สวัสดีค่ะ เราชื่อแป้งจี่นะคะ🤍เรามีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 7 วัน เราเลยจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์ไว้ เผื่อจะเป็นข้อมูลสำหรับน้องๆหรือผปค.คนไหนที่สนใจนะคะ🙇🏻
โครงการนี้จัดโดยสำนักงานการตปท.ของกทม. จะรับสมัครประมาณช่วงเดือนก.พ.ค่ะ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ🙅🏻(ยกเว้นเงินซื้อของส่วนตัวค่า) จะมีให้เลือกลงได้ 2 ที่คือ ไอจิ🇯🇵 กับ โซล🇰🇷 ส่วนรายละเอียดที่เหลือต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์
https://iao.bangkok.go.th/ หรือใน Facebook สำนักงานการต่างประเทศ กทม. ได้เลยค่ะ ^^
การสอบคัดเลือกจะมีทั้งหมด 2 รอบนะคะ คือข้อเขียนกับสัมภาษณ์
ข้อเขียน📖จะเป็นคำถามภาษาไทยกับอังกฤษ อย่างละข้อ (ส่วนตัวเราว่าคำถามไม่ได้ยากมากนะคะ พยายามตอบให้ตรงคำถาม แล้วก็ถ้าคอยติดตามข่าวสารต่างๆรอบตัวเราว่าทำได้แน่ๆค่ะ✌🏻) ต่อไปถ้าผ่านข้อเขียนเค้าก็จะเรียกไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ
สัมภาษณ์🗣️ก็จะมีทั้งภาษาอังกฤษ+ไทยค่ะ จะมีให้แนะนำตัว, ถามเกี่ยวกับเมืองที่จะไป, การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะเดินทาง ประมาณนี้ค่ะ เราแนะนำว่า พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุดค่ะ♡
ต่อไปถ้าผ่านทั้ง 2 รอบ ก็คือได้ไปแล้วค่า ! ! หลังจากนั้นก็จะมีนัด orientation ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ, ได้คุยกับเพื่อนๆร่วมโครงการ แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางกันค่า
[ เราแนะนำว่าหลังจากสอบสัมภาษณ์ให้รีบไปทำพาสปอร์ตไว้ก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องรอผลออก เพราะว่าพอผลออกว่าติดปุ๊บ เค้าจะให้ส่งข้อมูลปั๊บเลยค่ะ เด่วมันจะส่งไม่ทันเอา TT ]
PANGJEE'S BLOG BKK — AICHI ♥
D-0 (11/5/66)🧳
เราจะออกเดินทางกันตอน 00.05 วันที่ 12 ค่ะ ก็เลยต้องไปถึงสนามบินตั้งแต่ 21.00 ของวันที่ 11 แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารต่างๆมาดีๆนะคะ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูได้ (เรากับเพื่อนก็เกือบไม่ผ่านตม.ค่ะ TT)
🤍
D-1 (12/5/66)🛩️
จะบอกว่าพอขึ้นเครื่องบินแล้วก็หลับยาวเลย55555555 ไฟลท์ประมาณ 5 ชม. ทุกคนก็คือต้องแต่งหน้า/ล้างหน้าบนเครื่องให้เรียบร้อยนะคะ เพราะว่าตารางวันถัดไปแน่นมากกก พอกินข้าวเสร็จบนเครื่องซักพักก็ถึงสนามบิน Chubu Centrair แล้ว ! !
