ขอมาแชร์ประกบการณ์และรำลึกอดีต ออแพร์บนหุบเขา ฤดูใบไม้ร่วงที่ Pennsylvania แถมเรื่อง Camp Counselor ด้วยค่ะ
ว่าจะเล่ามานานแล้วค่ะ พอมีไฟเล่าก็มีอะไรมาขวางเสมอ เคยตั้งกระทู้ไว้ก็ไม่จบซักที อ๊ายอาย 555
ขอเล่ารวมๆไปเลยแล้วกันนะคะเพราะผ่านมานานมากทั้ง Camp Counselor และ ออแพร์ ที่อเมริกา
รูปจะเยอะหน่อยๆ ขอโทษด้วยนะคะ ><
เดือนนี้ของปีที่แล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านหลังที่สองพร้อมอดีตแฟนที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีปัจจุบันและโซ่ท้องเส้นอวบๆ 1 เส้น
เป็นครั้งแรกที่โซ่น้อยนี้จะได้เจอญาติฝั่งกระโน่น คุณย่าน้องเคยมาหาน้องแล้วที่ไทยและนัดเจอเสียงตามสายผ่านสไกป์ทุกเย็น
จนได้โอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวสามีและโฮสต์ที่เพนซิเวเนียเดือนตุลาปีที่แล้ว พร้อมพาลูกสาวไปเจอคุณย่าและญาติทุกคนด้วย
เราเคยเป็นออแพร์มาก่อน ไปกับโครงการพี่ธัญญ่า ใครที่เคยหาอ่านเรื่องออแพร์จะรู้ว่าพี่เค้าเป็นออแพร์รุ่นแรกๆ เลยทำให้เราสนใจ
เข้าร่วมโครงการและไปอยู่กับโฮสต์ที่นี่ 1 ปี + โฮสต์ต่อสัญญาแต่เราคิดถึงบ้านเลยขออยู่ไม่เต็มในปีที่สอง (ออแพร์ต่อได้ไม่เกิน 2 ปี)
แม้โฮสต์จะย้ายบ้านไปแล้วเรายังรู้สึกคิดถึงและผูกพันอยู่ บ้านโฮสต์หลังเดิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านสามีเราเลยขอให้เค้าช่วยพากลับไปเยี่ยม
เอารูปวิวมาฝากค่ะ กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจาก Fall เข้า Winter ใบไม้เปลี่ยนสี สวยมากๆ
บ้านแม่สามีและบ้านโฮสต์อยู่นอกเมือง Allentown เมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไร สามีชอบเรียกว่า in the middle of nowhere
บ้านแม่สามีกับบ้านโฮสต์อยู่บริเวณภูเขาเดียวกัน สวนมากเป็นฟาร์ม สวนผลไม้ เป็นไร่ข้าวโพด ถั่ว ข้าวสาลี ฟักทอง
หรือพืชผักที่ใช้ทำอาหารสัตว์ค่ะ หน้าร้อนมีราสเเบอรี่ป่าและบลูเบอรี่ (ปลูก) ขึ้นเต็ม มีฟาร์มสตรอเบอรี่บนเขา ขับรถไป 10 นาที
Farm house ทางไปบ้านเก่าโฮสต์ ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยเชียวค่ะ
ปกติทางจะคดเคี้ยวมาก กวางเยอะด้วย เวลาขับต้องระวัง ถนนบนเขานี้จำกัดความเร็วที่ 40 ไมล์ เราขับเร็วกว่านี้ได้ไม่เกิน 5 ไมล์
ช่วงหน้าหนาวหิมะลงต้องระวังเป็นพิเศษด้วยค่ะ ถนนลื่น แต่ช่วงหน้าร้อนสวย ร่มรื่น ขับเพลินจริงๆ
ถ้าคนที่ชอบในเมือง ชอบปาร์ตี้ ชอบผู้คน คงมาอยู่กับโฮสต์บ้านนี้ยาก หันไปทางไหนก็เจอแต่กวาง สะกั้ง กระรอก ภูเขา
