น? หลุดพ้นบ้าอะไร โรคแต่กำเนิดทำอะไรได้ไหม?
ว่ากันตามตรงแล้วเราไม่ชอบให้ใครมาพูดอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่นับถือศาสนาแบบสุดๆ คุยกันแทบไม่รู้เรื่อง
ไม่ใจเย็น? ไม่มีอะไรแบบนั้น การพูดคุยคือการทำความเข้าใจ เราไม่สามารถเข้าใจเค้าได้
แต่นอนว่าคนที่เราเจออาจจะไม่ใช่คนที่นับถือแบบมีหลักการ
ปล. อย่าจริงจังเลย กระทู้นี้สร้างขึ้นมาเพื่อบ่นและถามในตัว
หมายเหตุ : ขออภัยที่เนื้อหาบางส่วนอาจจะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม ในเมื่อไม่ถูกใจเราก็ต้องพูดว่า "เรื่องของคุณ"
ปล . อาจจะมีคำพูดที่รุนแรงและไม่เหมาะสม หากไม่พอใจ ไปกินข้าวแล้วนอน ตื่นมาแล้วก็ลืม
หากยังติดใจหรือไม่ลืม ก็ทำซ้ำอีกร้อยรอบ เผื่อจะลืม
หากยังไม่หาย เจ้าของกระทู้ต้องถามว่า ชีวิตว่างรึไงที่มาคิดอะไรแบบนี้
ปล. ยังจะมีใครตอบคำถามเราไม่นะ ชั่งมันเถอะ