สวัสดีค่ะ ที่บ้านโดยปกติจะอยู่กับคุณแม่มีพี่น้อง 3 คน จขกท.เป็นคนสุดท้อง ช่วงระยะนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแบกรับความรู้สึกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เป็นความรู้สึกที่เกิดจากความเครียดสะสมไม่รู้ตัว+เจอสภาวะพี่น้องtoxic จะขอเล่าและอยากขอคำปรึกษาหรือแนะนำให้รู้สึกดีขึ้นทีค่ะ
เริ่มจากคุณแม่เป็นมะเร็งตั้งแต่ช่วงที่จขกท.เรียนอยู่ ม.6 ก็รักษากันเรื่อยมาจนปัจจุบันประมาณ 5 ปีแล้วในระหว่างนี้จขกท.ซิ่วจากมหาวิทยาลัย 2 ปี ส่วนใหญ่เลยจะดูแลแม่ พาแม่ไปรพ.ตามนัด หาหมอ นอนเฝ้าที่รพ. ทำทุกอย่าง โดยพี่ๆทั้ง3คนมีหน้าที่ทำงาน จะมี1ใน3คนที่มาช่วยดูแลแม่ในเรื่องค่าใช้จ่าย (เป็นเสาหลัก) อีก1ทำงานกับพ่อ อีก1แต่งงานแยกย้ายไปมีครอบครัว (แยกบ้าน) ในระหว่างที่ซิ่วก็เตรียมตัวสอบเข้าคณะที่อยากเข้าด้วย (จขกท.อยากเรียนด้านสายสุขภาพ อยากเปิดคลินิก) แต่ระหว่างที่ซิ่วก็ต้องแบ่งเวลามาดูแลแม่ สังคมเรื่องเพื่อนจากที่เคยมีก็ไม่มีเลย แทบนับว่าตัวติดกับแม่เป็นปาท่องโก๋ ชีวิตวนเวียน บ้าน-โรงพยาบาลตลอดที่ผ่านมา จนเริ่มรู้สึกแย่แต่ ณ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองสะสมความเครียดไว้ พอรู้สึกแย่ก็เก็บจนมันสะสมมาเรื่อยๆ ขอขยายความเรื่องที่รู้สึกแย่คือเกิดความรู้สึกกดดันเนื่องจากการไปโรงพยาบาลสภาพแวดล้อมมันไม่เอื้ออำนวยต่อการอ่านหนังสือ แต่ก็พยายามทำ เอาหนังสือไปอ่านด้วยแต่มันก็ไม่สามารถมีสมาธิได้เลย และมีปัจจัยเรื่องพี่น้องในครอบครัวมาเกี่ยวข้อง
ในระหว่างนี้ก็พบว่าปัญหาที่มันคาราคาซังมากๆคือเรื่องพี่น้อง ขอแบ่งเป็นตามนี้นะคะ
1.พี่คนที่มีครอบครัว มักมีปัญหาเรื่องการขอเงินแม่และคนอื่นๆในครอบครัวใช้ มีครั้งหนึ่งที่ไปสร้างหนี้หลักหลายหมื่น สุดท้ายพี่คนที่เป็นเสาหลักของบ้านต้องตามใช้ให้ ปัจจุบันไม่กล้าสร้างหนี้แบบเดิมแล้วแต่พบว่าชอบขอเงินไปใช้เรื่องไร้สาระ เช่น ชอบซื้อ Iphone รุ่นใหม่ล่าสุด (ผ่อน) / ซื้อสัตว์มาเลี้ยง ตายบ้าง เลิกเลี้ยงบ้าง ก็เงินจากพ่อแม่พี่น้องทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าว่าซื้อไอโฟนแล้วไร้สาระนะคะ แต่คือพี่เขาไม่ได้ทำงาน เลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆ มีสามีที่ทำงานคนเดียว จะเอารุ่นใหม่ไปเพื่ออะไรหรืออวดใคร คือแทบจะเปลี่ยนมือถือทุกปี แล้วเดือดร้อนขอเงินคนในครอบครัวนี่แหละไปผ่อน ไปใช้เรื่องส่วนตัวที่ไม่กล้าขอสามีและสิ่งที่เราพบว่าเป็นปัญหาต่อมาอีกคือ แม่ก็จะโอนให้ตลอดบางเดือนก็หลายพัน ซึ่งไม่เข้าใจมากๆทั้งที่แม่ก็ยังจะต้องซื้อยารักษาตัวเองกินด้วย แต่ก็ยังต้องเจียดเงินให้ลูกใช้ในสิ่งที่ไร้สาระมากๆ ซึ่งแม่ก็รู้นะคะ แต่แม่ก็ยังให้ ซึ่งพี่คนนี้เขาจะเวียนขอเงินคนในครอบครัว(ยกเว้นจขกท.