เห็นมุมๆ มีฟาร์มม้าอยู่ประปราย บ้านแม่สามีก็เคยเลี้ยงไว้ตัวนึง เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ปีที่แล้วได้ตายไปแล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อนบนเขาลูกนี้เป็นช่วงที่ต้นไม้ข้างถนนเขียวและเปลี่ยนสีจะสวยมาก มีลำธารเล็กๆตลอดสองข้างทาง
ขับเพลินมาก ตอนนั้นเพลง I’m yours ของเจสัน มาราซกำลังดัง พอเปิดวิทยุสถานีต่างๆเปิดวนวันละหลายสิบรอบ
ช่วงนั้นกำลังอินเลิฟกับแฟน (ตอนนี้เลิกกับแฟนค่ะ เพราะเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามี งุงิ)
ขับรถไปแหกปากร้องเพลงให้น้องๆรำคาญกัน ตัวเองก็อินไปคนเดียว จนบางทีน้องคนโตบ่น
“Ninaaaaa!!! Can we change the song? Why you have to listen to this song over and over again” 555
ถ้าจำไม่ผิดช่วงหน้าร้อนแถวนั้นจะชอบปลูกข้าวโพดด้วย มีทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวโพดหวาน
ชาวสวนจะตั้งโต๊ะเล็กๆข้างทางเอาข้าวโพดสดที่เก็บมาวางบนโต๊ะพร้อมกระป๋องเงิน ถุงพลาสติกรีไซเคิล
และกระดาษเขียนลวกๆว่า 4=$1 หรือฝักละ 25 เซนต์นั่นเอง ให้คนซื้อหยิบเองทอนเอง
ถ้าเป็นบ้านเราสิ...หึหึ คงได้หายทั้งข้าวโพด หายทั้งกระป๋องเงิน 555
หน้าบ้านหลังนึงบนเขา ช่วงที่ไปเป็นฮาโลวีนพอดีก็เริ่มแต่งบ้านรับเทศกาลแล้วค่ะ ถ้าผ่านกลางคืนคงหลอนหน่อยๆ
เห็นหลังคาบ้านเก่าโฮสต์ เราก็น้ำตารื่นเลยค่ะ คิดถึงมากกกก ^^
เรากลับไทยไปตั้งแต่ปี 2010 จากนั้นโฮสต์ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
เรากลับไปเยี่ยมแม่สามีและเข้าโบสถ์แต่งงานเมื่อปี 2012 ก็ไปเยี่ยมโฮสต์ที่บ้านหลังใหม่แล้ว
จากวันนั้น...6 ปีค่ะที่ไม่ได้มา มันมีความผูกพันทางใจมากๆ ก็กินนอนมีเพื่นอเป็นกวางอยู่นี่เกือบ 2 ปี นี่เนอะ
บนเขาลูกนี้เป็นเขตสงวนพันธุ์นกและและสถานที่ปีนเขา(hiking) วันหยุดพ่อแม่ชอบพาลูกมาเรียนรู้ธรรมชาติ
เราเคยไปสลัดไขมันเดินสองครั้ง สนุกดี ใกล้บ้านมาก ขับรถขึ้นเขาไปอีกห้านาทีเพราะห่างจากบ้านหน่อยเดียว
ที่บ้านโฮสต์ที่กว้างมากกก ตอนขายหลังจากที่เรากลับมามีคนเกษียณที่เลี้ยงม้ามาซื้อต่อจะทำคอกเล็กๆเลี้ยงม้า
เรารักบ้านหลังนี้นะ เป็นครึ่งปูนครึ่งไม้ เป็นบ้านเก่าอายุ 200 ปี ที่เอามารีโนเวทใหม่ ใส่ฮีทเตอร์ ใส่แอร์เข้าไป
ช่วงหน้าหนาวเปิดหน้าต่างไม่ได้เลย ขนาดปิดหน้าต่างลมยังพัดเข้าหนาวมาก
ต้องให้โฮสต์แด๊ดเอาฟิล์มพลาสติกมาปิดตายหน้าต่างกันลมเข้า หมดหนาวแล้วค่อยแกะออก
