Aichi Exchange 2023 เมื่อผมได้รับเกียรติให้เป็นเยาวชนแลกเปลี่ยน ณ เมืองไอจิ ตอนที่2/4

🔴Day3 ผมสัญญากับเพื่อนผมไว้ว่าจะไปปลุกครับ ตื่นมาเสร็จเลยออกจากห้อง แล้วพอประตูปิด ปั๊ง! ผมก็นึกได้ว่าผมลืมคีย์การ์ดไว้ในห้อง😭เลยแก้ปัญหาด้วยการใช้โทรศัพท์ห้องเพื่อนโทรหาประชาสัมพันธ์ครับ ซึ่งสื่อสารกันลำบากมาก เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ ผมเลยใช้translateเปิดญี่ปุ่นให้เขาฟังไปเลย ซึ่งอยากบอกว่าสถานการณ์นี้สะท้อนความใส่ใจของคนญี่ปุ่นได้ดีมากครับ ไม่ถึง1นาทีก็มีพนักงานมาเปิดประตูให้ ผมเลยเปิดพาสปอร์ตในห้องโชว์หน้าให้ดูหนึ่งที ว่าตัวจริงนะว้อยยยไม่ได้เป็นโจร พร้อมก้มโค้งสวยๆหนึ่งทีเป็นการขอบคุณ 

ประมาณ09:00 ผมก็รอโฮสต์มารับครับ แอบลุ้นๆมากๆว่าจะเป็นยังไง ซึ่งโฮสต์ก็มาตรงเวลามากๆ 

คุณโฮสต์มีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากสวิตช์เซอร์แลนด์มาอยู่ด้วย ผมเลยไม่ต้องกังวลมากเรื่องภาษาอังกฤษครับ แต่สิ่งที่ทำผมดีใจและเกร็งน้อยลงไปอีก300% (สิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนใครจับผมลงไปจุ่มในบ่อออนเซ็น) คือตอนที่โฮสต์พูดภาษาไทยแล้วก็บอกว่าเคยมาอยู่ที่ไทยถึง4ปี เราเริ่มการคุยกันเล่นๆไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดมาก ด้วยการพูดถึงประเทศไทย การเดินทางของผมว่าเคยท่องเที่ยวที่ไหนมาบ้าง  โฮสต์ยังถามผมด้วยว่ามีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษมั้ย มีอาหารอะไรที่ชอบเป็นพิเศษรึป่าว แล้วมีอะไรที่กินไม่ได้ได้มั้ย 
โฮสต์ขับรถพาผมมาที่ศาลเจ้า ตอนนั้นฝนตกเล็กน้อย แต่อากาศสดชื่น เต็มปอดมากๆเลยครับ 

ถึงที่บ้านโฮสต์ช่วงเวลาประมาณ 11:00 โฮสต์ก็ชงชามาให้ครับ จากนั้นก็ได้พบกับลูกชายของโฮสต์ ซึ่งน้องน่ารักมากๆ(อายุประมาณ12ปี)แม้จะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เท่าไหร่แต่ก็พยายามคุยกันครับ โฮสต์เชิญผมนั่งในจังหวะที่ผมพาดสายตาไปเห็นโต๊ะโคตะทสึ(คือจริงๆผมก็ไม่รู้จักชื่อมันหรอกครับ แอบมาเสริชเอาทีหลัง55)เลยขอโฮสต์เข้าไปนั่งซุก ไม่เคยคิดว่ามันจะอุ่นจนกระทั่งได้เข้าไปซุกครับ เลยขอโฮสต์เขามุดเข้าไปดูว่ามันมีกลไกอะไร ผลสรุปหลังจากผมเป็นลูกแมวน้อยเข้าไปมุดดู คือมันมีฮีทเตอร์ครับ (โฮสต์บอกว่าสมัยก่อนใช้ถ่านร้อนๆใส่ไปแทน) เป็นอะไรที่ฟินมากๆครับ อากาศข้างนอกที่ชื้นๆ เจอโต๊ะอุ่นๆเข้าไปก็ฟินเลยทีเดียว ถ้าได้หนังสือดีๆซักเล่ม ผมคงอยู่ได้เป็นวันเลย 