เราได้มาช่วงกลางเดือนพ.ค. อากาศก็จะเย็นๆสบายค่ะ ไม่ได้หนาวมาก (แต่ว่าช่วงกลางคืนจะค่อนข้างหนาวเลย)
พอไปเอากระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็มีรถบัสมารับ ออกเดินทางไปที่ Aichi Prefectural Office กันค่ะ📍พอไปถึงแล้วเค้าก็จะให้แนะนำตัว, มีการแจ้งรายละเอียดกำหนดการต่างๆในแต่ละวัน ประมาณนี้ค่ะ
มีแจกป้ายชื่อและเอกสารต่างๆค่ะ📑
ต่อไปก็นั่งรถบัสไปกันที่ Nagoya University📍ได้ไปนั่งกินข้าวเที่ยง/พูดคุยกับรุ่นพี่คนไทยที่เรียนอยู่ที่นั่น แล้วก็ได้ไปเดินชมรอบๆ Campus ค่า จะบอกว่าที่นี่น่าอยู่มากกๆ อากาศที่นี่เค้าบริสุทธิ์มากๆ เดินสูดอากาศระหว่างเดินก็คือฟินน
หลังจากนั้นก็ไปเดินชม Nobel Prize Exhibition กันค่ะ🏅ข้างในก็จะมีจัดแสดงผลงานวิจัยต่างๆ แล้วก็เหรียญโนเบลของจริงด้วยค่ะ ( มีโมเดลให้จับด้วย น้ำหนักจะเท่าๆกันกับของจริงค่ะ )
จากนั้นก็เดินไปพิพิธภัณฑ์ของมหาลัยกันค่ะ
มีเรื่องเล่าเล็กๆ คือระหว่างทางคือเจอดีเจคนนึงมาถ่ายรายการ แล้วพี่ล่ามเค้าบอกว่าคนนี้กำลังดังในญี่ปุ่น ที่ช้อคกว่าคือเขาข้ามถนนมาหากลุ่มเราเลย ละสรุปคือเขามาขอถ่ายรูปหมู่กับพวกเรา55555555 ก็เลยได้อยู่ในรายการแบบงงๆ
ที่พิพิธภัณฑ์ก็มีจัดแสดงอะไรเยอะมากๆค่ะ บางอันก็จะมีภาษาอังกฤษให้ด้วย แต่อันที่เราว่าน่าสนใจที่สุดคือหุ่นยนต์-ตุ๊กตาแมวน้ำค่ะ มันจะขยับ, ส่งเสียง, กระพริบตาได้ด้วย TT เท่าที่เราเข้าใจคือเขามีไว้สำหรับซัพพอร์ตผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือผู้สูงอายุค่ะ เราว่าเป็นไอเดียที่น่ารักมากๆค่ะ
ต่อไปก็ไปห้องสมุดมหาลัยกันค่า ตรงจุดนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะ ( เสียดายมาก ) ระบบห้องสมุดที่นี่ดีมากๆค่ะ ที่ชอบมากๆคือเขาจะมีห้องแคปซูลไว้สำหรับอ่านหนังสือ โดยคนข้างในสามารถคุยโทรศัพท์ได้ จะไม่รบกวนคนข้างนอก ส่วนชั้นใต้ดินมีชั้นหนังสืออัตโนมัติเรียงติดกันยาวๆเลย โดยถ้าเราอยากเดินเข้าไปในช่องไหน ก็ให้กดปุ่ม แล้วตัวชั้นก็จะเลื่อนออกให้เราเดินเข้าไปได้ค่ะ ( ถ้านึกภาพไม่ออก จะกลไกคล้ายๆกับห้องบดขยะใน Star Wars ค่ะ )
คล้ายๆภาพนี้เลยค่ะ แต่เป็นแบบอัตโนมัติ
จบแล้วค่ะ ทัวร์มหาลัย ต่อไปเรานั่งรถไปกันที่ Aichi Prefectural Office 📍ที่นี่เราได้เข้าเยี่ยมรองผู้ว่าฯของไอจิค่ะ ก็พูดแนะนำตัวต่างๆ แล้วก็จะมีเปิดให้ถามคำถาม ( เราถามเกี่ยวกับการดูแลเศรษฐกิจในช่วงโควิดค่ะ ) เขาตอบเป็นกันเองมากๆนะคะ บรรยากาศไม่เครียดเลย ตอนสุดท้ายก็ถ่ายรูปรวม แล้วทางนั้นก็แจกของชำร่วยและนามบัตรค่ะ
ทุกคนได้ของฝากกันคนละถุงค่ะ
หมด Schedule ของวันนี้แล้วค่า ! ! หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม, ทานอาหารเย็น, ได้ไปเดินเซเว่นกับเพื่อนๆ แล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ💤
D-2(13/5/66)
วันนี้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วก็ไปที่วัด Nittai-ji กันค่ะ เป็นวัดไทยในญี่ปุ่น
ที่เราว่าน่าสนใจมากๆคือเค้าจะมีการใส่คำทำนายไว้ในตู้กาชาปองให้กดได้ค่ะ ( มีเครื่องรางให้ซื้อที่เคาน์เตอร์ด้วย )