เพราะจขกท.ยังเรียนและไม่ได้มีงานทำ ไม่มีเงิน) จะมีคำพูดต่างๆเช่น ขอไปซื้ออุปกรณ์การเรียน ขอเนื่องในวันเกิดลูกคนที่ 1,2และวันเกิดตัวเอง หรือบางครั้งก็อุปโลกขึ้นมาว่า เกิดอาการแบบนั้นแบบนี้กับตัวเอง ไม่มีเงิน ป่วย ร้อยแปดพันเก้าอย่างวิธีที่จะขอ ซึ่งก็จะหมดไปกับเรื่องที่ไม่สมควรจะหมด ซึ่งจขกท.จะเป็นที่ระบายของแม่และพี่คนที่เป็นเสาหลักของบ้านในเรื่องนี้ จขกท.เคยบอกแม่แล้วว่าให้ใจแข็ง อย่าไปโอนนะ พอวันต่อมาแม่ก็โอนให้อยู่ดี แล้วตัวเองก็ต้องมากินประหยัด และพี่คนนี้ไม่เคยสนใจว่าแม่จะเข้ารพ. หาหมอเป็นอย่างไร สนแต่ว่ามีเงินให้เขามั้ย ถ้ามีเขาถึงจะคุยดีด้วย ถ้าไม่มีเงินก็จะสร้างเรื่องอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยคุย จขกท.เลยแบกความรู้สึกแย่ๆมาไว้ที่ตัวเองอีก
2.พี่คนโต ทำงานและจะกลับบ้านเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่ได้กลับมาดูแม่ จะกลับมาเพื่อนอนพักผ่อนเฉยๆ และไม่เคยอยู่บ้าน เช่น วันเสาร์-อาทิตย์ทั้งวัน จะอยู่ข้างนอก นั่งตามร้านคาเฟ่บ้าง พบปะเจอเพื่อน ผ่อนคลาย(พี่พูด) และกลับบ้านเลยตอนมืดๆ เช่น 3-4ทุ่ม หรือบางคืนเที่ยงคืน-ตี1 ไม่เคยพาแม่ไปรพ.เพราะวันธรรมดาจะทำงานกับพ่อ(คนละบ้าน) หรือวันหยุดก็ไม่เคยอยู่บ้าน บางครั้งจะกลับเอารถเข้าบ้าน ยังโทรให้แม่เปิดประตูให้ ซึ่งถ้าจขกท.รู้จะไปเปิดแทนแม่เอง (ตอนหลังๆแม่คุยกับพี่ว่าแม่ไม่ไหว ให้เปิดเข้ามาเอง) เรียกว่ามาบ้านหาแม่คือแค่มานอนแล้วออกไป หลอดไฟเสียยังเรียกช่างมาซ่อม (ทั้งๆที่ตัวเองแค่ยืนเปลี่ยนก็ได้แล้ว) แต่ในทางกลับกันคือจะไปรับผิดชอบหน้าที่แทบทุกอย่างให้พ่อ เช่น ขับรถไปตลาดซื้อของให้พ่อทำกิน เปิดประตูรั้วบ้านเอง ทิ้งขยะ ช่วยทำกับข้าว ฯลฯ ซึ่งตรงนี้จขกท.ก็ไม่อะไรนะแต่แค่รู้สึกว่าอย่ามาบ้านนี้เพื่อมาเป็นภาระจะได้ไหม คือไม่รับผิดชอบอะไรเลย ไม่เอาอะไรเลยสักอย่างในเรื่องแม่ แต่เป็นห่วงแม่โทรหาแม่ทุกวัน (ไม่รู้เป็นห่วงแบบไหน) แต่อยู่บ้านไม่คุยไม่พูด พอแม่น้อยใจก็จะมาบ่น มาเล่ามาระบายตามเดิม ซึ่งฟังช่วงแรกๆก็ไม่อะไร พอมันย้ำๆซ้ำๆ จขกท.เริ่มไม่ไหว ซึ่งตรงนี้รู้ว่ามันไม่สามารถปรับที่ตัวเขาได้ จขกท.เลยต้องหาวิธีเอาตัวเองออกมาแทน