ตอนเย็นเราจะขังตัวอยู่ในห้องเพราะอุ่นกว่า เราเปิดฮีทเตอร์ตัวเล็กระดับที่ไม่ต้องใส่เสื้อหนาว คืออุ่นมาก (ตัวเล็กนี่ไปซื้อมาเองเลย)
โฮสต์พ่อเคยมาเคาะห้องถามอะไรซักอย่าง เปิดประตูปุ๊บประหนึ่งลมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัดออกจากห้องเราปะทะหน้าโฮสต์
แกบ่นว่า ยูเปิดขนาดนี้ค่าไฟบานเลยนะ เราทำหน้าสลดเล็กน้อยแล้วปิดฮีทเตอร์ พอโฮสต์พ่อไปก็เปิดใหม่คือเก่า 555
แอบขอโทษในใจเบาๆ แต่คือขี้หนาวมาก ><
ถนนบนเขา ตอนเขับไปเรียนในเมืองตอนเย็นก็เหงาๆเหมือนกันนะ โดยเฉพาะตอนขับกลับดึกๆ
เราเป็นคนที่หวงเสาร์อาทิตย์ไว้พักหรือเที่ยวมากกกกกกก ฉะนั้นจะเลือกลงเรียนหลังเลิกงานวันธรรมดาเท่านั้นค่ะ หุหุ
วิชาที่เรียนจะเลือกลงเรียนกีต้าร์, First Aid, ดาราศาตร์, วาดรูป ต่างๆนาๆที่ไม่มีวิชาการเกี่ยวข้อง
(แต่ดาราศาสตร์แอบโหดตำราหนาเนื้อหาเยอะ เรียนเสร็จกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว 555)
ที่ไม่ได้เรียนภาษาพวก ELS (English as a second language) เหมือนออแพร์ส่วนใหญ่เพราะเราหาคลาสลงไม่ได้ค่ะ
ไปสมัครและทำเทสต์แล้วเค้าบอกไม่มีคลาสให้ ภาษาอังกฤษเราอยู่ขั้นแอดวานซ์มากกว่าที่เขาเปิดเนื่องจากเรามีพื้นฐานพอสมควร
จากที่จบเอกภาษาอังกฤษ แต่อยากบอกว่าแม้มีพื้นฐานแล้วแต่ยังต้องใช้เวลาปรับการฟังประมาณ 2-3 เดือนกว่าที่จะฟังโฮสต์
พูดเข้าใจทั้งหมดและสามารถดูทีวี ดูรายการต่างๆ ของอเมริกาได้ เลยใช้เครดิตเรียนไปลงวิชาอื่นๆที่ตัวเองสนใจแทนค่ะ
เราไปลงเรียนสองคือ Muhlenberg College อยู่ในตัวเมือง Allentown ขับรถจากบ้าน 45 นาที เป็น college เล็กๆแต่น่าเรียน
แต่ค่าเรียนจะสูงกว่าอีกที่คือ Lehigh Carbon Community College พวกที่เป็น Community College นี่หน่วยเครดิตจะเป็นมิตรกว่า
ESL อาจจะได้เรียนฟรีด้วยค่ะ ออแพร์ที่สนใจไปถึงใหม่ๆลองสอบถามวิทยาลัยชุมชนดูก่อน
มีความอยากอวดในวิชาวาดเขียน 101 พื้นฐานสุดๆ สำหรับคนที่วาดเขียนไม่เป็นเลยยยยยยย
ได้มาเรียนเทคนิคจากอาจารย์ Muhlenberg College รู้เลยว่าก็ทำได้ บรรยากาศสนุกด้วยค่ะ
แต่ละสัปดาห์จะมีโจทย์ต่างๆมาให้ฝึกทำ เอาโครงกระดูกจริงมาให้สเก็ต
ภาพห้อง สิ่งของ ต่างๆ เทคนิคการใช้ชาร์โคลระบายทั่วกระดาษแล้วใช้ยางลบค่อยๆลบให้เป็นรูปที่ต้องการ
จนมีนายแบบมาให้สเก็ต เป็นนายแบบที่ถอดทุกชิ้นบนร่างกาย แต่ขอชื่นชมว่าไม่ว่าจะอาจารย์
หรือนักเรียนเองที่มองหน้ากันตาโตตอนนายแบบถอดเสื้อผ้า แต่ก็ต่างให้ความเคารพกับนายแบบ
