ทั้งบ้านอยู่กันสามคน มีผมพี่ชาย และแม่ ผมดูแลค่า ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าไฟ ค่าเน็ตบ้านบางเดือนแม่ช่วยจ่าย ค่าน้ำแม่รับผิดชอบ เพราไม่ได้เยอะมาก
แม่ผมเป็นลูกจ้างร้านกับข้าวได้วันละ 4-5 ร้อย พอได้ใช้หมุนในบ้านแต่ละวัน
ส่วนพี่ชายผมว่างงานมาจะครบ 3 ปีแล้วเนื่องจากผลกระทบโควิด และพาชีวิตตัวเองไปจมอยู่กับยาเสพติด เสียรถไป1 คัน ผมพยายามพูดพลักดันทุกอย่าง พูดแบบใจเย็นๆ ก็แล้ว เพราะคิดว่าคนอื่นนอกครอบครัวคงไม่มีใครหวังดีและกล้าพูดจริงใจเท่าน้องชายตัวเองได้แล้ว พูดจนถึงขั้นทะเลาะกันเสียงดังก็แล้ว พี่ผมรับปากทุกครั้ง ว่าจะไปสมัครงาน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็กลับไปทำตัวเหมือนเดิม อยู่แต่ในห้อง ดึกๆรอทุกคนหลับออกมาหาอะไรกิน เสร็จก็ขึ้นไปนอนวันไหนๆดีดๆ ไปขนเศษขยะ เข้าบ้าน เครื่องซักผ้าจากที่มีใช้อยู่ก็ไปพังเอาไปขายเศษเหล็ก ทีวีไปจำนำจนขาด ปีนี้พี่ผมจะ 34 แล้ว ผมเลยให้เวลามัน คิดว่าพี่ชายคงเห็นความลำบากในบ้านไหนจะน้อง ไหนจะแม่ ไหนจะกับข้าวไหนจะข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ภายในบ้านที่พังบ้าง ได้สติเองแล้วกลับมาหางานทำ
ผมกำลังรู้สึกสับสนระหว่าง คำปรึกษาญาติผู้ใหญ่ที่บอกว่าต้องตอบแทนบุญคุณดีแล้ว ผลจะตอบแทนจะกลับมาหาเราเอง ก็ไม่ได้เถียงอะไร กับ เส้นทางอนาคตตัวเองในวันข้างหน้า ผมรู้สึกว่าอยู่กับคนที่บอกว่าอย่าไปเครียด เครียดอะไรเยอะแยะ ผมอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ไม่ได้แล้ว ไม่มีการวางแผนอะไรเลย มันทรมานมาก เขาไม่ใช่ผม ที่ถึงสินเดือนแล้วจะมีคนโทรมาทวงหนี้ต่างๆ ทำงานก็ไม่เหลือเงินเลย จะแบ่งเก็บไว้ลงทุนทำอะไรสักอย่างยังไม่ได้ จนตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหลายบุคลิก ที่ทำงานก็ยิ้มแย้ม ทำงานเต็มทีกับทุกคนปกติ พอเลิกงานก็เป็นอีกคน พออยู่บ้านก็เป็นอีกคน รู้สึกว่าจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่ต้องรับรู้ปัญหาก็อดหวงไม่ได้ แถมเป็นการเพิ่มภาระไปอีก
ทนอยู่บ้านก็จะเป็นประสาท พี่น้องสองคนถ้าทำงานกันทั้งคู่ ผมเคยพูดกับเขาหลายครั้งมากๆ แค่เราสองคนจะพาแม่สบายกว่านี้มากๆ แต่แล้วคำพูดมันก็ได้แค่คำพูด ผมเปลื่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย และเริ่มหมดกำลังใจในการทำงานลงไปทุกๆวัน เริ่มหมดไฟ ความเครียดสะสม มีท่านไหนเคยเจอคนในครอบครัวแบบนี้แล้ว แก้ไขปัญหาได้ รบกวนแนะนำชีแนะได้เต็มที ผมยินดีรับฟังครับ ขอบคุณสำหรับพื้นทีเล็กให้ระบาย
