ถึงขั้นยุบพรรค! กกต.เรียกสอบ ก้าวไกล ปมภาพ "ค้อนเคียว" เป็นปฏิปักษ์การปกครอง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7702024
ก้าวไกลงง กกต. เรียกสอบ หลังถูกร้องภาพ “ค้อนเคียว” เป็นปฏิปักษ์การปกครอง พ่วงปมธนาธร-ปิยะบุตร ครอบงำพรรค โทษถึงขั้นยุบพรรค
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2566 พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเอกสารด่วนที่สุดถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 โดยมีใจความส่วนหนึ่งว่า
“
ด้วยคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92(2)
และยินยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค ‘เพื่อไทย’ กระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค ’เพื่อไทย’ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 และขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 คณะกรรมการรวมรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงขอทราบข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้
ขอทราบว่าตามที่พรรคก้าวไกลได้โพสต์ข้อความและรูปภาพทาง Facebook Fanpage เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ในหัวข้อ เตรียมพบกับซีรีส์ชุด ปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกล นั้น โพสต์ดังกล่าวมีความหมายว่าอย่างไร และตัวละครตามที่ปรากฏในภาพตามโพสต์หมายถึงผู้ใด อย่างไร สื่อความหมายว่าอย่างไร และสัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวที่ปรากฏในภาพตามโพสต์นั้น สื่อความหมายว่าอย่างไร และเหตุใดจึงต้องใช้สัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวประกอบตัวละครในโพสต์ดังกล่าว
โดยพรรคก้าวไกลให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า
“
ป๊าดดดดดด!!! ไม่ได้ดูเลยว่ามันคือการ์ตูนแนะนำเครือข่ายแรงงาน ก็ต้องมีทั้งจักรเย็บผ้า มีทั้งยางรถยนต์ เครื่องจักร มีทั้งประแจ มีทั้งไขควง และแน่นอน มันต้องมี ค้อน และ เคียว! เพราะเราตั้งใจสื่อถึงเครื่องมือที่คนทำงานสร้างโลกนี้ขึ้นมา”
พรรคก้าวไกล ชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในเอกสารที่ กกต. ส่งมา ก็มีการเขียนผิดเขียนถูก ตั้งใจส่งถึง “
พรรคก้าวไกล” แต่กลับพิมพ์ชื่อพรรคผิดเป็นเป็นชื่อ “
พรรคเพื่อไทย”
“
นี่แหละนะ คือนิติสงคราม คือการเอาคดีความต่างๆ มายัดทำให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน ต้องเสียเวลาไปชี้แจง หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง ส่วนนักร้องก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ไล่กล่าวหาคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย” พรรคก้าวไกลระบุ
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/pfbid02huXxPv58JhhGgPMZ2nrbR1XdnNKMomWH99gBBmBQ7WvpF2xFq2Y67y84TKutPMNNl
พิธา เสนอ’ชัชชาติ’ แก้กม.เปลี่ยนโครงสร้าง ยึดโมเดลปารีส เลือกนายกเขต ช่วยผู้ว่าฯกทม.บริหารงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4016313
พิธา เสนอ’ชัชชาติ’ แก้กฎหมายเปลี่ยนโครงสร้างทำงาน ยึดโมเดลปารีส เลือกนายกเขต ช่วยผู้ว่าฯกทม.บริหารงาน
