เรื่องราวช่วงบั้นปลายชีวิตของวินเซนต์ แวน โก๊ะ (วิลเลม เดโฟ)
ขณะพักอยู่ที่เมืองอาร์ลส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในปลายทศวรรษ 1880
แวน โก๊ะ เป็นคนที่หลงใหลกับการวาดภาพธรรมชาติ และสิ่งรอบตัวอย่างมาก
ที่เมืองอาร์ลส์ แห่งนี้เขาได้สร้างผลงานออกมาอย่างมากมายทั้งจากสีน้ำมันบนผ้าใบหรือในสมุดสเก็ตช์
โดยใช้สไตล์การสร้างสรรค์งานอย่างรวดเร็วของเขาเอง... เขาคิดถึงความสวยงามของดอกไม้ และรู้สึกเสียดายที่มันเหี่ยวเฉาโรยรา..
ดังนั้นด้วยศิลปะของเขาจะทำให้ดอกไม้บนผืนผ้าใบมีความสวยงามไม่ร่วงโรยเหี่ยวเฉา และคงอยู่ตลอดไป...
นอกจากงานศิลปะแล้ว แวน โก๊ะ ยังตั้งคำถามในทางปรัชญาและอัตถิภาวนิยมต่างๆ แต่ทว่าสำหรับคนทั่วไปแล้ว
กลับมองเขาเหมือนคนสติไม่ค่อยจะดี บ่อยครั้งที่แวน โก๊ะ มักถูกเด็กๆในเมืองคอยแกล้งเขาเสมอ..
สิ่งเหล่านี้ค่อยๆสะสมความทุกข์ใจ และทำให้เขาค่อยๆ ปลีกตัวเองออกจากสังคมไปทีละนิด..
จนกระทั่งการมาถึงอาร์ลส์ ของจิตรกรหนุ่มนามว่า พอล โกแกง (ออสการ์ ไอแซก) ..
แวน โก๊ะ รู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับการปรากฏตัวของศิลปินผู้นี้ ทั้ง 2 ต่างแลกเปลี่ยนความคิด ความฝัน และหวังว่าจะได้สร้างผลงานร่วมกันมากมาย ..
แต่ทว่าสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว.. เมื่อโกแกงประกาศว่าเขาจะจากไปเร็วๆ นี้
ข่าวดังกล่าวก็บีบคั้นวินเซนต์ อย่างมาก... จนทำให้เขาเฉือนใบหู (ส่วนหนึ่ง) ของตัวเอง
At Eternity’s Gate จากผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทโดย Julian Schnabel
เป็นหนังชีวประวัติของจิตรกรชื่อก้องโลก วินเซนต์ วิลเลิม แวน โก๊ะ หรือออกเสียงในภาษาดัตช์ให้ถูกต้องว่า ฟาน โคค...
ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานที่มีชีวิตแสนอาภัพในโลกเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิต..
วิลเล่ม เดโฟ กับบทบาทของแวน โก๊ะ ถือว่าสมกับมาตรฐานของนักแสดงผู้นี้จริงๆครับ
ด้วยอารมณ์ที่ดูเหมือนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ บางครั้งก็ดูว่างเปล่า และบางครั้งก็น่ากลัว...
เดโฟ ในเรื่องนี้ ดูมอมแมม งุ่มง่าม เปราะบาง แต่ก็ละเอียดอ่อนมากในความรู้สึก..
แต่ในขณะเดียวกันไม่ว่าจะเจอเรื่องกระทบจิตใจยังไง แววตาก็เขาก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมจำนนต่อชีวิต
(มีนักแสดงไม่กี่คนจริงๆครับที่ฝีมือได้ถึงระดับนี้ ผมยกให้เดโฟ เป็น 1 ในนั้น)
หนังเรื่องนี้เป็นการตีความประวัติของแวน โก๊ะ ในรูปแบบใหม่ ที่สื่อถึงความคิดของเจ้าตัว การค้นหาความจริงของชีวิตในเชิงปรัชญา
การต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตซึ่งเป็นผลมาจากกระทำของผู้คนรอบตัวเขา ..
ความรักที่เขามีต่อธรรมชาติอันส่งให้เกิดผลงานระดับโลกมากมาย ..