3.พี่ที่เป็นเสาหลักบ้าน คนนี้จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้แม่รายเดือน 20,000 ซึ่งแม่ก็จะใช้ซื้อกับข้าวกิน ใช้เป็นค่ารถไปหาหมอ ใช้จ่ายภายในบ้าน และเจียดเงินไปให้พี่อีกคน จขกท.ช่วงที่ซิ่ว ก็อยู่บ้าน ไม่มีเงิน แต่ได้เงินจากแฟน ซึ่งก็ไม่เคยขอเงินแม่ จะซื้อของใช้หรืออยากได้อะไรก็จะเป็นส่วนที่แฟนให้เกือบทั้งหมด มีแค่กินข้าวด้วยกับแม่ หรือบางทีแฟนก็ซื้อของมาเผื่อแม่ด้วยก็ไม่เคยขอตังใดๆมีแต่จ่ายให้ เพราะรู้ว่าเงินแต่ละเดือนแม่ใช้ไม่ค่อยจะพอ บางครั้งสั่งยา สั่งนม แฟนก็ช่วยจ่าย แต่ก็มีเกิดเหตุการณ์ที่แม่เอาเงินที่ควรจะเก็บไว้กินนั้นแบ่งโอนไปให้พี่อีกคนใช้
คือเหมือนเอาเงินที่จะซื้อยาในตอนแรกเก็บไว้เพราะแฟนจขกท.ซื้อยาให้แล้ว และแบ่งเอาเงินนั้นโอนให้พี่อีกคน ส่วนพี่ที่เป็นเสาหลักก็จะโดนขอเหมือนกัน พอโอนให้เสร็จ ก็จะมาบ่นระบายกับแม่กับจขกท. ซึ่งจขกท.ก็เก็บเรื่องแย่ๆคำtoxic ไว้อีกตามเคย
4.แม่ จขกท.เปิดอกคุยกับแม่ล่าสุดหลังจากที่ตัวเองเครียดหนักและรู้สึกว่าไม่ไหวกับการกระทำของทุกคนในบ้านที่เจอมา จขกท.สติแตก กรี๊ดลั่นบ้านอยู่ 2 ครั้ง ปกติไม่เคยเป็นและเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมาก หลังจากที่ต้องมาดูแลแม่ ตัดขาดสังคมจากเพื่อนวัยเดียวกันและอยู่รับรู้ปัญหา toxic ตลอดหลายปี จนจขกท.กลายเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ โมโหง่ายกับปัญหาเกี่ยวกับพี่ๆ คือไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเจอปัญหาพวกนี้แล้ว มันไม่ใช่ปัญหาที่เราสร้างเลยทำไมต้องมารับรู้ด้วย ประมาณนั้นบางครั้งมีความคิดที่ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ทนไม่ไหวแล้ว แต่ยังดีที่มีแฟนเข้าใจและแฟนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่จขกท.เจอจากพี่ๆ เหมือนเป็นที่ระบาย+รองรับอารมณ์ พอคุยกับแม่ แม่ก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นอีก
ปัจจุบัน จขกท.สอบติดสำเร็จคณะหนึ่ง ใช้เวลาเรียน 6 ปี และต้องย้ายไปอยู่หอใกล้มหาวิทยาลัย จขกท.มีความรู้สึกที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก แน่นอนว่าอยู่บ้านสถานที่กว้างใหญ่กว่าอยู่หอ แต่อยู่บ้านแบบนี้มันไม่มีความสุข ต้องเจอปัญหาแน่นอน ถามว่าเป็นห่วงแม่ไหม ก็เป็นห่วง เพราะแม่ต้องอยู่บ้านคนเดียวกลางวัน ส่วนกลางคืนพี่คนที่เป็นเสาหลักจะมานอนด้วยบางคืน แต่อีกความรู้สึกคือจขกท.ดีใจมากที่จะได้ไปอยู่ในสังคมที่ตัวเองควรจะได้อยู่จริงจังสักที ได้ไปเรียน ได้เจอเพื่อน ได้ลองทำในสิ่งที่ชอบบ้าง