ไม่มีแซวหรือพูดอะไรให้เขินอาย เหมือนต่างทำหน้าที่ของใครมัน ผู้หญิงก็วาดไปแบบเขินๆ
เราก็วาดไปเช็ดน้ำหมากไป 555 วาดมือสั่นๆออกมาได้แบบนี้สำหรับเราถือว่าพอใจ (อย่าเอาไปเทียบกับคนวาดเป็นนะคะ ><)
หน้าบ้านตอนหิมะตะมุตะมิ
ออแพร์จากเขตร้อนจะอยากตั้งฐานทัพหน้าเตาผิงตลอดเว ในขณะที่เด็กอัลคาไลน์ไม่เคยอยากอยู่นิ่ง T_T
หน้าบ้านมุมเดียวกันตอนหิมะไม่ตะมุตะมิแล้ว
หน้าระเบียงตอนสะกดกระทั่งคำว่าตะมุตะมิไม่ออก...แต่พอโฮสต์หยิบกล้องขึ้นมาสาวไทยอย่างเราต้องแสดงสปิริตค่ะ 555
แล้วจะมีใช่ม๊า คนที่ไม่เคยเจอหิมะตอนไปแรกพอเจอแล้วจะตื่นเต้นสู้หิมะ รีบวิ่งออกจากรถดึงแก้มตัวเองออกให้มุมปากฉีกยิ้ม
ถ่ายรูป 1 แชะ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถ เร่งฮีทเตอร์ระดับ max 555
ที่นี่ไม่หนาวโหดมากค่ะ วัดได้เบาๆต่ำสุดแค่ -15 องศา ซึ่งตอนที่วัดก็เป็นช่วงหัวค่ำรอเข้าผับเย็นวันศุกร์ (หนาวแค่ไหนก็ยังห่วงเที่ยว) 555
อยู่บ้านโฮสต์เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสใช้เตาอบ เราเรียนทำขนมเองจากเตาบ้านนี้แหละค่ะ หัดไปเรื่อยมีคนชิมเพียบ
ทั้งโฮสต์ทั้งเด็กๆ ทั้งแม่บ้าน (มาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง) ทั้ง babysitter (เด็กมัธยมหารายได้พิเศษมารับช่วงต่อจากเรารอโฮสต์เลิกงงาน)
ส่วนในเรื่องอาหาร เรากินง่ายแค่ไหนแค่อาหารไม่ใช่แค่กินแล้วอิ่มมันเป็นวัฒนธรรม มันเป็นความสุข มันเป็นตัวของเรา
ฉะนั้นอย่างนั้น 1 มื้อต้องมีไข่เจียว ไข่ต้ม น้ำพริกไข่เค็ม
เมนูที่ทำบ่อยสุดรองลงมาจากเมนูไข่สำหรับเราคือ หนมปัง น้ำพริกเผา ไข่ดาว หมูหยอง วัตถุดิบมาจากร้านจีนในเมือง
เสียค่ากินแต่ละอาทิตย์ไม่น้อยเลยค่ะ แฮร่
ปกติออแพร์ก็จะกินอยู่ฟรีกับโฮสต์นี่แหละแต่เราไม่อยากรบกวนโฮสต์ทุกเรื่องพวกเครื่องปรุงวัตถุกิบบางอย่างของไทย
หรือบางทีอยากกินแต่ไม่มีในตู้เย็นเราก็ไปซื้อมาไว้ทำกินเอง โฮสต์งานยุ่งและกลับบ้านดึกบางทีเค้าจะกินมาแล้ว
บางทีก็กินอะไรง่ายๆพวกสลัดซึ่งไม่อยู่ท้องสาวถึกๆอย่างเรา ต้องเน้นข้าว หนมปัง กับข้าวเท่านั้น ><
ไม่คิดว่า เกือบ 10 ให้หลังจะได้มารีวิวแบบนี้ (สมัยนั้นไม่รู้จักพันทิป) เลยไม่มีรูปถ่ายสวยๆเน้นๆมาให้ดู
ไปค้นมาเจอ 2 รูปนี้ ได้กินแบบนี้ก็อุ่นใจอุ่นท้องนอนหลับฝันดีค่ะ 555
ขอเล่าต่อด้านล่าง ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้วพยายามขุดรูปมาเรียงกันแต่ถ้า time line และรูปสลับไปมาบ้างโปรดอภัยนะคะ