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าพบผู้บริหาร กทม. ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พร้อมว่าที่ ส.ส.กรุงเทพฯ และตัวแทน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรค ก.ก. เข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อร่วมพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนประเด็นและแนวทางการทำงานร่วมกัน นายชัชชาติกล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกลของ กทม. 32 คน แต่มา 29 คน และทีมงานเข้มแข็งของก้าวไกล รวมถึง ส.ก.อีก 3 คนมาร่วม เป็นนิมิตหมายที่ดี การขับเคลื่อนหลายอย่างไปข้างหน้า ความร่วมมือคือสิ่งสำคัญ ว่าที่ ส.ส.ลงพื้นที่มีฟีดแบ๊กจากประชาชนหลายด้าน รวมทั้งการเห็นปัญหา การมีเทคโนโลยีในหน่วยงานเข้มแข็ง จะทำให้เราหาคำตอบที่ดีให้กับเมืองได้ เชื่อว่าวันนี้เป็นก้าวแรกของการเดินทางไกล ผนึกทำงานร่วมแบบไร้รอยต่อ
นาย
พิธากล่าวว่า ปัญหาหลายเรื่องใน กทม.คาราคาซังมานาน หรือปัญหาใหม่ความท้าทายใหม่ๆ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าแก้ไขได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระดับรัฐบาล นายกฯ มาที่สภาผู้แทนราษฎร มาที่ผู้ว่าฯกทม. มาที่สภา กทม. การแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ด้านกฎหมาย หรือแม้แต่การประสานงานเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถทำให้ กทม.ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น
“
รับข้อเสนอจากผู้ว่าฯทั้งหมด 21 ข้อ ท่านทำคนเดียวไม่ได้ ต้องประสานงานกับเรา เพื่อให้เราไม่ว่า ส.ส. 32 คน ที่อยู่ใน กทม.ก็ดี ในการผ่านกฎหมาย ให้ท่านผู้ว่าฯทำงานได้ ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหา PM2.5 ใน กทม. ส่วนใหญ่มาจากการเดินทางของรถ ถ้าต่ำกว่า 4 ล้อ กทม.มีอำนาจกำหนด แต่ถ้ามากกว่า 4 ล้อ เป็นอำนาจของกระทรวงอื่น เป็นต้น การทำงานแบบไร้รอยต่อ (Seamless Bangkok) จะสามารถแก้ปัญหาใน กทม.ได้ขนาดไหน” นาย
พิธากล่าวและว่า กทม.ไม่มีกลไกท้องถิ่นระดับรองลงมาในการจัดทำบริการสาธารณะเหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ระดับการทำงานที่เป็นแขนขาให้ผู้ว่าฯ ก็ยังไม่มีเหมือนจังหวัดอื่นๆ ทำให้บุคลากรของ กทม.ทำงานลำบาก เรามีฝ่ายบริหาร มีสภากรุงเทพมหานคร มี ส.ก.ที่มาจากการเลือกตั้ง ใกล้ชิดประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบ แก้ไข ออกข้อบัญญัติ แต่ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง เป็นโครงสร้างปัจจุบันที่ไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องกรุงเทพฯได้มากน้อยเพียงใด
นาย
พิธากล่าวต่อว่าสิ่งที่ต้องการคือกฎหมายเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทำงาน อยากเห็นการแก้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะปรับโครงสร้างใหม่ ให้มีการเลือกตั้งนายกเขต ไม่จำเป็นต้องเยอะแต่ควรแบ่งเป็นโซนคล้ายปารีส เป็นนายกเขตในแต่ละพื้นที่ ช่วยผู้ว่าฯบริหารให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้จริง แล้วสภา กทม.ตรวจสอบตรงนี้ อาจจะเป็นการรวมงบประมาณ ทำงานอย่างไร้รอยต่อของแต่ละเขตได้ดีมากขึ้น สามารถถกเถียงต่อได้ในรายละเอียด เพื่อมีสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) แก้ไขปัญหาใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากขึ้น มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ปัญหาความเดือดร้อน ถนนชำรุด น้ำท่วม ไฟดับ ก็ได้รับการแก้ไขโดยเร็วโดยไม่ต้องกลับมาส่วนกลาง กทม. แบ่งเบาภาระผู้ว่าฯกทม.
“ประเสริฐ” หุ้นสื่อ “พิธา” เรื่องภายในก้าวไกลไม่คุยวง 8 พรรค
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_562980/
“ประเสริฐ” โบ้ยหุ้นสื่อ”พิธา”เป็นเรื่องภายในก้าวไกล ไม่คุยวงประชุมพรรคร่วม ไม่พูดแบ่งตำแหน่ง จี้ กกต.เร่งรับรอง ส.ส.
นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยก่อนประชุมแกนนำ 8พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ 2 ที่พรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้เป็นการประชุมสืบเนื่องจากเมื่อวานที่คณะทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งหมด 8 พรรคได้หารือกัน และจะนำข้อหารือเมื่อวานนี้มา นำเสนอต่อแกนนำพรรคร่วมทั้ง 8พรรค เพื่อกำหนดเป็นนโยบายในอนาคต
ส่วนประเด็นเรื่องการถือหุ้นสื่อของนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อาจจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรืออุบัติเหตุทางการเมือง ในอนาคตหรือไม่นั้น นาย
ประเสริฐมองว่า ประเด็นหุ้นไอทีวีคงเป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล วันนี้คงไม่มีการหารือประเด็นนี้ในวงประชุม และทราบว่าพรรคก้าวไกลได้เตรียมแก้ไข ข้อกังขาอยู่แล้ว ก็คิดว่าจะผ่านไปด้วยดีสำหรับพรรคก้าวไกล
ส่วนความชัดเจนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี นาย
ประเสริฐ ระบุว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่คงไม่ใช่วันนี้ เพราะจะต้องให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งก่อน เพื่อจะได้รู้จำนวนสมาชิกของแต่ละพรรคที่เป็นทางการและแน่นอน ซึ่งมองว่าช่วงนี้ยังมีเวลา หากนับจากวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. ตอนนี้ยังไม่ถึงเดือน โดยกกต.สามารถรับรองได้ภายใน 60 วันและเชื่อว่าหากก.ก.ต.รับรองแล้ว ภาพจะชัดเจนโดยเฉพาะตำแหน่งต่างๆที่ยังคาราคาซังอยู่
สำหรับกรณีที่มี ว่าที่ ส.ส.เกือบ 20 คน ที่มีเรื่องเกี่ยวกับการถูกคำร้องวางแนวทางอย่างไรสำหรับตัวเลขในการจัดตั้งรัฐบาล มองว่า คงจะต้องดูผลการรับรองของ กกต.ก่อนด้วย หากที่ยังไม่รับรองมีเพียง 5% แต่รับรองไปแล้ว 95% ก็สามารถทำให้เปิดสภาฯ ได้ ซึ่งคิดว่าทุกพรรคการเมืองคงจับตาดูตรงนี้ ส่วนว่าแต่ละพรรคนั้นใครจะโดนเรื่องอะไรตนเองคงไม่ทราบจริง
JJNY : ถึงขั้นยุบพรรค! กกต.เรียกสอบก้าวไกล│พิธาเสนอ’ชัชชาติ’│“ประเสริฐ” หุ้นสื่อ“พิธา” เรื่องภายในก้าวไกล│ยูเครนอพยพปชช.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7702024
ก้าวไกลงง กกต. เรียกสอบ หลังถูกร้องภาพ “ค้อนเคียว” เป็นปฏิปักษ์การปกครอง พ่วงปมธนาธร-ปิยะบุตร ครอบงำพรรค โทษถึงขั้นยุบพรรค
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2566 พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเอกสารด่วนที่สุดถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 โดยมีใจความส่วนหนึ่งว่า
“ด้วยคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92(2)
และยินยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค ‘เพื่อไทย’ กระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค ’เพื่อไทย’ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 และขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 คณะกรรมการรวมรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงขอทราบข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้
ขอทราบว่าตามที่พรรคก้าวไกลได้โพสต์ข้อความและรูปภาพทาง Facebook Fanpage เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ในหัวข้อ เตรียมพบกับซีรีส์ชุด ปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกล นั้น โพสต์ดังกล่าวมีความหมายว่าอย่างไร และตัวละครตามที่ปรากฏในภาพตามโพสต์หมายถึงผู้ใด อย่างไร สื่อความหมายว่าอย่างไร และสัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวที่ปรากฏในภาพตามโพสต์นั้น สื่อความหมายว่าอย่างไร และเหตุใดจึงต้องใช้สัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวประกอบตัวละครในโพสต์ดังกล่าว