หลังจากนั้นก็จะไปทำกิจกรรมกับเยาวชนที่นั่นค่ะ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ บางคนก็จะเคยมาแลกเปลี่ยนที่ไทยก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ( เพื่อนผญในกลุ่มเราชอบ Kpop เหมือนกันค่ะ🥺 ก็เลยคุยกันเรื่องนี้ ) หลังจากนั้นก็ไปทานข้าวด้วยกัน แล้วเพื่อนๆคนญี่ปุ่นก็จะพาเดินรอบๆ Osu Shopping Street ค่ะ🛍️
มีของกินเยอะมากกๆๆ แล้วก็มีร้านหลายอย่างมาก ตั้งแต่ร้านขายของทีมฟุตบอลไปถึงคาเฟ่แมว
ซื้อตุ๊กตาคู่กับเพื่อนคนญี่ปุ่นไป 1 กรุบ ( กระต่ายตัวนี้ชื่อ usagi ค่ะ ˃̵͈̑ᴗ˂̵͈̑ )
หลังจากนั้นทุกคนก็มารวมกันแล้วก็ทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม หัวข้อคือให้หา Environmental Problem มา แล้วเลือก Solution ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ ของกลุ่มเราเลือก Solution เป็น Education ค่ะ
ก็จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แล้วก็ออกไปพรีเซ้นท์ค่ะ ตรงนี้เราว่าน่าจะสนใจมากๆค่ะ ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ เราได้รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเขาจะมีการปลูกฝังเกี่ยวกับการรีไซเคิลตั้งแต่เด็กเลย
หลังจากนั้นก็ไปทานบุฟเฟต์ชาบูกันค่ะ โต๊ะเราก็คือช่วยกันกินแบบเกือบขิต5555555
จบวันแบบฟินสุดๆ😽
จากนั้นกลับมาโรงแรมก็เตรียมของฝากต่างๆค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้เราจะไปหา Host Family กัน ! !
D-3(14/5/66)
วันนี้ทุกคนจะได้ไปอยู่กับโฮสของตัวเอง 1 วัน ( เพราะว่าสถานการณ์โควิดเพิ่งผ่านมา ก็เลยไม่ได้ค้างคืนค่ะ ) ตอนแรกเราตื่นเต้นมากๆ แต่พอโฮสมารับก็คือสบายใจมากๆ โฮสเป็นผู้หญิงมากับลูกสาว 1 คน อายุประมาณเราเลย ได้พูดคุยกันบนรถค่ะ ตอนแรกก็เกร็งๆนิดหน่อยแต่ว่าเขาเป็นกันเองมากๆค่ะ🥺 อันไหนที่เขาไม่รู้คำแปลก็จะพิมพ์ google translate ให้เราฟังเลย555 โฮสพาเรากลับบ้านไปรับลูกสาวอีกคนนึงก่อนค่ะ ( เด็กกว่าเรานิดหน่อย ) แล้วก็พากันออกไปซื้อปลาหมึกที่ห้าง เพราะว่าตอนเที่ยงโฮสจะพาทำทาโกะยากิค่า สิ่งนึงที่เราว่าน่ารักมากๆของบ้านนี้คือ ลูกสาวคนเล็กเค้าชอบวง Seventeen มากๆ แล้วทั้งบ้านก็คือร้องเพลงวงนี้กันได้หมดเลยค่ะ5555555 พอถึงห้างก็เดินสักพักแล้วโฮสก็แยกตัวไปเดินซุปเปอร์ฯค่ะ ลูกสาวโฮสก็เลยพาเราไปถ่าย purikura ค่ะ ถ้าใครเคยได้ยินมา ก็คือจะเป็น photobooth ที่ฮิตกันในญี่ปุ่น รูปที่ได้ก็จะแบ๊วมากๆค่ะ แล้วก็จะมีให้แต่งรูปหลังถ่ายด้วย ก็คือปรับตาโตเพิ่มขึ้นไปอีก5555555
หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นซื้อขนมกันรอโฮสกลับมาค่ะ
พอกลับถึงบ้านก็มาทำทาโกะยากิทานกัน😽
พอกินเสร็จโฮสก็ถามเราว่าเคยใส่ชุดยูกาตะไหม แล้วอยากลองใส่ไหม แล้วเขาก็ขึ้นไปเอาชุดมาให้เราลองใส่เลยค่ะ น่ารักมากๆ
ใส่คู่กันกับลูกสาวโฮสค่ะ🤍
สักพักก็ออกไปร้านมัทฉะแถวๆนั้นกันค่ะ ในร้านจะมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นสวยมากๆ
แล้วก็ได้เดินรอบๆแถวนั้น เหมือนจะเป็นป้อมปราการเก่า อากาศสดชื่น วิวก็สวยมากๆค่ะ
เสร็จแล้วก็ได้ไปช้อปปิ้งกันต่อค่ะ😽
กลับมาบ้านแล้วลูกสาวโฮสก็สอนเราพับ Origami ( พร้อมฟังเพลงเกาหลีกัน55555 )