แต่ยังจัดการและยังรับมือการเจอเรื่อง toxic ได้ไม่ดีพอ ขอบคุณที่อ่านมาถีงตรงนี้ค่ะ และอยากขอคำแนะนำหรือคำให้กำลังใจ (ไม่เอาประโยคลบๆต่างๆ เช่น เอาเรื่องในครอบครัวมาพูดในที่แจ้งทำไม บลาๆๆ เพราะต้องการคำปรึกษาและอยากใช้พื้นที่ในพันทิปเจอประโยคในทางบวกค่ะ)
ขอวิธีรับมือกับปัญหา toxic หน่อยค่ะ (ตอนนี้รู้สึกแย่มาก)
เริ่มจากคุณแม่เป็นมะเร็งตั้งแต่ช่วงที่จขกท.เรียนอยู่ ม.6 ก็รักษากันเรื่อยมาจนปัจจุบันประมาณ 5 ปีแล้วในระหว่างนี้จขกท.ซิ่วจากมหาวิทยาลัย 2 ปี ส่วนใหญ่เลยจะดูแลแม่ พาแม่ไปรพ.ตามนัด หาหมอ นอนเฝ้าที่รพ. ทำทุกอย่าง โดยพี่ๆทั้ง3คนมีหน้าที่ทำงาน จะมี1ใน3คนที่มาช่วยดูแลแม่ในเรื่องค่าใช้จ่าย (เป็นเสาหลัก) อีก1ทำงานกับพ่อ อีก1แต่งงานแยกย้ายไปมีครอบครัว (แยกบ้าน) ในระหว่างที่ซิ่วก็เตรียมตัวสอบเข้าคณะที่อยากเข้าด้วย (จขกท.อยากเรียนด้านสายสุขภาพ อยากเปิดคลินิก) แต่ระหว่างที่ซิ่วก็ต้องแบ่งเวลามาดูแลแม่ สังคมเรื่องเพื่อนจากที่เคยมีก็ไม่มีเลย แทบนับว่าตัวติดกับแม่เป็นปาท่องโก๋ ชีวิตวนเวียน บ้าน-โรงพยาบาลตลอดที่ผ่านมา จนเริ่มรู้สึกแย่แต่ ณ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองสะสมความเครียดไว้ พอรู้สึกแย่ก็เก็บจนมันสะสมมาเรื่อยๆ ขอขยายความเรื่องที่รู้สึกแย่คือเกิดความรู้สึกกดดันเนื่องจากการไปโรงพยาบาลสภาพแวดล้อมมันไม่เอื้ออำนวยต่อการอ่านหนังสือ แต่ก็พยายามทำ เอาหนังสือไปอ่านด้วยแต่มันก็ไม่สามารถมีสมาธิได้เลย และมีปัจจัยเรื่องพี่น้องในครอบครัวมาเกี่ยวข้อง
ในระหว่างนี้ก็พบว่าปัญหาที่มันคาราคาซังมากๆคือเรื่องพี่น้อง ขอแบ่งเป็นตามนี้นะคะ
1.พี่คนที่มีครอบครัว มักมีปัญหาเรื่องการขอเงินแม่และคนอื่นๆในครอบครัวใช้ มีครั้งหนึ่งที่ไปสร้างหนี้หลักหลายหมื่น สุดท้ายพี่คนที่เป็นเสาหลักของบ้านต้องตามใช้ให้ ปัจจุบันไม่กล้าสร้างหนี้แบบเดิมแล้วแต่พบว่าชอบขอเงินไปใช้เรื่องไร้สาระ เช่น ชอบซื้อ Iphone รุ่นใหม่ล่าสุด (ผ่อน) / ซื้อสัตว์มาเลี้ยง ตายบ้าง เลิกเลี้ยงบ้าง ก็เงินจากพ่อแม่พี่น้องทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าว่าซื้อไอโฟนแล้วไร้สาระนะคะ แต่คือพี่เขาไม่ได้ทำงาน เลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆ มีสามีที่ทำงานคนเดียว จะเอารุ่นใหม่ไปเพื่ออะไรหรืออวดใคร คือแทบจะเปลี่ยนมือถือทุกปี แล้วเดือดร้อนขอเงินคนในครอบครัวนี่แหละไปผ่อน ไปใช้เรื่องส่วนตัวที่ไม่กล้าขอสามีและสิ่งที่เราพบว่าเป็นปัญหาต่อมาอีกคือ แม่ก็จะโอนให้ตลอดบางเดือนก็หลายพัน ซึ่งไม่เข้าใจมากๆทั้งที่แม่ก็ยังจะต้องซื้อยารักษาตัวเองกินด้วย แต่ก็ยังต้องเจียดเงินให้ลูกใช้ในสิ่งที่ไร้สาระมากๆ ซึ่งแม่ก็รู้นะคะ แต่แม่ก็ยังให้ ซึ่งพี่คนนี้เขาจะเวียนขอเงินคนในครอบครัว(ยกเว้นจขกท.