กาลครั้งหนึ่ง Au pair//รำลึกอดีตออแพร์บนหุบเขาช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ Pennsylvania, USA
ว่าจะเล่ามานานแล้วค่ะ พอมีไฟเล่าก็มีอะไรมาขวางเสมอ เคยตั้งกระทู้ไว้ก็ไม่จบซักที อ๊ายอาย 555
ขอเล่ารวมๆไปเลยแล้วกันนะคะเพราะผ่านมานานมากทั้ง Camp Counselor และ ออแพร์ ที่อเมริกา
รูปจะเยอะหน่อยๆ ขอโทษด้วยนะคะ ><
เดือนนี้ของปีที่แล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านหลังที่สองพร้อมอดีตแฟนที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีปัจจุบันและโซ่ท้องเส้นอวบๆ 1 เส้น
เป็นครั้งแรกที่โซ่น้อยนี้จะได้เจอญาติฝั่งกระโน่น คุณย่าน้องเคยมาหาน้องแล้วที่ไทยและนัดเจอเสียงตามสายผ่านสไกป์ทุกเย็น
จนได้โอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวสามีและโฮสต์ที่เพนซิเวเนียเดือนตุลาปีที่แล้ว พร้อมพาลูกสาวไปเจอคุณย่าและญาติทุกคนด้วย
เราเคยเป็นออแพร์มาก่อน ไปกับโครงการพี่ธัญญ่า ใครที่เคยหาอ่านเรื่องออแพร์จะรู้ว่าพี่เค้าเป็นออแพร์รุ่นแรกๆ เลยทำให้เราสนใจ
เข้าร่วมโครงการและไปอยู่กับโฮสต์ที่นี่ 1 ปี + โฮสต์ต่อสัญญาแต่เราคิดถึงบ้านเลยขออยู่ไม่เต็มในปีที่สอง (ออแพร์ต่อได้ไม่เกิน 2 ปี)
แม้โฮสต์จะย้ายบ้านไปแล้วเรายังรู้สึกคิดถึงและผูกพันอยู่ บ้านโฮสต์หลังเดิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านสามีเราเลยขอให้เค้าช่วยพากลับไปเยี่ยม
เอารูปวิวมาฝากค่ะ กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจาก Fall เข้า Winter ใบไม้เปลี่ยนสี สวยมากๆ
บ้านแม่สามีและบ้านโฮสต์อยู่นอกเมือง Allentown เมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไร สามีชอบเรียกว่า in the middle of nowhere
บ้านแม่สามีกับบ้านโฮสต์อยู่บริเวณภูเขาเดียวกัน สวนมากเป็นฟาร์ม สวนผลไม้ เป็นไร่ข้าวโพด ถั่ว ข้าวสาลี ฟักทอง
หรือพืชผักที่ใช้ทำอาหารสัตว์ค่ะ หน้าร้อนมีราสเเบอรี่ป่าและบลูเบอรี่ (ปลูก) ขึ้นเต็ม มีฟาร์มสตรอเบอรี่บนเขา ขับรถไป 10 นาที
Farm house ทางไปบ้านเก่าโฮสต์ ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยเชียวค่ะ
ปกติทางจะคดเคี้ยวมาก กวางเยอะด้วย เวลาขับต้องระวัง ถนนบนเขานี้จำกัดความเร็วที่ 40 ไมล์ เราขับเร็วกว่านี้ได้ไม่เกิน 5 ไมล์
ช่วงหน้าหนาวหิมะลงต้องระวังเป็นพิเศษด้วยค่ะ ถนนลื่น แต่ช่วงหน้าร้อนสวย ร่มรื่น ขับเพลินจริงๆ
ถ้าคนที่ชอบในเมือง ชอบปาร์ตี้ ชอบผู้คน คงมาอยู่กับโฮสต์บ้านนี้ยาก หันไปทางไหนก็เจอแต่กวาง สะกั้ง กระรอก ภูเขา
