โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเมืองพี่เมืองน้องกรุงเทพมหานคร-ไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี2566

สวัสดีค่ะ เราชื่อนางสาวสุวพัชร หน่วงเหนี่ยว    ชื่อเล่นไอเดีย ศึกษาที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ค่ะ

เราได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา1สัปดาห์ ภายใต้หัวข้อการพัฒนาสิ่งแวดล้อม หรือ Good environment

โครงการนี้มีชื่อว่าแลกเปลี่ยนเยาวชนกับเมืองพี่เมืองน้องกรุงเทพมหานคร-ไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2566
โดยกรุงเทพมหานครและไอจิได้ร่วมมือกันจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นค่ะ

•ในส่วนของการสอบคัดเลือกทางสำนักงานกรุงเทพมหานครจะมีการประกาศรับสมัคร และมีการสอบ2รอบ รอบแรกคือการสอบแบบข้อเขียน เมื่อผ่านส่วนข้อเขียนแล้ว จึงจะได้สอบสัมภาษณ์และในปีนี้คัดเลือกทั้งหมด13คนค่ะ 

เริ่มเดินทางวันที่12 เวลาที่บินคือ 00.05 ของเวลาไทย

ผู้บริหารและคณะคุณครูมาส่งที่สนามบินด้วยค่ะ 


นี่คือเพื่อนๆพี่ๆผู้ร่วมทริปนี้


หลังจากที่เรามาถึงไอจิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นสถานที่แรก คือการแนะนำตัวกับทางผู้จัดโครงการของไอจิค่ะ


มื้อเที่ยงของเราอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาโกย่าค่ะ ระหว่างทานอาหารเราก็จะได้พูดคุยกับรุ่นพี่คนไทยที่มาเรียนที่มหาลัยฯแห่งนี้ค่ะ


หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็ได้ไปที่พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดในมหาลัยค่ะ


ระหว่างทางที่พวกเรากำลังเดินกลับไปขึ้นรถบัส ทันได้นั้นเอง เราก็ได้เจอกับ?! ดีเจคูล เหมือนเขาอาจจะมาถ่ายรายการ ก็เลยมีรูปพวกเราทุกคนออกทีวีด้วยค่ะ


ตอนนี้อยู่ที่ Aichi Prefecture Government เป็นการแนะนำตัวกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิค่ะ


หลังจากนั้นเราก็ได้กลับไปพักผ่อนและทานอาหารเย็นของโรงแรมค่ะ ที่พักมีชื่อว่า Iris Aichi hotel ตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า ซึ่งเป็นเมืองหลักที่อยู่ในจังหวัดไอจิ

เปิดมากับภาพวิวตอนเช้าเวลา ตี5:13 ของญี่ปุ่นค่ะ ฟ้าสว่างมากกๆ


สถานที่แรกของวันนี้คือ วัดนิกไทยจิ เป็นวัดเชื่อในความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่5 และได้พระราชทานพระบรมรูปร.5 ให้ญี่ปุ่นด้วยค่ะ


หลังจากนี่ เราก็ได้ไปเจอเพื่อนๆนักเรียนของทางไอจิค่ะ  พวกเราได้ไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน หลังจากนั้นก็ได้ไปเดินOtsu market ตามกลุ่มที่ได้randomไว้  เพื่อนๆน่ารักมากกก ผลัดกันชวนคุยเรื่องต่างๆระหว่างการช็อปปิ้งค่ะ เฮฮาเอ็นจอยกันสุดๆ


มาทางด้านวิชาการกันบ้างค่ะ ภารกิจของเราคือ ต้องร่วมกันคิด พูดคุย ออกแบบ และทำการพรีเซนต์ภายใต้หัวข้อที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมค่ะ