เพราะจขกท.ยังเรียนและไม่ได้มีงานทำ ไม่มีเงิน) จะมีคำพูดต่างๆเช่น ขอไปซื้ออุปกรณ์การเรียน ขอเนื่องในวันเกิดลูกคนที่ 1,2และวันเกิดตัวเอง หรือบางครั้งก็อุปโลกขึ้นมาว่า เกิดอาการแบบนั้นแบบนี้กับตัวเอง ไม่มีเงิน ป่วย ร้อยแปดพันเก้าอย่างวิธีที่จะขอ ซึ่งก็จะหมดไปกับเรื่องที่ไม่สมควรจะหมด ซึ่งจขกท.จะเป็นที่ระบายของแม่และพี่คนที่เป็นเสาหลักของบ้านในเรื่องนี้ จขกท.เคยบอกแม่แล้วว่าให้ใจแข็ง อย่าไปโอนนะ พอวันต่อมาแม่ก็โอนให้อยู่ดี แล้วตัวเองก็ต้องมากินประหยัด และพี่คนนี้ไม่เคยสนใจว่าแม่จะเข้ารพ. หาหมอเป็นอย่างไร สนแต่ว่ามีเงินให้เขามั้ย ถ้ามีเขาถึงจะคุยดีด้วย ถ้าไม่มีเงินก็จะสร้างเรื่องอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยคุย จขกท.เลยแบกความรู้สึกแย่ๆมาไว้ที่ตัวเองอีก
2.พี่คนโต ทำงานและจะกลับบ้านเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่ได้กลับมาดูแม่ จะกลับมาเพื่อนอนพักผ่อนเฉยๆ และไม่เคยอยู่บ้าน เช่น วันเสาร์-อาทิตย์ทั้งวัน จะอยู่ข้างนอก นั่งตามร้านคาเฟ่บ้าง พบปะเจอเพื่อน ผ่อนคลาย(พี่พูด) และกลับบ้านเลยตอนมืดๆ เช่น 3-4ทุ่ม หรือบางคืนเที่ยงคืน-ตี1 ไม่เคยพาแม่ไปรพ.เพราะวันธรรมดาจะทำงานกับพ่อ(คนละบ้าน) หรือวันหยุดก็ไม่เคยอยู่บ้าน บางครั้งจะกลับเอารถเข้าบ้าน ยังโทรให้แม่เปิดประตูให้ ซึ่งถ้าจขกท.รู้จะไปเปิดแทนแม่เอง (ตอนหลังๆแม่คุยกับพี่ว่าแม่ไม่ไหว ให้เปิดเข้ามาเอง) เรียกว่ามาบ้านหาแม่คือแค่มานอนแล้วออกไป หลอดไฟเสียยังเรียกช่างมาซ่อม (ทั้งๆที่ตัวเองแค่ยืนเปลี่ยนก็ได้แล้ว) แต่ในทางกลับกันคือจะไปรับผิดชอบหน้าที่แทบทุกอย่างให้พ่อ เช่น ขับรถไปตลาดซื้อของให้พ่อทำกิน เปิดประตูรั้วบ้านเอง ทิ้งขยะ ช่วยทำกับข้าว ฯลฯ ซึ่งตรงนี้จขกท.ก็ไม่อะไรนะแต่แค่รู้สึกว่าอย่ามาบ้านนี้เพื่อมาเป็นภาระจะได้ไหม คือไม่รับผิดชอบอะไรเลย ไม่เอาอะไรเลยสักอย่างในเรื่องแม่ แต่เป็นห่วงแม่โทรหาแม่ทุกวัน (ไม่รู้เป็นห่วงแบบไหน) แต่อยู่บ้านไม่คุยไม่พูด พอแม่น้อยใจก็จะมาบ่น มาเล่ามาระบายตามเดิม ซึ่งฟังช่วงแรกๆก็ไม่อะไร พอมันย้ำๆซ้ำๆ จขกท.เริ่มไม่ไหว ซึ่งตรงนี้รู้ว่ามันไม่สามารถปรับที่ตัวเขาได้ จขกท.เลยต้องหาวิธีเอาตัวเองออกมาแทน