เห็นมุมๆ มีฟาร์มม้าอยู่ประปราย บ้านแม่สามีก็เคยเลี้ยงไว้ตัวนึง เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ปีที่แล้วได้ตายไปแล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อนบนเขาลูกนี้เป็นช่วงที่ต้นไม้ข้างถนนเขียวและเปลี่ยนสีจะสวยมาก มีลำธารเล็กๆตลอดสองข้างทาง
ขับเพลินมาก ตอนนั้นเพลง I’m yours ของเจสัน มาราซกำลังดัง พอเปิดวิทยุสถานีต่างๆเปิดวนวันละหลายสิบรอบ
ช่วงนั้นกำลังอินเลิฟกับแฟน (ตอนนี้เลิกกับแฟนค่ะ เพราะเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามี งุงิ)
ขับรถไปแหกปากร้องเพลงให้น้องๆรำคาญกัน ตัวเองก็อินไปคนเดียว จนบางทีน้องคนโตบ่น
“Ninaaaaa!!! Can we change the song? Why you have to listen to this song over and over again” 555
ถ้าจำไม่ผิดช่วงหน้าร้อนแถวนั้นจะชอบปลูกข้าวโพดด้วย มีทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวโพดหวาน
ชาวสวนจะตั้งโต๊ะเล็กๆข้างทางเอาข้าวโพดสดที่เก็บมาวางบนโต๊ะพร้อมกระป๋องเงิน ถุงพลาสติกรีไซเคิล
และกระดาษเขียนลวกๆว่า 4=$1 หรือฝักละ 25 เซนต์นั่นเอง ให้คนซื้อหยิบเองทอนเอง
ถ้าเป็นบ้านเราสิ...หึหึ คงได้หายทั้งข้าวโพด หายทั้งกระป๋องเงิน 555
หน้าบ้านหลังนึงบนเขา ช่วงที่ไปเป็นฮาโลวีนพอดีก็เริ่มแต่งบ้านรับเทศกาลแล้วค่ะ ถ้าผ่านกลางคืนคงหลอนหน่อยๆ
เห็นหลังคาบ้านเก่าโฮสต์ เราก็น้ำตารื่นเลยค่ะ คิดถึงมากกกก ^^
เรากลับไทยไปตั้งแต่ปี 2010 จากนั้นโฮสต์ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
เรากลับไปเยี่ยมแม่สามีและเข้าโบสถ์แต่งงานเมื่อปี 2012 ก็ไปเยี่ยมโฮสต์ที่บ้านหลังใหม่แล้ว
จากวันนั้น...6 ปีค่ะที่ไม่ได้มา มันมีความผูกพันทางใจมากๆ ก็กินนอนมีเพื่นอเป็นกวางอยู่นี่เกือบ 2 ปี นี่เนอะ
บนเขาลูกนี้เป็นเขตสงวนพันธุ์นกและและสถานที่ปีนเขา(hiking) วันหยุดพ่อแม่ชอบพาลูกมาเรียนรู้ธรรมชาติ
เราเคยไปสลัดไขมันเดินสองครั้ง สนุกดี ใกล้บ้านมาก ขับรถขึ้นเขาไปอีกห้านาทีเพราะห่างจากบ้านหน่อยเดียว
ที่บ้านโฮสต์ที่กว้างมากกก ตอนขายหลังจากที่เรากลับมามีคนเกษียณที่เลี้ยงม้ามาซื้อต่อจะทำคอกเล็กๆเลี้ยงม้า
เรารักบ้านหลังนี้นะ เป็นครึ่งปูนครึ่งไม้ เป็นบ้านเก่าอายุ 200 ปี ที่เอามารีโนเวทใหม่ ใส่ฮีทเตอร์ ใส่แอร์เข้าไป
ช่วงหน้าหนาวเปิดหน้าต่างไม่ได้เลย ขนาดปิดหน้าต่างลมยังพัดเข้าหนาวมาก
ต้องให้โฮสต์แด๊ดเอาฟิล์มพลาสติกมาปิดตายหน้าต่างกันลมเข้า หมดหนาวแล้วค่อยแกะออก
