อยากบ่นแบบตัดพ้อบ้าง "การหาแฟนมันเหนื่อยนะเว้ยเฮ้ย!!"

มาถอดสมองบ่นบ้างแบบจริงจังนิดนึง ยาวแน่นอน

จะได้เห็นความขี้บ่นนิสัยเสียอีกด้านนึงเราบ้าง แต่สำหรับเรามันน่าเบื่อ เป็นเรื่องที่ติดในใจแล้วมันไม่ไปไหนเท่าไหร่ จนรู้สึกว่ามันเป็นพลังลบที่บั่นถอนประสิทธิภาพจริงของตัวเอง บางคนมันก็คิดลวกใส่เราก็มี ไม่ได้เข้าใจมุมมองแบบมันเหมือนบัคในชีวิตของเรา

โคตรเบื่อเลยบางที เวลาเราเห็นคนแมทในแอพมา หรือ เจอคนข้างนอก ทำไมเรารู้สึกแบบเราไม่อยากเข้าไปยุ่งเลย มันดูน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจ เสี่ยง แล้วน่าจะปวดหัวเยอะแบบความรักวัยรุ่นแน่ๆ ถึงแม้คนที่มองจะตรงสเปคแค่หน้าตาแต่ เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ว้าว เราขี้เกียจ อยากให้อีกฝ่ายเข้ามาหาเองมากกว่า คุยกันไม่ชอบอะไรก็บอกมา

6 เดือนกว่าที่ผ่านมา ชีวิตเราพุ่งมาก เพราะเราดันไปเอ่ยปากของานเพราะอยากมีชีวิตดีๆ คุณภาพชีวิตดีๆ อยากหนีออกประเทศเฮงซวยนี้เลยก็เอา อยากหนีจากผู้คนคิดห่วยๆ อยากเรียนภาษาอังกฤษด้วย ขอไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ไม่ทันพ้นสิ้นปีก็ได้งานใหม่เลย ใช้ภาษาจริงๆ วัฒนธรรมที่ทำงานใหม่มันเหมาะกับเรามากและมันเปลี่ยนนิสัยเราได้จริงๆ แค่ออกจาก comfort zone แล้วไฟเรามันแรง

เราเป็นพวกหัวนักพัฒนาชอบไปเรื่อย เป็น INTJ ถึงจะเป็น introvert สไตล์แปลกกว่าปกติอีกนิดนึง เรารู้ตัวเลยว่าเราไม่เหมาะกับคนแบบไหน และ มันน้อยมาก ที่จะเอาให้เจอคนที่เหมือนกับตัวเอง

และเรามองว่าชีวิตเรามีสิ่งสำคัญจริงๆ ไม่กี่อย่างหลอก งานและเงิน สุขภาพ ที่พัก/เกษียรตัว คู่ชีวิต

1. ด้านการงานและเงิน
บริษัทใหม่ที่เราทำอยู่ก็ใหญ่โตมีแต่คนมีอายุหรือคนแต่งงานกันแล้ว มันไม่โสดหลอกนะแบบที่หลายคนคิด ไม่ก็คบพร้อมแต่งแล้วทั้งนั้นแหละคร้าบ บริษัทใหญ่อายุกว่า 50 ปี ผลประกอบการเป็นร้อยล้าน บริษัทแบบนี้เขาก็มานั่งกินชิวเงินเดือนสูงๆเก็บ PVD 15% เดือนละ 10000 กว่าบาทกันทั้งนั้น เราก็ทำและเป็นพนักงานประจำอยู่

แถมยังมีโค้ช ที่เป็น personal manager เขาจะมาช่วยดันโปรไฟล์การทำงานให้เราเป็นไกด์ว่าควรทำอะไรนี่คือวัฒนธรรมแบบต่างชาติ เขาไม่ยอมให้เราหยุด อยากให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัทและได้ถูก promote ภายใน 2 ปีถ้าเป็นไปได้ ถ้าเราทำได้ เราจะเงินเดือนใกล้ 1 แสนแน่นอน 100% แค่ต้องใช้เวลาหน่อย ตอนนี้คือแค่ทำตาม road map ไปก่อน มีไกด์นำทางเสมอไม่หลง