         มาต่อกันที่วันที่ 3 ของเรากันเลยค่ะวันนี้จะเป็นวันที่พวกเราทุกคนต้องแยกกกันเพื่อไปอยู่กับครอบครัวโฮสต์ชาวญี่ปุ่น และเราก็จะได้ไปทำกิจกรรมต่างๆกับโฮสต์ได้ไปเที่ยวหรือได้รับประทานอาหารด้วยกัน เป็นเชิงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมค่ะ ได้อยู่ด้วยกัน1วันเต็มๆเลยย

ในขณะที่โอสต์มารับเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ทักทายและแนะนำตัวกันค่ะ สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ

ระหว่างการเดินทาง โฮสต์บอกเราว่าแพลนแรกของวันนี้จะไปที่ปราสาทอีนุยามะ( Inuyama Castle) อีกทั้งยังเป็น1ในสมบัติของชาติที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณริมแม่น้ำคิโสะ สถานที่แห่งนี้อยู่ในเมืองอินุยามะ


และนี่ก็คือภาพวิวบนปราสาทค่ะ อากาศและวิวดีมากๆ สูดอากาศได้เต็มปอดเลยค่าาา


ตอนนี้เราก็มาเดินเมืองเก่าที่อยู่ใกล้ๆกับปราสาทค่ะ


ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง โฮสก็ได้พาเรามากินอุด้งที่ห้างดองกี้ และเตรียมซื้อวัตถุดิบเพื่อไปทำอาหารเย็นที่บ้านค่ะ


พอกลับมาถึงบ้านเราก็ได้เจอลูกชายโฮสค่ะ ระหว่างนี้เราก็ได้คุย เล่น ทำกิจกรรมหลายๆอย่างเลยค่ะ  แล้วก็ได้เขียนตัวอักษรญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกกับการเขียนด้วยพู่กันและน้ำหมึกเลย


ถึงเวลามื้อเย็นเเล้ววว เราก็ได้ลองทำทาโกยากิเป็นครั้งแรกเลยค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิดเลยอร่อยมากๆเลยด้วยยยย


เมื่อรับประทานข้าวเย็นกันเสร็จ ทุกคนๆก็มาส่งเรากลับโรงแรมค่ะ อำลากันแบบสุดซึ้ง คิดถึงจะร้องไห้เลอออ


วันนี้ก็เป็นวันที่ 4 ของเรานะคะเราก็จะไปกันที่โรงเรียนIchinomiya Nishi high school และมีการถ่ายรายการออกอากาศทางทีวีของญี่ปุ่นด้วยค่ะ


อย่างแรกเลยคือเดินทัวร์รอบโรงเรียนค่ะ มีลานยิงธนูด้วยค่ะ กีฬายิงธนูของญี่ปุ่นชื่อว่า คิวโด


หลังจากนั้นก็ขึ้นมาที่ห้องเรียน และจับกลุ่มกับนักเรียนญี่ปุ่นเพื่อทำกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่อง SDGs 17 ข้อ เป็นการเล่นเกมคล้ายๆบันไดงู 


นี่คืออาหารเที่ยงค่าาา เบนโตะครั้งแรกของเราเลย


ต่อมาคุณครูก็ได้พาเราไปที่ห้องเครื่องดนตรีโคโตะค่ะ (Koto) เป็นเครื่องดนตรีประเภทสายที่ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องดนตรีประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ


ตอนนี้ก็ถึงเวลาทำพิธีจบ นักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่นก็มีการกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการ และตอนนี้มีเวลาไม่มากค่ะ ก่อนจะกลับเราก็ได้ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และเอาของฝากที่นำมาจากไทย ให้เพื่อนๆญี่ปุ่นค่ะ

พอมาขึ้นรถ เพื่อนๆก็ออกมาส่งกันด้วยค่ะฮืออ เพื่อนทุกคนน่ารักมากๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน คุยกัน แขร์เรื่องราวต่างๆด้วยกัน เป็นความทรงจำที่ดีมากๆ