แล้วโฮสก็ทำอาหารเย็นให้ทานค่ะ🍚อร่อยมากๆ
เราบอกโฮสว่าชอบเต้าหู้หวานจานนี้ โฮสก็ให้เต้าหู้อบแห้งกลับมาเป็นถุงเลยค่ะ🥹
วันนึงผ่านไปไวมากๆแป๊บเดียวจะต้องกลับโรงแรมแล้ว ระหว่างทางคือเรากลั้นน้ำตาแล้วว TT พอโฮสรู้ว่าเรายังไม่ได้ไปปราสาทนาโกย่า สักพักเขาก็พาไปวนรถให้เราดูเลย แล้วก็จอดให้ถ่ายรูปด้วย
พอโฮสมาส่งถึงที่โรงแรมปุ๊บ เราร้องไห้เลยค่ะ5555555555 โฮสน่ารักมากๆแล้วก็ดูแลเราดีมากๆจริงๆ😭 พอบอกลากันเสร็จก็ถ่ายรูปด้วยกันแล้วโฮสก็กลับบ้านค่ะ คืนนั้นเราก็คือร้องไห้หนักมากก 2-3 วันต่อมา นึกถึงทีไรเราก็ยังร้องไห้อยู่เลยค่ะ TT เป็นวันที่ชอบที่สุดในโปรแกรมเลย
จบ part 1 นะคะ🤍 part 2 จะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ
-ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ👐🏻-
รีวิวโครงการแลกเปลี่ยนไอจิ🇯🇵🤍EP.1
โครงการนี้จัดโดยสำนักงานการตปท.ของกทม. จะรับสมัครประมาณช่วงเดือนก.พ.ค่ะ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ🙅🏻(ยกเว้นเงินซื้อของส่วนตัวค่า) จะมีให้เลือกลงได้ 2 ที่คือ ไอจิ🇯🇵 กับ โซล🇰🇷 ส่วนรายละเอียดที่เหลือต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ https://iao.bangkok.go.th/ หรือใน Facebook สำนักงานการต่างประเทศ กทม. ได้เลยค่ะ ^^
การสอบคัดเลือกจะมีทั้งหมด 2 รอบนะคะ คือข้อเขียนกับสัมภาษณ์
ข้อเขียน📖จะเป็นคำถามภาษาไทยกับอังกฤษ อย่างละข้อ (ส่วนตัวเราว่าคำถามไม่ได้ยากมากนะคะ พยายามตอบให้ตรงคำถาม แล้วก็ถ้าคอยติดตามข่าวสารต่างๆรอบตัวเราว่าทำได้แน่ๆค่ะ✌🏻) ต่อไปถ้าผ่านข้อเขียนเค้าก็จะเรียกไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ
สัมภาษณ์🗣️ก็จะมีทั้งภาษาอังกฤษ+ไทยค่ะ จะมีให้แนะนำตัว, ถามเกี่ยวกับเมืองที่จะไป, การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะเดินทาง ประมาณนี้ค่ะ เราแนะนำว่า พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุดค่ะ♡
ต่อไปถ้าผ่านทั้ง 2 รอบ ก็คือได้ไปแล้วค่า ! ! หลังจากนั้นก็จะมีนัด orientation ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ, ได้คุยกับเพื่อนๆร่วมโครงการ แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางกันค่า
[ เราแนะนำว่าหลังจากสอบสัมภาษณ์ให้รีบไปทำพาสปอร์ตไว้ก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องรอผลออก เพราะว่าพอผลออกว่าติดปุ๊บ เค้าจะให้ส่งข้อมูลปั๊บเลยค่ะ เด่วมันจะส่งไม่ทันเอา TT ]
PANGJEE'S BLOG BKK — AICHI ♥
D-0 (11/5/66)🧳
เราจะออกเดินทางกันตอน 00.05 วันที่ 12 ค่ะ ก็เลยต้องไปถึงสนามบินตั้งแต่ 21.00 ของวันที่ 11 แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารต่างๆมาดีๆนะคะ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูได้ (เรากับเพื่อนก็เกือบไม่ผ่านตม.ค่ะ TT)
🤍
D-1 (12/5/66)🛩️
จะบอกว่าพอขึ้นเครื่องบินแล้วก็หลับยาวเลย55555555 ไฟลท์ประมาณ 5 ชม. ทุกคนก็คือต้องแต่งหน้า/ล้างหน้าบนเครื่องให้เรียบร้อยนะคะ เพราะว่าตารางวันถัดไปแน่นมากกก พอกินข้าวเสร็จบนเครื่องซักพักก็ถึงสนามบิน Chubu Centrair แล้ว ! !