2. ที่พัก/เกษียรตัว
อนาคตยังไงก็ต้องมี บ้านหรือคอนโด ต้องมีที่ซุกหัวนอนเราก็สามารถหาเงินเพื่อซื้อมันให้จนได้อยู่แล้วหละ เราไม่สนถึงจะโสดเราก็คิดเพื่อว่ายังไงก็ต้องมีบ้าน มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นยังไงก็อยู่สบาย อนาคตทุกอย่างเงินเดือนมันตอบได้หมดแล้ว เก็บให้ถึง เก็บให้ไว ปั่นเงินนิดนึงแบบไม่เสี่ยงจนหมดตัว ยังไงเราก็หาเงินได้ถึง 10 ล้าน เลยมั้งแค่มันช้า

เราทำงานกินใช้ 3 หมื่นเงินเดือน 8 หมื่น หัก PVD(เงินเกษียร) มันเหลือ 7 หมื่น ไม่ได้มีภาระอะไรพ่อเราก็รวยอยู่ แค่ไม่อยากพึ่งบารมีพ่อเราหยิ่งเราอีโก้เรื่องแบบนี้ เงินเหลือ 3 หมื่นทุกเดือน แบบใช้ช็อปปิ้งเที่ยวลดความเครียดด้วย สรุป 30K เหลือเก็บ ปีนึงเราก็ได้ 400K รวมโบนัสอีก 3 ปี เราได้เงิน 1 ล้าน ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยหรือควักไปทำอะไรเสียทิ้ง และ เรายังไม่ได้พอใจที่เงินเดือนตรงนี้ ถ้าบริษัทจะดันเราก็ได้มากกว่านี้

ตอนนี้อายุ 29 ถ้าไหลยาวๆได้ยัน 60 ถ้าไม่โชคดีหรือป่วยแล้วทำให้ตกงานไว เราก็มีเวลาตั้ง 30 ปี 3 ปีได้ 1 ล้าน หรือ ก็คือ 10 ล้านบาท หาบ้านดีสัก 5 ล้านกินใช้อีก 5 ล้านก็ชิวไหม แบบ best case 100% ซึ่งเราฝึกใช้ชีวิตให้คงที่อยู่แล้ว ยังไงก็ถึงแหละไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน ของมันแน่อยู่แล้ว

ตอนนีเงินสดก็มีจะคลึ่งล้านแล้ว เราไม่ได้มีปัญหาด้านการเงินเลย เพราะเราอุดปัญหาจุดนี้ไปแล้วระดับนึง แค่เงินมันไม่พอก็ต้องหาเพราะเราไม่มีมรดกเราไม่ง้อพ่อแม่ ให้เวลาสักพักก็ได้เงินล้าน 

3. สุขภาพ
สุขภาพจะแข็งแรงไหม เราก็แค่ออกกำลังกายไม่ปล่อยให้อ้วน รักสุขภาพปะ ง่ายๆ แค่นั้น เราใช้ชีวิตกำจัดความเสี่ยงทุกอย่างในชีวิตออกไปเพื่อให้เรามีอนาคตที่สดใส ประกันก็จะทำอยู่

4. คู่ชีวิต?? ก็อย่างสุดท้ายแล้วไม่เหลืออะไรแล้วนี่
ถึงขั้นมีคนถามว่าทำไมถึงทุ่มเทขนาดนั้นต้องมีแฟนให้ได้ เหงาอะไรขนาดนั้น ก็เหงาจริงไงจะถามปริมาณเพื่อ เรารู้สึกว่าอนาคตที่วางไว้เราไม่ได้อยากกำเงินอยู่บ้านแล้วอยู่คนเดียวแบบเฉาๆ มันก็ควรพยายามหรือมีเป้าหมายไว้ก่อนปะว่าได้มีคู่แน่ จะมาด่วนสรุปทำไมว่าต้องโสดสิสบายกว่าเยอะ จะรีบต้องมาทำใจแบบชีวิตเรามันก็โสดได้ปะ เพื่อ!! ตัดโอกาศตัวเองทำไม

พอเป็นไทป์นี้ พยายามขนาดนี้ เราขึ้นไปอยู่สูง ยิ่งสูงไม่ได้ยิ่งหนาว แต่ยิ่งสนุกกับความท้าทายใหม่ที่ทำให้เราได้ไปต่อ แล้วมันได้เอนเนอร์จี้ แต่ปัญหาที่ตามมา คือ คนที่ขึ้นมากลางเขา แล้วมาด้วยตัวคนเดียว ด้วยแรงถีบของตัวเองมันเริ่มเหงาครับ คนอื่นหนะล้มหมดไฟไปเยอะ แล้วมันไม่โสดกันแล้ว จะให้เราถอยหลังปีนลงเขาก็ไม่เอา เสี่ยงหมดแรงตกเขาตาย ไม่ก็โดนลากตกเขาตาย