ด้วยการนำเสนอเช่นนี้ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนบทกวีที่อาจจะไม่เหมาะกับหลายท่านที่ชอบการดำเนินเรื่องที่ฉับไว
แต่สำหรับใครที่ชอบงานศิลป์ และเป็นแฟนผลงานของเจ้าตัวแล้ว
At Eternity’s Gate จะเสมือนกับประตูที่จะเปิดให้เราไปพบกับความโดดเดี่ยว
และดำดึ่งในจิตวิญญาณของชายผู้นี้ได้อย่างมากจริงๆครับ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== At Eternity’s Gate (2018) ณ ประตูสู่นิรันดร์.. แวน โก๊ะ.. ==
เรื่องราวช่วงบั้นปลายชีวิตของวินเซนต์ แวน โก๊ะ (วิลเลม เดโฟ)
ขณะพักอยู่ที่เมืองอาร์ลส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในปลายทศวรรษ 1880
แวน โก๊ะ เป็นคนที่หลงใหลกับการวาดภาพธรรมชาติ และสิ่งรอบตัวอย่างมาก
ที่เมืองอาร์ลส์ แห่งนี้เขาได้สร้างผลงานออกมาอย่างมากมายทั้งจากสีน้ำมันบนผ้าใบหรือในสมุดสเก็ตช์
โดยใช้สไตล์การสร้างสรรค์งานอย่างรวดเร็วของเขาเอง... เขาคิดถึงความสวยงามของดอกไม้ และรู้สึกเสียดายที่มันเหี่ยวเฉาโรยรา..
ดังนั้นด้วยศิลปะของเขาจะทำให้ดอกไม้บนผืนผ้าใบมีความสวยงามไม่ร่วงโรยเหี่ยวเฉา และคงอยู่ตลอดไป...
นอกจากงานศิลปะแล้ว แวน โก๊ะ ยังตั้งคำถามในทางปรัชญาและอัตถิภาวนิยมต่างๆ แต่ทว่าสำหรับคนทั่วไปแล้ว
กลับมองเขาเหมือนคนสติไม่ค่อยจะดี บ่อยครั้งที่แวน โก๊ะ มักถูกเด็กๆในเมืองคอยแกล้งเขาเสมอ..
สิ่งเหล่านี้ค่อยๆสะสมความทุกข์ใจ และทำให้เขาค่อยๆ ปลีกตัวเองออกจากสังคมไปทีละนิด..
จนกระทั่งการมาถึงอาร์ลส์ ของจิตรกรหนุ่มนามว่า พอล โกแกง (ออสการ์ ไอแซก) ..
แวน โก๊ะ รู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับการปรากฏตัวของศิลปินผู้นี้ ทั้ง 2 ต่างแลกเปลี่ยนความคิด ความฝัน และหวังว่าจะได้สร้างผลงานร่วมกันมากมาย ..
แต่ทว่าสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว.. เมื่อโกแกงประกาศว่าเขาจะจากไปเร็วๆ นี้
ข่าวดังกล่าวก็บีบคั้นวินเซนต์ อย่างมาก... จนทำให้เขาเฉือนใบหู (ส่วนหนึ่ง) ของตัวเอง
At Eternity’s Gate จากผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทโดย Julian Schnabel
เป็นหนังชีวประวัติของจิตรกรชื่อก้องโลก วินเซนต์ วิลเลิม แวน โก๊ะ หรือออกเสียงในภาษาดัตช์ให้ถูกต้องว่า ฟาน โคค...
ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานที่มีชีวิตแสนอาภัพในโลกเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิต..
วิลเล่ม เดโฟ กับบทบาทของแวน โก๊ะ ถือว่าสมกับมาตรฐานของนักแสดงผู้นี้จริงๆครับ
ด้วยอารมณ์ที่ดูเหมือนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ บางครั้งก็ดูว่างเปล่า และบางครั้งก็น่ากลัว...
เดโฟ ในเรื่องนี้ ดูมอมแมม งุ่มง่าม เปราะบาง แต่ก็ละเอียดอ่อนมากในความรู้สึก..
แต่ในขณะเดียวกันไม่ว่าจะเจอเรื่องกระทบจิตใจยังไง แววตาก็เขาก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมจำนนต่อชีวิต
(มีนักแสดงไม่กี่คนจริงๆครับที่ฝีมือได้ถึงระดับนี้ ผมยกให้เดโฟ เป็น 1 ในนั้น)
หนังเรื่องนี้เป็นการตีความประวัติของแวน โก๊ะ ในรูปแบบใหม่ ที่สื่อถึงความคิดของเจ้าตัว การค้นหาความจริงของชีวิตในเชิงปรัชญา
การต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตซึ่งเป็นผลมาจากกระทำของผู้คนรอบตัวเขา ..
ความรักที่เขามีต่อธรรมชาติอันส่งให้เกิดผลงานระดับโลกมากมาย ..
ด้วยการนำเสนอเช่นนี้ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนบทกวีที่อาจจะไม่เหมาะกับหลายท่านที่ชอบการดำเนินเรื่องที่ฉับไว
แต่สำหรับใครที่ชอบงานศิลป์ และเป็นแฟนผลงานของเจ้าตัวแล้ว
At Eternity’s Gate จะเสมือนกับประตูที่จะเปิดให้เราไปพบกับความโดดเดี่ยว
และดำดึ่งในจิตวิญญาณของชายผู้นี้ได้อย่างมากจริงๆครับ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===