เราได้มาช่วงกลางเดือนพ.ค. อากาศก็จะเย็นๆสบายค่ะ ไม่ได้หนาวมาก (แต่ว่าช่วงกลางคืนจะค่อนข้างหนาวเลย)
พอไปเอากระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็มีรถบัสมารับ ออกเดินทางไปที่ Aichi Prefectural Office กันค่ะ📍พอไปถึงแล้วเค้าก็จะให้แนะนำตัว, มีการแจ้งรายละเอียดกำหนดการต่างๆในแต่ละวัน ประมาณนี้ค่ะ
มีแจกป้ายชื่อและเอกสารต่างๆค่ะ📑
ต่อไปก็นั่งรถบัสไปกันที่ Nagoya University📍ได้ไปนั่งกินข้าวเที่ยง/พูดคุยกับรุ่นพี่คนไทยที่เรียนอยู่ที่นั่น แล้วก็ได้ไปเดินชมรอบๆ Campus ค่า จะบอกว่าที่นี่น่าอยู่มากกๆ อากาศที่นี่เค้าบริสุทธิ์มากๆ เดินสูดอากาศระหว่างเดินก็คือฟินน
หลังจากนั้นก็ไปเดินชม Nobel Prize Exhibition กันค่ะ🏅ข้างในก็จะมีจัดแสดงผลงานวิจัยต่างๆ แล้วก็เหรียญโนเบลของจริงด้วยค่ะ ( มีโมเดลให้จับด้วย น้ำหนักจะเท่าๆกันกับของจริงค่ะ )
จากนั้นก็เดินไปพิพิธภัณฑ์ของมหาลัยกันค่ะ
มีเรื่องเล่าเล็กๆ คือระหว่างทางคือเจอดีเจคนนึงมาถ่ายรายการ แล้วพี่ล่ามเค้าบอกว่าคนนี้กำลังดังในญี่ปุ่น ที่ช้อคกว่าคือเขาข้ามถนนมาหากลุ่มเราเลย ละสรุปคือเขามาขอถ่ายรูปหมู่กับพวกเรา55555555 ก็เลยได้อยู่ในรายการแบบงงๆ
ที่พิพิธภัณฑ์ก็มีจัดแสดงอะไรเยอะมากๆค่ะ บางอันก็จะมีภาษาอังกฤษให้ด้วย แต่อันที่เราว่าน่าสนใจที่สุดคือหุ่นยนต์-ตุ๊กตาแมวน้ำค่ะ มันจะขยับ, ส่งเสียง, กระพริบตาได้ด้วย TT เท่าที่เราเข้าใจคือเขามีไว้สำหรับซัพพอร์ตผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือผู้สูงอายุค่ะ เราว่าเป็นไอเดียที่น่ารักมากๆค่ะ
ต่อไปก็ไปห้องสมุดมหาลัยกันค่า ตรงจุดนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยค่ะ ( เสียดายมาก ) ระบบห้องสมุดที่นี่ดีมากๆค่ะ ที่ชอบมากๆคือเขาจะมีห้องแคปซูลไว้สำหรับอ่านหนังสือ โดยคนข้างในสามารถคุยโทรศัพท์ได้ จะไม่รบกวนคนข้างนอก ส่วนชั้นใต้ดินมีชั้นหนังสืออัตโนมัติเรียงติดกันยาวๆเลย โดยถ้าเราอยากเดินเข้าไปในช่องไหน ก็ให้กดปุ่ม แล้วตัวชั้นก็จะเลื่อนออกให้เราเดินเข้าไปได้ค่ะ ( ถ้านึกภาพไม่ออก จะกลไกคล้ายๆกับห้องบดขยะใน Star Wars ค่ะ )
คล้ายๆภาพนี้เลยค่ะ แต่เป็นแบบอัตโนมัติ
