วิ่งแข่ง มีแพ้มีชนะ ..เลือกเอาผู้ชนะขึ้นแท่นสูงสุด..
แต่การเลือกความนิยมในดอกไม้ ใจเราจะชอบดอกไม้หลายชนิด..
บางทีมันก็ตอบยากว่าชอบดอกอะไรมากที่สุด เพราะชอบเท่าๆกันไปหมด..
แต่เมื่อมีกฏว่าต้องเลือกจัดลำดับความนิยมชมชอบให้ได้เรียงลำดับ มันก็เลยเกิดความเฟคของจัดลำดับ..
บางทีดอกไม้ที่เราชอบที่สุด อาจไปอยู่ความนิยมที่ลำดับสามหรือลำดับสี่ ขึ้นกับภาวะอารมณ์ในขณะนั้น ..
และดอกไม้ที่เราให้คะแนนความนิยมมากที่สุดในเวลาหนึ่งอาจเป็นดอกไม้ที่เราเคยชอบน้อยกว่า ก็เป็นได้..
ดังนี้แล้ว การเลือกตั้ง อาแปะจึงมีทัศนคติว่า ผู้ที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า ก็มิใช่ผู้แพ้ เพียงแต่ในห้วงเวลานั้น ความนิยมในตัวเค้าน้อยลงไปชั่วขณะหนึ่งๆ..แค่นั้นเอง ....หากให้เลือกจัดลำดับกันใหม่ ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมน้อยลงอาจกลับมาได้รับความนิยมมากกว่าเดิทก็ได้...
สรุปได้ว่า
คะแนนความนิยม(เลือกตั้ง) ไม่มีผู้แพ้ และไม่มีผู้ชนะ...แต่เป็นเรื่องของความนิยมในห้วงเวลาหนึ่งๆ...
และไม่มีดอกไม้ใดๆ ที่ไม่มีคนไม่นิยมเลย อย่างน้อยเค้า(พรรค)ต้องมีสักคน ที่ให้ความนิยมสิน่า....ว่ามั๊ย.?
อมิตพุทธ..
อาแปะว่าการเลือกตั้งไม่เหมือนการวิ่งแข่งนะ แต่เหมือนการจัดลำดับความนิยมในดอกไม้..
แต่การเลือกความนิยมในดอกไม้ ใจเราจะชอบดอกไม้หลายชนิด..
บางทีมันก็ตอบยากว่าชอบดอกอะไรมากที่สุด เพราะชอบเท่าๆกันไปหมด..
แต่เมื่อมีกฏว่าต้องเลือกจัดลำดับความนิยมชมชอบให้ได้เรียงลำดับ มันก็เลยเกิดความเฟคของจัดลำดับ..
บางทีดอกไม้ที่เราชอบที่สุด อาจไปอยู่ความนิยมที่ลำดับสามหรือลำดับสี่ ขึ้นกับภาวะอารมณ์ในขณะนั้น ..
และดอกไม้ที่เราให้คะแนนความนิยมมากที่สุดในเวลาหนึ่งอาจเป็นดอกไม้ที่เราเคยชอบน้อยกว่า ก็เป็นได้..
ดังนี้แล้ว การเลือกตั้ง อาแปะจึงมีทัศนคติว่า ผู้ที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า ก็มิใช่ผู้แพ้ เพียงแต่ในห้วงเวลานั้น ความนิยมในตัวเค้าน้อยลงไปชั่วขณะหนึ่งๆ..แค่นั้นเอง ....หากให้เลือกจัดลำดับกันใหม่ ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมน้อยลงอาจกลับมาได้รับความนิยมมากกว่าเดิทก็ได้...
สรุปได้ว่า คะแนนความนิยม(เลือกตั้ง) ไม่มีผู้แพ้ และไม่มีผู้ชนะ...แต่เป็นเรื่องของความนิยมในห้วงเวลาหนึ่งๆ...
และไม่มีดอกไม้ใดๆ ที่ไม่มีคนไม่นิยมเลย อย่างน้อยเค้า(พรรค)ต้องมีสักคน ที่ให้ความนิยมสิน่า....ว่ามั๊ย.?
อมิตพุทธ..