การเดินคนเดียวลำพังด้วยแรงใจของตัวเอง มันทำให้เรารู้สึกว่า บางทีเราก็ต้องการคนซัพพอร์ทหรือคนเซพจิตใจนะ ไม่ใช่ว่าเราจะอยากให้เขาร่วมผ่อน แต่เราอยากให้เขาเป็นกำลังใจและความสามารถเติบในส่วนที่เราเกิดพลาดหรือล้มเหลวพักนึงเขาอาจจะพอช่วยได้บ้าง

แล้วตัวเขาเองก็ควรมีอนาคตเป็นของตัวเองด้วย เราแค่แชร์ asset มาแบ่งปันกันใช้แค่นั้น แต่ไม่เอาแบบมีดีแค่คำพูดหวานๆ กับ การเอาใจ แต่ไม่มีอนาคตเลยนะ ให้เราแบก็ไม่เอาอยู่เป็นโสดดีกว่า เรารักตัวเองมากอยู่แล้ว

นั่นแหละคือนิยามของคนที่จะมาซัพพอร์ทและไปกับความฝันเราได้ ทำไม่ได้ก็สอบไม่ผ่านหลอก คนส่วนมากที่เราพบเจอยังติดหล่มกับการกินใช้เงินเกินตัวใช้ชีวิตไม่คิดหน้าไม่คิดหลัง ไม่พัฒนาตัวเอง แล้วมีดีแค่นิสัยดีกับหน้าตา

"ถ้าเขาดีจรงเราก็ยอมทำหมดทุกอย่างแหละ เพื่อตอบแทนความพยายามของอีกฝ่าย" ปัญหาคือคนแบบนี้ หายากอยู่แล้วสำหรับเรา แล้วมันวัดง่ายมาก จะทำได้ไม่ได้ก็แค่มองดูที่การใช้ชีวิตกับหน้าที่การงานไว้ก่อนเลย ถ้าเขาพยายาม เขาจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนเรา ต้องดูมีอนาคต แล้วมันจะผ่านมาตรฐานด้วยความสามารถของตัวเอง อย่าฟังจากปากแต่ต้องดูด้วยตาถึงจะเห็น

ถ้ายังอยู่เป็นโสดเขาก็สบายเหมือนกันแหละนั่นแหละมันต้องเห็นภาพแบบนั้น ความมั่นคง มันอยู่คนเดียวมันอยู่ได้ แปลว่ามั่นคงระดับนึงแล้ว ถึงให้พึ่งเลิกก็ทิ้งแฟนได้เลยแบบไม่ได้หมดอนาคต

ตรงนี้ใครที่เป็นผู้หญิงนิสัยแบบเรา ส่วนมากเจอแค่ผู้ชายดีๆสักคนในบริษัทหรือเจอมาก่อนหน้าจากที่อื่น ยังไงเขาก็ไม่บ้านแตกหลอก ยังไงก็แต่งงานมีลูกสบายหาอนาคตได้หาบ้านใหม่สองคนยังได้เลย คนนึงเงินเดือน 80K อีกคน 80K มีแค่ระวัง มีชู้นั่นหรือทะเลาะรุนแรงจนบ้านแตก

ที่เหลือยังสอบไม่ผ่านตั้งแต่ข้อแรกแล้ว คือการเอาตัวรอด สังคมการทำงานเงินเดือนสูงมันเป็นอาชีพเฉพาะสะเยอะ เราเข้าใจไม่ใช่ว่าไม่รู้ ถ้าไม่ใช่สเปเชียลจบตรงสายแบบเราก็ต้องดูแล้วว่า แล้วมีอะไรถั๋วเพื่อลดได้ขนาดไหน คือ พยายามหาเหตุผลให้อีกฝ่ายมีข้อดีเยอะๆ แบบว่าเอ้ยเขาไมได้แย่ไปสะทุกอย่างหลอกมันต้องมีอะไรอีกแหละ สุดท้ายยิ่งพยายามหายิ่งไม่พบ ยิ่งขุดยิ่งเจอปัญหา

แต่บางอย่างมันไม่ไหวแบบลดไม่ได้ เราไม่ได้ตั้งบรรทัดฐานขึ้นเองนะ เพราะมันเป็นมาตรฐานขั้นต่ำของคนที่จะมีอนาคตอยู่แล้ว