จากนั้นอาหารก็พร้อมสำหรับทุกคนครับ มื้อนี้เป็นบะหมี่เย็น เทมปุระ และเฟรนซ์ฟรายด์ทานเล่นปิดท้ายครับ (ผมคิดว่าโฮสต์น่าจะทำโดยใส่ความเป็นไทยลงไปนิดๆแน่ เพราะมื้อนี้ผมถูกปากขึ้นมากๆ)  เรานั่งคุยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจญี่ปุ่น รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งไทยด้วยครับ (วันนั้น14 พฤษภาคมพอดี555) 

จากนั้นเราก็เล่นบอร์ดเกมกันที่โต๊ะโคตะทสึ(โต๊ะอุ่นๆที่ผมชอบนั่นแหละครับ) โฮสต์ก็ชงชาร้อนๆมาให้จิบ และมีช็อคโกแลตของโปรดผมให้กินไม่อั้นตลอดด้วย สรุปผลของบอร์ดเกม ผู้ชนะก็เป็นผมเองครับ555 

ช่วงบ่ายโฮสต์พาไปช็อปปิ้งที่ห้างครับ ผมเองเป็นคนชอบแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ที่นี่ร้านทั่วไปอย่างพวกไดโซะ มูจิ หรือแม้แต่ Uniqlo ถูกกว่าที่ไทยประมาณ 20-30% เลยครับ เรียกได้ว่ามีจังหวะเอาเงินออกมาใช้ซักที หลังจากที่แม่โทรมาสั่งว่าใช้เงินให้หมดด้วย ช่วงนี้ค่าเงินญี่ปุ่นอ่อน5555  ผมถือโอกาสแวะร้านหนังสือไปซื้อHarry Potterฉบับญี่ปุ่นมาด้วย1เล่มเพื่อเก็บเข้าคอลเลคชั่นครับ

จากนั้นก็กลับบ้านโฮสต์ไปทานมื้อเย็น โฮสต์บอกว่ามื้อนี้จะเป็นซูชิ ผมก็นึกว่าจะเป็นแบบสำเร็จรูป แต่ไม่ครับ มันคือซูชิแบบทำกินเอง ที่โฮสต์ทำเองตั้งแต่ไข่ม้วนยันหุงข้าว ซึ่งข้าวเนี่ยเราเอาผสมน้ำส้มสายชูเสร็จแล้วก็ต้องพัดให้ข้าวเย็นเพื่อข้าวจะได้ไม่แฉะ   แม้ตอนทำจะลำบาก แต่รสชาติออกมาคุ้มค่าเลยครับ (น่าจะเป็นซูชิที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินเลย)


ตอนไปนั่งซุกที่โต๊ะโคตะทสึ ผมก็รู้สึกประทับใจแล้วก็อิ่มอกอิ่มใจมากครับ ระหว่างนั้นข่าวเลือกตั้งที่ไทยมาออกที่ญี่ปุ่นพอดี ผมนี่แทบจะกรี๊ดเลยตอนโฮสต์เรียกให้ดูแล้วหันไปเห็นหน้าพลเอกประยุทธ์ 5555 

ผมนอนเล่นกับลูกชายของโฮสต์อยู่ซักพัก น้องน่ารักมากจริงๆครับ (จากใจคนไม่มีน้องชายรู้สึกอยากให้แม่คลอดมาเพิ่มอีกคนเลย) ได้สอนน้องพูดอังกฤษด้วย (ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้เก่ง55) ซักพักผมก็ต้องกลับครับ จริงๆแอบเลยเวลามาแล้ว แต่เพราะผมและโฮสต์แจ้งล่วงหน้าไปทางทีมงานก่อนเลยไม่มีปัญหาอะไรครับ ซึ่งก็ต้องแจ้งเหตุผลอะไรจริงจังมาก เป็นอะไรที่ญี่ปุ่นจริงๆ🥹

แรกๆที่แอบกลัวว่าจะเกร็ง และคิดมาตั้งแต่แรกว่าคงเป็นวันที่น่าเบื่อ แต่พอได้มาใช้เวลากับโฮสต์ วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของทริปเลยครับ ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากๆและสนุกมากๆเช่นเดียวกัน  ผมให้ของฝากโฮสต์เป็นกางเกงช้างไป1ตัวครับ555
ก่อนกลับผมขออนุญาตโฮสต์ ถ่ายภาพบ้านโฮสต์เอาไว้ด้วย
(ถ้าคุณโยโกะได้มาเห็น ผมขอขอบคุณมากๆเลยครับ วันนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆของผม ขอบคุณสำหรับอาหาร การดูแลต้อนรับที่ดี ไว้ถ้ามีโอกาส หวังว่าผมจะได้ต้อนรับคุณโยโกะแบบนี้เช่นกันนะครับ)