ตอนเย็นเราจะขังตัวอยู่ในห้องเพราะอุ่นกว่า เราเปิดฮีทเตอร์ตัวเล็กระดับที่ไม่ต้องใส่เสื้อหนาว คืออุ่นมาก (ตัวเล็กนี่ไปซื้อมาเองเลย)
โฮสต์พ่อเคยมาเคาะห้องถามอะไรซักอย่าง เปิดประตูปุ๊บประหนึ่งลมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัดออกจากห้องเราปะทะหน้าโฮสต์
แกบ่นว่า ยูเปิดขนาดนี้ค่าไฟบานเลยนะ เราทำหน้าสลดเล็กน้อยแล้วปิดฮีทเตอร์ พอโฮสต์พ่อไปก็เปิดใหม่คือเก่า 555
แอบขอโทษในใจเบาๆ แต่คือขี้หนาวมาก ><
ถนนบนเขา ตอนเขับไปเรียนในเมืองตอนเย็นก็เหงาๆเหมือนกันนะ โดยเฉพาะตอนขับกลับดึกๆ
เราเป็นคนที่หวงเสาร์อาทิตย์ไว้พักหรือเที่ยวมากกกกกกก ฉะนั้นจะเลือกลงเรียนหลังเลิกงานวันธรรมดาเท่านั้นค่ะ หุหุ
วิชาที่เรียนจะเลือกลงเรียนกีต้าร์, First Aid, ดาราศาตร์, วาดรูป ต่างๆนาๆที่ไม่มีวิชาการเกี่ยวข้อง
(แต่ดาราศาสตร์แอบโหดตำราหนาเนื้อหาเยอะ เรียนเสร็จกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว 555)
ที่ไม่ได้เรียนภาษาพวก ELS (English as a second language) เหมือนออแพร์ส่วนใหญ่เพราะเราหาคลาสลงไม่ได้ค่ะ
ไปสมัครและทำเทสต์แล้วเค้าบอกไม่มีคลาสให้ ภาษาอังกฤษเราอยู่ขั้นแอดวานซ์มากกว่าที่เขาเปิดเนื่องจากเรามีพื้นฐานพอสมควร
จากที่จบเอกภาษาอังกฤษ แต่อยากบอกว่าแม้มีพื้นฐานแล้วแต่ยังต้องใช้เวลาปรับการฟังประมาณ 2-3 เดือนกว่าที่จะฟังโฮสต์
พูดเข้าใจทั้งหมดและสามารถดูทีวี ดูรายการต่างๆ ของอเมริกาได้ เลยใช้เครดิตเรียนไปลงวิชาอื่นๆที่ตัวเองสนใจแทนค่ะ
เราไปลงเรียนสองคือ Muhlenberg College อยู่ในตัวเมือง Allentown ขับรถจากบ้าน 45 นาที เป็น college เล็กๆแต่น่าเรียน
แต่ค่าเรียนจะสูงกว่าอีกที่คือ Lehigh Carbon Community College พวกที่เป็น Community College นี่หน่วยเครดิตจะเป็นมิตรกว่า
ESL อาจจะได้เรียนฟรีด้วยค่ะ ออแพร์ที่สนใจไปถึงใหม่ๆลองสอบถามวิทยาลัยชุมชนดูก่อน
มีความอยากอวดในวิชาวาดเขียน 101 พื้นฐานสุดๆ สำหรับคนที่วาดเขียนไม่เป็นเลยยยยยยย
ได้มาเรียนเทคนิคจากอาจารย์ Muhlenberg College รู้เลยว่าก็ทำได้ บรรยากาศสนุกด้วยค่ะ
แต่ละสัปดาห์จะมีโจทย์ต่างๆมาให้ฝึกทำ เอาโครงกระดูกจริงมาให้สเก็ต
ภาพห้อง สิ่งของ ต่างๆ เทคนิคการใช้ชาร์โคลระบายทั่วกระดาษแล้วใช้ยางลบค่อยๆลบให้เป็นรูปที่ต้องการ
จนมีนายแบบมาให้สเก็ต เป็นนายแบบที่ถอดทุกชิ้นบนร่างกาย แต่ขอชื่นชมว่าไม่ว่าจะอาจารย์
หรือนักเรียนเองที่มองหน้ากันตาโตตอนนายแบบถอดเสื้อผ้า แต่ก็ต่างให้ความเคารพกับนายแบบ