อายุ 28 ปีกับภาระหนี้เกินตัว
แม่ผมเป็นลูกจ้างร้านกับข้าวได้วันละ 4-5 ร้อย พอได้ใช้หมุนในบ้านแต่ละวัน
ส่วนพี่ชายผมว่างงานมาจะครบ 3 ปีแล้วเนื่องจากผลกระทบโควิด และพาชีวิตตัวเองไปจมอยู่กับยาเสพติด เสียรถไป1 คัน ผมพยายามพูดพลักดันทุกอย่าง พูดแบบใจเย็นๆ ก็แล้ว เพราะคิดว่าคนอื่นนอกครอบครัวคงไม่มีใครหวังดีและกล้าพูดจริงใจเท่าน้องชายตัวเองได้แล้ว พูดจนถึงขั้นทะเลาะกันเสียงดังก็แล้ว พี่ผมรับปากทุกครั้ง ว่าจะไปสมัครงาน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็กลับไปทำตัวเหมือนเดิม อยู่แต่ในห้อง ดึกๆรอทุกคนหลับออกมาหาอะไรกิน เสร็จก็ขึ้นไปนอนวันไหนๆดีดๆ ไปขนเศษขยะ เข้าบ้าน เครื่องซักผ้าจากที่มีใช้อยู่ก็ไปพังเอาไปขายเศษเหล็ก ทีวีไปจำนำจนขาด ปีนี้พี่ผมจะ 34 แล้ว ผมเลยให้เวลามัน คิดว่าพี่ชายคงเห็นความลำบากในบ้านไหนจะน้อง ไหนจะแม่ ไหนจะกับข้าวไหนจะข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ภายในบ้านที่พังบ้าง ได้สติเองแล้วกลับมาหางานทำ
ผมกำลังรู้สึกสับสนระหว่าง คำปรึกษาญาติผู้ใหญ่ที่บอกว่าต้องตอบแทนบุญคุณดีแล้ว ผลจะตอบแทนจะกลับมาหาเราเอง ก็ไม่ได้เถียงอะไร กับ เส้นทางอนาคตตัวเองในวันข้างหน้า ผมรู้สึกว่าอยู่กับคนที่บอกว่าอย่าไปเครียด เครียดอะไรเยอะแยะ ผมอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ไม่ได้แล้ว ไม่มีการวางแผนอะไรเลย มันทรมานมาก เขาไม่ใช่ผม ที่ถึงสินเดือนแล้วจะมีคนโทรมาทวงหนี้ต่างๆ ทำงานก็ไม่เหลือเงินเลย จะแบ่งเก็บไว้ลงทุนทำอะไรสักอย่างยังไม่ได้ จนตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหลายบุคลิก ที่ทำงานก็ยิ้มแย้ม ทำงานเต็มทีกับทุกคนปกติ พอเลิกงานก็เป็นอีกคน พออยู่บ้านก็เป็นอีกคน รู้สึกว่าจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่ต้องรับรู้ปัญหาก็อดหวงไม่ได้ แถมเป็นการเพิ่มภาระไปอีก
ทนอยู่บ้านก็จะเป็นประสาท พี่น้องสองคนถ้าทำงานกันทั้งคู่ ผมเคยพูดกับเขาหลายครั้งมากๆ แค่เราสองคนจะพาแม่สบายกว่านี้มากๆ แต่แล้วคำพูดมันก็ได้แค่คำพูด ผมเปลื่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย และเริ่มหมดกำลังใจในการทำงานลงไปทุกๆวัน เริ่มหมดไฟ ความเครียดสะสม มีท่านไหนเคยเจอคนในครอบครัวแบบนี้แล้ว แก้ไขปัญหาได้ รบกวนแนะนำชีแนะได้เต็มที ผมยินดีรับฟังครับ ขอบคุณสำหรับพื้นทีเล็กให้ระบาย