โดยพรรคก้าวไกลให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า
“ป๊าดดดดดด!!! ไม่ได้ดูเลยว่ามันคือการ์ตูนแนะนำเครือข่ายแรงงาน ก็ต้องมีทั้งจักรเย็บผ้า มีทั้งยางรถยนต์ เครื่องจักร มีทั้งประแจ มีทั้งไขควง และแน่นอน มันต้องมี ค้อน และ เคียว! เพราะเราตั้งใจสื่อถึงเครื่องมือที่คนทำงานสร้างโลกนี้ขึ้นมา”
พรรคก้าวไกล ชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในเอกสารที่ กกต. ส่งมา ก็มีการเขียนผิดเขียนถูก ตั้งใจส่งถึง “พรรคก้าวไกล” แต่กลับพิมพ์ชื่อพรรคผิดเป็นเป็นชื่อ “พรรคเพื่อไทย”
“นี่แหละนะ คือนิติสงคราม คือการเอาคดีความต่างๆ มายัดทำให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน ต้องเสียเวลาไปชี้แจง หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง ส่วนนักร้องก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ไล่กล่าวหาคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย” พรรคก้าวไกลระบุ
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/pfbid02huXxPv58JhhGgPMZ2nrbR1XdnNKMomWH99gBBmBQ7WvpF2xFq2Y67y84TKutPMNNl
พิธา เสนอ’ชัชชาติ’ แก้กม.เปลี่ยนโครงสร้าง ยึดโมเดลปารีส เลือกนายกเขต ช่วยผู้ว่าฯกทม.บริหารงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4016313
พิธา เสนอ’ชัชชาติ’ แก้กฎหมายเปลี่ยนโครงสร้างทำงาน ยึดโมเดลปารีส เลือกนายกเขต ช่วยผู้ว่าฯกทม.บริหารงาน
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ศาลาว่าการ กทม.1 (เสาชิงช้า) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าพบผู้บริหาร กทม. ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พร้อมว่าที่ ส.ส.กรุงเทพฯ และตัวแทน สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรค ก.ก. เข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อร่วมพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนประเด็นและแนวทางการทำงานร่วมกัน นายชัชชาติกล่าวว่า ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกลของ กทม. 32 คน แต่มา 29 คน และทีมงานเข้มแข็งของก้าวไกล รวมถึง ส.ก.อีก 3 คนมาร่วม เป็นนิมิตหมายที่ดี การขับเคลื่อนหลายอย่างไปข้างหน้า ความร่วมมือคือสิ่งสำคัญ ว่าที่ ส.ส.ลงพื้นที่มีฟีดแบ๊กจากประชาชนหลายด้าน รวมทั้งการเห็นปัญหา การมีเทคโนโลยีในหน่วยงานเข้มแข็ง จะทำให้เราหาคำตอบที่ดีให้กับเมืองได้ เชื่อว่าวันนี้เป็นก้าวแรกของการเดินทางไกล ผนึกทำงานร่วมแบบไร้รอยต่อ
นายพิธากล่าวว่า ปัญหาหลายเรื่องใน กทม.คาราคาซังมานาน หรือปัญหาใหม่ความท้าทายใหม่ๆ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าแก้ไขได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระดับรัฐบาล นายกฯ มาที่สภาผู้แทนราษฎร มาที่ผู้ว่าฯกทม. มาที่สภา กทม. การแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ด้านกฎหมาย หรือแม้แต่การประสานงานเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถทำให้ กทม.ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น
“รับข้อเสนอจากผู้ว่าฯทั้งหมด 21 ข้อ ท่านทำคนเดียวไม่ได้ ต้องประสานงานกับเรา เพื่อให้เราไม่ว่า ส.ส. 32 คน ที่อยู่ใน กทม.ก็ดี ในการผ่านกฎหมาย ให้ท่านผู้ว่าฯทำงานได้ ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหา PM2.5 ใน กทม. ส่วนใหญ่มาจากการเดินทางของรถ ถ้าต่ำกว่า 4 ล้อ กทม.มีอำนาจกำหนด แต่ถ้ามากกว่า 4 ล้อ เป็นอำนาจของกระทรวงอื่น เป็นต้น การทำงานแบบไร้รอยต่อ (Seamless Bangkok) จะสามารถแก้ปัญหาใน กทม.ได้ขนาดไหน” นายพิธากล่าวและว่า กทม.ไม่มีกลไกท้องถิ่นระดับรองลงมาในการจัดทำบริการสาธารณะเหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ระดับการทำงานที่เป็นแขนขาให้ผู้ว่าฯ ก็ยังไม่มีเหมือนจังหวัดอื่นๆ ทำให้บุคลากรของ กทม.ทำงานลำบาก เรามีฝ่ายบริหาร มีสภากรุงเทพมหานคร มี ส.ก.ที่มาจากการเลือกตั้ง ใกล้ชิดประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบ แก้ไข ออกข้อบัญญัติ แต่ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง เป็นโครงสร้างปัจจุบันที่ไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องกรุงเทพฯได้มากน้อยเพียงใด