การมีอนาคตในมุมมองนักลงทุนสำหรับยุคนี้ ถ้าภาระปานกลาง(เลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงแมว) เงินเดือนก็ต้อง 3-4 หมื่น ปกติเลยนะ คนเรากินใช้ 20K นั่นก็หรูแล้ว เหลืออีก 20K เวลามองเป็นเค้ก พวกฟุ่มเฟือยเพิ่มเติมก็จะ 5000 เหลืออีก 15000 ทำไร นั่นไงเงินเกษียร หรือ การลงทุนเพื่ออนาคต เช่น ผ่อนบ้านผ่อนรถผ่อนคอนโด เหลือเก็บสัก 5000 ก็ยังดี ใครทำได้ต่ำกว่านี้

คุณลองไปดูพวกโพสที่เขาผ่อนลม ผ่อนดอก ค่าใช้จ่ายเบียดๆ เดือนชนเดือนดูสิเป็นยังไง จะร้องขอชีวิต นี่แหละบรรทัดฐานชนชั้นครับ เราไม่ได้ตั้งแต่ระบบชนชั้นมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ถึงก็อย่าฝันไกล

เราจะรู้ทันทีว่า เราต้องแบกส่วนต่างเยอะในสิ่งที่เขาทำไม่ได้เยอะขนาดไหน แล้วการที่เราฝืนไปแล้ว แล้วให้คนเดียวแบก ถ้าเราแตกหรือล้ม อีกคนก็ล้มเพราะมันรับภาระไม่ไหวหลอก นี่แหละคือมุมมองของเราทำไมเราถึงต้องฟิกบางเรื่อง เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าชีวิตมันมีความเสี่ยงเยอะ

อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเราเห็นอนาคตบางอย่างเห็นจริงว่ามันเกิดแน่ๆ และ พยายามอุดความเสี่ยงน้ำให้ต่ำที่สุด เท่าที่จะทำได้เสมอ เราไม่ได้มาด้นสดหรือรออะไรขนาดนั้นหลอกนะ ชีวิตมันมีความเสี่ยงน่ากลัวเยอะมากถ้า

แล้วดูที่เราเจอสมัยนี้ เทรนมันเปลี่ยนไปแล้ว

ใช้ชีวิตไปวันๆ เรื่อยๆ รอผู้ชายมาจีบ สวยๆ นั่นนี่ๆ สุดท้ายพอถึงอายุ ตอนหมดจุดขาย บางคนหน้าตาดีเจอผู้ชายห่วย ก็ท้องไปสิกลายเป็น single mom บางคนอยู่ดีๆ ก็มาโยนให้ผู้ชายต้องรับผิดชอบมากขึ้นสะงั้นเราว่ามันเฮงซวยอะ ถ้าจะหวังให้เปลี่ยนนิสัยคน

นิสัยคนอะเปลี่ยนยาก แต่การหางานหาอนาคตยังง่ายกว่าอีก เราไม่เล่นเกมส์เสี่ยง เรากลัวเราหมดอนาคต เราตอนนี้หาคนคุยไม่ยาก แต่ที่ได้คุยได้เจออะมันทำให้เรา ไม่อยากคุยกับใครเยอะอีกแล้ว เหนื่อยครับ มีดีแต่ปากเยอะมากผมกล้าพูดเลย

หาไม่อยากถ้าเอาตัวปัญหาเข้ามาในชีวิตเราก็หาได้เลยไม่ยาก แต่เราอยากได้ "คู่ชีวิต" ไม่ใช่ "ปลิง" มันต่างกัน

ขอบคุณที่รับฟังครับ เราไม่ใช่คนดวงดีจริง เรื่องความรัก ถ้ากับการงานและเงินหละก็ บอกเลยว่า ขออะไรได้อย่างนั้นเสมอ บางความคิดเราแรงแต่เราชอบความมีเหตุผลและตรงไปตรงมาไม่โกหก แต่โชคดีว่า เราเป็นคนระวังปากระวังคำมากๆ เราแทบไม่พูดเลยในชีวิตจริง จนขาด "ปฏิสัมพันธ์กับคนไปเลย" เจอแต่คนชอบพูดจาให้สวยหรูนั่นนี่ สุดท้ายก็พัง

แต่การเก็บมันไว้ในหัวมันอึดอัดไม่มีที่ระบายเลย เพราะมันเป็นเอนเนอร์จี้ลบที่รุนแรงมาก ระบายกับคนตรงๆ ยากมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่