3.พี่ที่เป็นเสาหลักบ้าน คนนี้จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้แม่รายเดือน 20,000 ซึ่งแม่ก็จะใช้ซื้อกับข้าวกิน ใช้เป็นค่ารถไปหาหมอ ใช้จ่ายภายในบ้าน และเจียดเงินไปให้พี่อีกคน จขกท.ช่วงที่ซิ่ว ก็อยู่บ้าน ไม่มีเงิน แต่ได้เงินจากแฟน ซึ่งก็ไม่เคยขอเงินแม่ จะซื้อของใช้หรืออยากได้อะไรก็จะเป็นส่วนที่แฟนให้เกือบทั้งหมด มีแค่กินข้าวด้วยกับแม่ หรือบางทีแฟนก็ซื้อของมาเผื่อแม่ด้วยก็ไม่เคยขอตังใดๆมีแต่จ่ายให้ เพราะรู้ว่าเงินแต่ละเดือนแม่ใช้ไม่ค่อยจะพอ บางครั้งสั่งยา สั่งนม แฟนก็ช่วยจ่าย แต่ก็มีเกิดเหตุการณ์ที่แม่เอาเงินที่ควรจะเก็บไว้กินนั้นแบ่งโอนไปให้พี่อีกคนใช้
คือเหมือนเอาเงินที่จะซื้อยาในตอนแรกเก็บไว้เพราะแฟนจขกท.ซื้อยาให้แล้ว และแบ่งเอาเงินนั้นโอนให้พี่อีกคน ส่วนพี่ที่เป็นเสาหลักก็จะโดนขอเหมือนกัน พอโอนให้เสร็จ ก็จะมาบ่นระบายกับแม่กับจขกท. ซึ่งจขกท.ก็เก็บเรื่องแย่ๆคำtoxic ไว้อีกตามเคย
4.แม่ จขกท.เปิดอกคุยกับแม่ล่าสุดหลังจากที่ตัวเองเครียดหนักและรู้สึกว่าไม่ไหวกับการกระทำของทุกคนในบ้านที่เจอมา จขกท.สติแตก กรี๊ดลั่นบ้านอยู่ 2 ครั้ง ปกติไม่เคยเป็นและเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมาก หลังจากที่ต้องมาดูแลแม่ ตัดขาดสังคมจากเพื่อนวัยเดียวกันและอยู่รับรู้ปัญหา toxic ตลอดหลายปี จนจขกท.กลายเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ โมโหง่ายกับปัญหาเกี่ยวกับพี่ๆ คือไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเจอปัญหาพวกนี้แล้ว มันไม่ใช่ปัญหาที่เราสร้างเลยทำไมต้องมารับรู้ด้วย ประมาณนั้นบางครั้งมีความคิดที่ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ทนไม่ไหวแล้ว แต่ยังดีที่มีแฟนเข้าใจและแฟนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่จขกท.เจอจากพี่ๆ เหมือนเป็นที่ระบาย+รองรับอารมณ์ พอคุยกับแม่ แม่ก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นอีก
ปัจจุบัน จขกท.สอบติดสำเร็จคณะหนึ่ง ใช้เวลาเรียน 6 ปี และต้องย้ายไปอยู่หอใกล้มหาวิทยาลัย จขกท.มีความรู้สึกที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก แน่นอนว่าอยู่บ้านสถานที่กว้างใหญ่กว่าอยู่หอ แต่อยู่บ้านแบบนี้มันไม่มีความสุข ต้องเจอปัญหาแน่นอน ถามว่าเป็นห่วงแม่ไหม ก็เป็นห่วง เพราะแม่ต้องอยู่บ้านคนเดียวกลางวัน ส่วนกลางคืนพี่คนที่เป็นเสาหลักจะมานอนด้วยบางคืน แต่อีกความรู้สึกคือจขกท.ดีใจมากที่จะได้ไปอยู่ในสังคมที่ตัวเองควรจะได้อยู่จริงจังสักที ได้ไปเรียน ได้เจอเพื่อน ได้ลองทำในสิ่งที่ชอบบ้าง
แต่ยังจัดการและยังรับมือการเจอเรื่อง toxic ได้ไม่ดีพอ ขอบคุณที่อ่านมาถีงตรงนี้ค่ะ และอยากขอคำแนะนำหรือคำให้กำลังใจ (ไม่เอาประโยคลบๆต่างๆ เช่น เอาเรื่องในครอบครัวมาพูดในที่แจ้งทำไม บลาๆๆ เพราะต้องการคำปรึกษาและอยากใช้พื้นที่ในพันทิปเจอประโยคในทางบวกค่ะ)