นายพิธากล่าวต่อว่าสิ่งที่ต้องการคือกฎหมายเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทำงาน อยากเห็นการแก้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะปรับโครงสร้างใหม่ ให้มีการเลือกตั้งนายกเขต ไม่จำเป็นต้องเยอะแต่ควรแบ่งเป็นโซนคล้ายปารีส เป็นนายกเขตในแต่ละพื้นที่ ช่วยผู้ว่าฯบริหารให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้จริง แล้วสภา กทม.ตรวจสอบตรงนี้ อาจจะเป็นการรวมงบประมาณ ทำงานอย่างไร้รอยต่อของแต่ละเขตได้ดีมากขึ้น สามารถถกเถียงต่อได้ในรายละเอียด เพื่อมีสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) แก้ไขปัญหาใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากขึ้น มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ปัญหาความเดือดร้อน ถนนชำรุด น้ำท่วม ไฟดับ ก็ได้รับการแก้ไขโดยเร็วโดยไม่ต้องกลับมาส่วนกลาง กทม. แบ่งเบาภาระผู้ว่าฯกทม.
“ประเสริฐ” หุ้นสื่อ “พิธา” เรื่องภายในก้าวไกลไม่คุยวง 8 พรรค
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_562980/
“ประเสริฐ” โบ้ยหุ้นสื่อ”พิธา”เป็นเรื่องภายในก้าวไกล ไม่คุยวงประชุมพรรคร่วม ไม่พูดแบ่งตำแหน่ง จี้ กกต.เร่งรับรอง ส.ส.
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยก่อนประชุมแกนนำ 8พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ 2 ที่พรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้เป็นการประชุมสืบเนื่องจากเมื่อวานที่คณะทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งหมด 8 พรรคได้หารือกัน และจะนำข้อหารือเมื่อวานนี้มา นำเสนอต่อแกนนำพรรคร่วมทั้ง 8พรรค เพื่อกำหนดเป็นนโยบายในอนาคต
ส่วนประเด็นเรื่องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อาจจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรืออุบัติเหตุทางการเมือง ในอนาคตหรือไม่นั้น นายประเสริฐมองว่า ประเด็นหุ้นไอทีวีคงเป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล วันนี้คงไม่มีการหารือประเด็นนี้ในวงประชุม และทราบว่าพรรคก้าวไกลได้เตรียมแก้ไข ข้อกังขาอยู่แล้ว ก็คิดว่าจะผ่านไปด้วยดีสำหรับพรรคก้าวไกล
ส่วนความชัดเจนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี นายประเสริฐ ระบุว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่คงไม่ใช่วันนี้ เพราะจะต้องให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งก่อน เพื่อจะได้รู้จำนวนสมาชิกของแต่ละพรรคที่เป็นทางการและแน่นอน ซึ่งมองว่าช่วงนี้ยังมีเวลา หากนับจากวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. ตอนนี้ยังไม่ถึงเดือน โดยกกต.สามารถรับรองได้ภายใน 60 วันและเชื่อว่าหากก.ก.ต.รับรองแล้ว ภาพจะชัดเจนโดยเฉพาะตำแหน่งต่างๆที่ยังคาราคาซังอยู่
สำหรับกรณีที่มี ว่าที่ ส.ส.เกือบ 20 คน ที่มีเรื่องเกี่ยวกับการถูกคำร้องวางแนวทางอย่างไรสำหรับตัวเลขในการจัดตั้งรัฐบาล มองว่า คงจะต้องดูผลการรับรองของ กกต.ก่อนด้วย หากที่ยังไม่รับรองมีเพียง 5% แต่รับรองไปแล้ว 95% ก็สามารถทำให้เปิดสภาฯ ได้ ซึ่งคิดว่าทุกพรรคการเมืองคงจับตาดูตรงนี้ ส่วนว่าแต่ละพรรคนั้นใครจะโดนเรื่องอะไรตนเองคงไม่ทราบจริง