วันที่ 5 รายการแรกของเราพวกเราก็ไปกันที่ United Nation ค่ะเราได้ไปฟังอบรมบรรยายเกี่ยวกับ Sustainable Development Goals คือการพัฒนาเป้าหมายที่ยั่งยืนทั้งหมด 17 ข้อ หรือSDGs 17 ทางAichi Prefecture ได้อธิบายเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา ของประเทศญี่ปุ่นในแต่ละข้อ ข้อไหนสามารถพัฒนาได้แล้ว และข้อในควรพัฒนาให้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ต่อมาเราก็ได้ไปที่พิพิธภัณฑ์รถยนต์ Toyota kaikan ค่ะ


สถานที่ต่อมาคือ โรงงานMeido เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนน็อต ที่ประกอบรถยนต์โตโยต้าค่ะ พวกเราก็ได้เข้าไปดูขั้นตอนวิธีการผลิตหรือแปลรูปออกมาเป็นชิ้นส่วนต่างๆค่ะ อุณหภูมิข้างในค่อนข้างที่จะร้อนมาก  และได้พูดคุยกับพี่ๆคนไทย 2 คนที่ทำงานในโรงงานนี้ด้วยค่ะ


เย็นวันนี้เราต้องเตรียมเก็บของ เพื่อย้ายโรงแรมในวันพรุ่งนี้ ที่พักจะอยู่ใกล้กับสนามบินค่ะ

วันที่6ของเราก็วาร์ปมาที่
Mori no Manabiya กันค่าา ที่ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ เราต้องเดินขึ้นเขากันค่ะ


แวะโพสต์ถ่ายรูปสักหน่อย😜

แล้วก็มีการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกันด้วย


มาต่อกันที่ Ghibli Park กันน ที่นี่เป็นสตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่นค่ะข้างในก็จะมีโรงหนังให้เราได้รับชมอนิเมะ 1เรื่อง ประมาณ20นาทีค่ะ มีให้เราได้เดินชมผลงานต่างๆของแต่ละค่าย มีสถานที่จำลองเล็กๆให้เราได้ถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ


มาถึงเช้าวันที่7แล้วค่ะ วันนี้เราต้องเดินทางกลับประเทศไทยกันแล้ว เวลาBoarding time 10:25 ค่ะ
รูปรวมรูปสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ ท่านผู้ใหญ่และพี่สตาฟที่ดูแลโครงการนี้ก็มาส่งเราด้วยค่ะ


การมาดูงาน และได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 7 วัน ในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ใหม่สำหรับเรามากๆค่ะทั้งทำให้เราได้มีมิตรภาพที่ดี ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น ได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะเราต้องอยู่ด้วยตนเองให้ได้ ได้ดึงทักษะในชีวิตของตัวเองออกมาใช้มากขึ้น เช่นการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ได้เริ่มสัมผัสกับโลกที่กว้างกว่าเดิม เรียนรู้ในการที่จะปรับตัว และเข้าสังคมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

สุดท้ายนี้เราอยากจะฝากถึงทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความของเรา และสนใจอยากจะสอบไปแลกเปลี่ยนนะคะ  
ทุกคนอย่าคิดว่าตนเองไม่เก่ง เพียงแค่เราตั้งเป้าหมายในสิ่งที่เราต้องการที่จะทำมันให้สำเร็จ 

มีกระบวนการทางความคิดอยู่2แบบค่ะ คือแบบ Growth mindset คือวิธีคิดที่ว่าเรามีความพยายาม มีวินัย อดทน ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเพื่อต้องการทำบางสิ่งบางอย่างให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการให้ได้ และ Fixed mindset คือ ความคิดที่ไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ คิดว่าตนเองเก่งแล้ว หรือเป็นน้ำเต็มแก้ว อยากให้ทุกคนมีความคิดแบบ Growth mindset ค่ะ แล้วทุกคนจะสามารถพัฒนาตนเองไปได้ไกล และอาจทำเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จได้ในอนาคต บทความนี้ท่านอาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวไว้ในวันที่อบรมเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทริปญี่ปุ่นค่ะ 

ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดประการได้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ต้องการสอบถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถคอมเมนต์ไว้ได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านบทความของเรานะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่