จบแล้วค่ะ ทัวร์มหาลัย ต่อไปเรานั่งรถไปกันที่ Aichi Prefectural Office 📍ที่นี่เราได้เข้าเยี่ยมรองผู้ว่าฯของไอจิค่ะ ก็พูดแนะนำตัวต่างๆ แล้วก็จะมีเปิดให้ถามคำถาม ( เราถามเกี่ยวกับการดูแลเศรษฐกิจในช่วงโควิดค่ะ ) เขาตอบเป็นกันเองมากๆนะคะ บรรยากาศไม่เครียดเลย ตอนสุดท้ายก็ถ่ายรูปรวม แล้วทางนั้นก็แจกของชำร่วยและนามบัตรค่ะ
ทุกคนได้ของฝากกันคนละถุงค่ะ
หมด Schedule ของวันนี้แล้วค่า ! ! หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม, ทานอาหารเย็น, ได้ไปเดินเซเว่นกับเพื่อนๆ แล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ💤
D-2(13/5/66)
วันนี้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วก็ไปที่วัด Nittai-ji กันค่ะ เป็นวัดไทยในญี่ปุ่น
ที่เราว่าน่าสนใจมากๆคือเค้าจะมีการใส่คำทำนายไว้ในตู้กาชาปองให้กดได้ค่ะ ( มีเครื่องรางให้ซื้อที่เคาน์เตอร์ด้วย )
หลังจากนั้นก็จะไปทำกิจกรรมกับเยาวชนที่นั่นค่ะ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ บางคนก็จะเคยมาแลกเปลี่ยนที่ไทยก่อนหน้านี้แล้วค่ะ ( เพื่อนผญในกลุ่มเราชอบ Kpop เหมือนกันค่ะ🥺 ก็เลยคุยกันเรื่องนี้ ) หลังจากนั้นก็ไปทานข้าวด้วยกัน แล้วเพื่อนๆคนญี่ปุ่นก็จะพาเดินรอบๆ Osu Shopping Street ค่ะ🛍️
มีของกินเยอะมากกๆๆ แล้วก็มีร้านหลายอย่างมาก ตั้งแต่ร้านขายของทีมฟุตบอลไปถึงคาเฟ่แมว
ซื้อตุ๊กตาคู่กับเพื่อนคนญี่ปุ่นไป 1 กรุบ ( กระต่ายตัวนี้ชื่อ usagi ค่ะ ˃̵͈̑ᴗ˂̵͈̑ )
หลังจากนั้นทุกคนก็มารวมกันแล้วก็ทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม หัวข้อคือให้หา Environmental Problem มา แล้วเลือก Solution ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ ของกลุ่มเราเลือก Solution เป็น Education ค่ะ
ก็จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แล้วก็ออกไปพรีเซ้นท์ค่ะ ตรงนี้เราว่าน่าจะสนใจมากๆค่ะ ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ เราได้รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเขาจะมีการปลูกฝังเกี่ยวกับการรีไซเคิลตั้งแต่เด็กเลย
หลังจากนั้นก็ไปทานบุฟเฟต์ชาบูกันค่ะ โต๊ะเราก็คือช่วยกันกินแบบเกือบขิต5555555
จบวันแบบฟินสุดๆ😽
จากนั้นกลับมาโรงแรมก็เตรียมของฝากต่างๆค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้เราจะไปหา Host Family กัน ! !