กลับมาที่โรงแรม เรื่องที่ช็อคมากคือพนักงานที่นี่เก็บห้องได้เนี๊ยบมากครับ ชนิดที่ว่าใหม่กริ๊บเหมือนห้องใหม่ทุกอย่าง แต่ของที่เป็นของส่วนตัวเราพนักงานไม่แตะอะไรเลย องศาถุงขนมผมวางไว้ยังไงก็อย่างเดิม

🔴Day 4 วันนี้ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมปลายของที่นี่ครับ ทันที่ลงรถหน้าตาทุกบานจากบนอาคารถูกเปิด พร้อมกับเสียงซุบซิบ และการทักทายแบบน่ารักมาก555 ผมเองยังแอบตกใจเลย

จากนั้นก็เดินชมโรงเรียนครับ ซึ่งก็มีทุกอย่าง สนามเทนนิส โรงยิม ห้องล็อคเกอร์ ทุกอย่างนี่เต็มที่มากๆ ด้วยพื้นที่ขนาดนี้ ผมเลยเดาจำนวนนักเรียนไว้ว่าคงซักประมาณ1,800คน ผลสรุปคือ ผมเดาผิดครับ ผิดไปถึงครึ่งนึง เพราะที่นี่มีนักเรียนแค่900คนเท่านั้น 
หลังจากมดินชมโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ก็มากล่าวคำต้อนรับ เสร็จแล้วก็เป็นการทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนญี่ปุ่นที่นี่ ช่วงเช้าเป็นการทำความรู้จักกันเล็กๆน้อยๆ  ระหว่างนี้มีนักข่าวท้องถิ่นมาทำข่าวเรื่องพวกเราด้วยครับ 

จากนั้นเราก็พักทานข้าวเที่ยงกันครับ เลยได้ถือโอกาสขอถ่ายรูปเบนโตะ(ข้าวห่อ ของนักเรียนที่นี่) เพิ่งรู้ว่าที่นี่ไม่มีโรงอาหารก็วันนี้นี่แหละ 

ช่วงบ่ายก็เป็นการเล่นบอร์ดเกมเกี่ยวกับSDG(s)ครับ สนุกมากกกกกกกก 


จากนั้นก็พาไปเดินดูชมรมต่างๆครับ แต่มหนึ่งชมรมที่ผมติดใจมาก คือชมรมเครื่องดนตรีของที่นี่ หน้าตามันจะคล้ายๆกับจะเข้ จากใจคนที่หัวทางดนตรีเป็น0(ชนิดที่ฮัมเพลงชาติก็เพี้ยน)พอถูกอาจารย์ที่นี่ชมว่ามีพรสวรรค์ ผมแทบอยากจะเก็บกระเป๋าย้ายมาอยู่ที่นี่เลยครับ หุหุ 

ไม่นานนักก็ต้องบอกลากับเพื่อนๆที่นี่อีกแล้ว แอบใจหายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี 15นาทีที่แสนจะเศร้าแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ เราแลกไอจี ถ่ายรูป ให้ของฝากกันครับ 
ตอนเข้ากลุ่มทำความรู้จัก มีเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบวิชาสังคมและประวัติศาสตร์เหมือนกับผม เขาถามผมว่าพูดชื่อกรุงเทพเต็มๆให้ฟังได้มั้ย ผมเลยจัดให้ตามคำขอแต่อาจจะติดทำนองอัสนีวัสสันต์ไปหน่อย ขอโทษด้วยนะโคซาคุ555 ก่อนกลับผมเลยเขียนชื่อกรุงเทพเต็มๆไปให้ครับ 

ซีนบอกลาเป็นอะไรที่เศร้ามากครับ ฝนเทลงมาพอดี จังหวะที่ก้าวขึ้นรถมองออกมานอกหน้าต่าง รู้สึกว่านี่มันหนังเศร้าชัดๆ น้ำตาที่เกือบไหลก็ซึมออกมาอยู่ขอบตาละ ทุกคนน่ารักมากๆจริงๆครับ


จบวันที่4 ผมก็ตระหนักว่า เอ้า นี่ผมใกล้จะได้กลับละนี่ เวลาผ่านไปค่อนข้างจะไวเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่