ไม่มีแซวหรือพูดอะไรให้เขินอาย เหมือนต่างทำหน้าที่ของใครมัน ผู้หญิงก็วาดไปแบบเขินๆ
เราก็วาดไปเช็ดน้ำหมากไป 555 วาดมือสั่นๆออกมาได้แบบนี้สำหรับเราถือว่าพอใจ (อย่าเอาไปเทียบกับคนวาดเป็นนะคะ ><)
หน้าบ้านตอนหิมะตะมุตะมิ
ออแพร์จากเขตร้อนจะอยากตั้งฐานทัพหน้าเตาผิงตลอดเว ในขณะที่เด็กอัลคาไลน์ไม่เคยอยากอยู่นิ่ง T_T
หน้าบ้านมุมเดียวกันตอนหิมะไม่ตะมุตะมิแล้ว
หน้าระเบียงตอนสะกดกระทั่งคำว่าตะมุตะมิไม่ออก...แต่พอโฮสต์หยิบกล้องขึ้นมาสาวไทยอย่างเราต้องแสดงสปิริตค่ะ 555
แล้วจะมีใช่ม๊า คนที่ไม่เคยเจอหิมะตอนไปแรกพอเจอแล้วจะตื่นเต้นสู้หิมะ รีบวิ่งออกจากรถดึงแก้มตัวเองออกให้มุมปากฉีกยิ้ม
ถ่ายรูป 1 แชะ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถ เร่งฮีทเตอร์ระดับ max 555
ที่นี่ไม่หนาวโหดมากค่ะ วัดได้เบาๆต่ำสุดแค่ -15 องศา ซึ่งตอนที่วัดก็เป็นช่วงหัวค่ำรอเข้าผับเย็นวันศุกร์ (หนาวแค่ไหนก็ยังห่วงเที่ยว) 555
อยู่บ้านโฮสต์เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสใช้เตาอบ เราเรียนทำขนมเองจากเตาบ้านนี้แหละค่ะ หัดไปเรื่อยมีคนชิมเพียบ
ทั้งโฮสต์ทั้งเด็กๆ ทั้งแม่บ้าน (มาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง) ทั้ง babysitter (เด็กมัธยมหารายได้พิเศษมารับช่วงต่อจากเรารอโฮสต์เลิกงงาน)
ส่วนในเรื่องอาหาร เรากินง่ายแค่ไหนแค่อาหารไม่ใช่แค่กินแล้วอิ่มมันเป็นวัฒนธรรม มันเป็นความสุข มันเป็นตัวของเรา
ฉะนั้นอย่างนั้น 1 มื้อต้องมีไข่เจียว ไข่ต้ม น้ำพริกไข่เค็ม
เมนูที่ทำบ่อยสุดรองลงมาจากเมนูไข่สำหรับเราคือ หนมปัง น้ำพริกเผา ไข่ดาว หมูหยอง วัตถุดิบมาจากร้านจีนในเมือง
เสียค่ากินแต่ละอาทิตย์ไม่น้อยเลยค่ะ แฮร่
ปกติออแพร์ก็จะกินอยู่ฟรีกับโฮสต์นี่แหละแต่เราไม่อยากรบกวนโฮสต์ทุกเรื่องพวกเครื่องปรุงวัตถุกิบบางอย่างของไทย
หรือบางทีอยากกินแต่ไม่มีในตู้เย็นเราก็ไปซื้อมาไว้ทำกินเอง โฮสต์งานยุ่งและกลับบ้านดึกบางทีเค้าจะกินมาแล้ว
บางทีก็กินอะไรง่ายๆพวกสลัดซึ่งไม่อยู่ท้องสาวถึกๆอย่างเรา ต้องเน้นข้าว หนมปัง กับข้าวเท่านั้น ><
ไม่คิดว่า เกือบ 10 ให้หลังจะได้มารีวิวแบบนี้ (สมัยนั้นไม่รู้จักพันทิป) เลยไม่มีรูปถ่ายสวยๆเน้นๆมาให้ดู
ไปค้นมาเจอ 2 รูปนี้ ได้กินแบบนี้ก็อุ่นใจอุ่นท้องนอนหลับฝันดีค่ะ 555
ขอเล่าต่อด้านล่าง ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้วพยายามขุดรูปมาเรียงกันแต่ถ้า time line และรูปสลับไปมาบ้างโปรดอภัยนะคะ