D-3(14/5/66)
วันนี้ทุกคนจะได้ไปอยู่กับโฮสของตัวเอง 1 วัน ( เพราะว่าสถานการณ์โควิดเพิ่งผ่านมา ก็เลยไม่ได้ค้างคืนค่ะ ) ตอนแรกเราตื่นเต้นมากๆ แต่พอโฮสมารับก็คือสบายใจมากๆ โฮสเป็นผู้หญิงมากับลูกสาว 1 คน อายุประมาณเราเลย ได้พูดคุยกันบนรถค่ะ ตอนแรกก็เกร็งๆนิดหน่อยแต่ว่าเขาเป็นกันเองมากๆค่ะ🥺 อันไหนที่เขาไม่รู้คำแปลก็จะพิมพ์ google translate ให้เราฟังเลย555 โฮสพาเรากลับบ้านไปรับลูกสาวอีกคนนึงก่อนค่ะ ( เด็กกว่าเรานิดหน่อย ) แล้วก็พากันออกไปซื้อปลาหมึกที่ห้าง เพราะว่าตอนเที่ยงโฮสจะพาทำทาโกะยากิค่า สิ่งนึงที่เราว่าน่ารักมากๆของบ้านนี้คือ ลูกสาวคนเล็กเค้าชอบวง Seventeen มากๆ แล้วทั้งบ้านก็คือร้องเพลงวงนี้กันได้หมดเลยค่ะ5555555 พอถึงห้างก็เดินสักพักแล้วโฮสก็แยกตัวไปเดินซุปเปอร์ฯค่ะ ลูกสาวโฮสก็เลยพาเราไปถ่าย purikura ค่ะ ถ้าใครเคยได้ยินมา ก็คือจะเป็น photobooth ที่ฮิตกันในญี่ปุ่น รูปที่ได้ก็จะแบ๊วมากๆค่ะ แล้วก็จะมีให้แต่งรูปหลังถ่ายด้วย ก็คือปรับตาโตเพิ่มขึ้นไปอีก5555555
หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นซื้อขนมกันรอโฮสกลับมาค่ะ
พอกลับถึงบ้านก็มาทำทาโกะยากิทานกัน😽
พอกินเสร็จโฮสก็ถามเราว่าเคยใส่ชุดยูกาตะไหม แล้วอยากลองใส่ไหม แล้วเขาก็ขึ้นไปเอาชุดมาให้เราลองใส่เลยค่ะ น่ารักมากๆ
ใส่คู่กันกับลูกสาวโฮสค่ะ🤍
สักพักก็ออกไปร้านมัทฉะแถวๆนั้นกันค่ะ ในร้านจะมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นสวยมากๆ
แล้วก็ได้เดินรอบๆแถวนั้น เหมือนจะเป็นป้อมปราการเก่า อากาศสดชื่น วิวก็สวยมากๆค่ะ
เสร็จแล้วก็ได้ไปช้อปปิ้งกันต่อค่ะ😽
กลับมาบ้านแล้วลูกสาวโฮสก็สอนเราพับ Origami ( พร้อมฟังเพลงเกาหลีกัน55555 )
แล้วโฮสก็ทำอาหารเย็นให้ทานค่ะ🍚อร่อยมากๆ
เราบอกโฮสว่าชอบเต้าหู้หวานจานนี้ โฮสก็ให้เต้าหู้อบแห้งกลับมาเป็นถุงเลยค่ะ🥹
วันนึงผ่านไปไวมากๆแป๊บเดียวจะต้องกลับโรงแรมแล้ว ระหว่างทางคือเรากลั้นน้ำตาแล้วว TT พอโฮสรู้ว่าเรายังไม่ได้ไปปราสาทนาโกย่า สักพักเขาก็พาไปวนรถให้เราดูเลย แล้วก็จอดให้ถ่ายรูปด้วย
พอโฮสมาส่งถึงที่โรงแรมปุ๊บ เราร้องไห้เลยค่ะ5555555555 โฮสน่ารักมากๆแล้วก็ดูแลเราดีมากๆจริงๆ😭 พอบอกลากันเสร็จก็ถ่ายรูปด้วยกันแล้วโฮสก็กลับบ้านค่ะ คืนนั้นเราก็คือร้องไห้หนักมากก 2-3 วันต่อมา นึกถึงทีไรเราก็ยังร้องไห้อยู่เลยค่ะ TT เป็นวันที่ชอบที่สุดในโปรแกรมเลย
จบ part 1 นะคะ🤍 part 2 จะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ
-ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ👐🏻-