‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3961631
‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ชั้น G บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มติชนXเดลินิวส์ จัดเวที “ร่วมวิเคราะห์โพลเลือกตั้ง 66”
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 10.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาหัวข้อ “
วิเคราะห์โพลมติชน-เดลินิวส์ และแนวโน้มการเลือกตั้งโค้งสุดท้าย” โดย รศ.ดร.
ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ
นาย
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.
ประจักษ์ตอบคำถามที่ว่า มีโอกาสหรือไม่ ที่จะเกิดการเล่นเกมยุบพรรคและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสน จนนำไปสู่การเกิดพรรคแตกและการดูด ส.ส.
รศ.ดร.
ประจักษ์ตอบว่า ‘
มี’ เวลาใครถามว่าประเทศไทยจะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ ให้ตอบว่า ‘
มีโอกาส’ เพราะมันก็เกิดมาแล้ว การยุบพรรคก็มีโอกาส เพียงแต่คิดว่าครั้งนี้ต่อให้มีการยุบพรรคผลที่ออกมาก็ไม่เหมือนเดิมหรืออาจจะเป็นตรงข้ามก็ได้ สองเหตุผลหลักคือ เหตุผลแรก เสียงของประชาชน อย่าดูถูกเสียงของประชาชนที่แสดงออกมา ไปยุบพรรคที่มีคนเลือกมากขนาดนี้ไม่ว่าเพื่อไทยหรือก้าวไกล คิดว่าจะเกิดปฏิกิริยาแน่ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรลงทุนมาเดินหาเสียงขนาดนี้ คือตอนนี้ต้องมีสปิริตนักการเมืองแล้ว ต้องลืมบทบาทการเป็นผู้นำรัฐประหาร ตอนนี้ต้องเล่นตามกติกาถ้าแพ้แบบชัดเจนก็ยอมรับ ถ้าชนะก็มีความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล แบบนี้มันสง่างามที่สุด แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่คิดว่าการยุบพรรคแล้วผลจะไม่เหมือนเดิมเพราะฝ่ายค้านก็รู้ ไม่ได้เอาคนสำคัญไปเป็นกรรมการบริหารพรรคมากที่จะทำให้จำนวน ส.ส.ลดลง กับการที่หวังว่าถ้ายุบพรรคแล้วจะมาดูด ส.ส.งูเห่าไป ในการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ส.งูเห่านั้นไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทฤษฎีตาอินกับตานา พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทะเลาะกัน แล้วตาอยู่ฝั่งรัฐบาลจะชนะระดับเขตนั้นยังมีความสมเหตุสมผลและเป็นไปได้หรือไม่
รศ.ดร.
ประจักษ์ตอบว่า เราต้องตอบตามตัวเลขทางวิชาการ คือการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนปี’62 ถามว่าในตอนปี’62 มีหรือไม่ ที่พรรคฝ่ายค้านไปตัดคะแนนกันเองทำให้บางเขตคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลชนะมาได้มีอยู่จริงในหลายเขต แต่ในครั้งนี้จะเหลือเขตที่ตัดคะแนนกันเองจนมีตาอยู่มาแย่งไปได้มีน้อยมาก
“
ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนไม่ตัดคะแนนกันเองอยู่แล้วเพราะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ส่วนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มี 13 เขต พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ใช่คู่แข่งหลัก พื้นที่ตรงนั้นคือพรรคประชาชาติแข่งกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าดูพื้นที่กรุงเทพฯแข่งกันเองขึ้นอยู่กับว่าเขตไหนเพื่อไทยหรือก้าวไกลจะมา แต่จะมีเขตจำนวนหนึ่งที่เป็นพื้นที่ของฝั่งรัฐบาล ฉะนั้นเหตุการณ์ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะมาตัดคะแนนกันเองและมีตาอยู่คือฝั่งรัฐบาลจะมาแซงชนะเหลือน้อยมากแบบนับนิ้วได้” รศ.ดร.
ประจักษ์กล่าว
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเลือกการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ หรือเลือกตั้งตามเจตจำนงเสรีของประชาชน
รศ.ดร.
ประจักษ์ตอบว่า ตอนนี้ฝั่งที่เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์จริงๆ คือฝั่งอนุรักษนิยม กระแสตอนนี้มีความพยายามที่จะบอกว่าต้องหนุนลุงตู่เป็นหลักไม่อย่างนั้นจะยิ่งแพ้ราบคาบเพราะว่าถ้าดูจากผลโพลฝ่ายรัฐบาลรวมกันไม่ถึง 20% ในเขตยิ่งแข่งกันเองมาก ตัดคะแนนกันจริงแล้วจะแพ้กันหมด จึงเริ่มมีการรณรงค์ในการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ให้เทพรรคเดียวในขั้วอนุรักษนิยม ซึ่งถ้าเราดูคะแนนฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างนิ่ง ฝ่ายค้านคะแนนจะสะวิงไปมาระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ถ้าโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมาเป็นตาอยู่กลับมาตั้งรัฐบาลได้นั้นค่อนข้างยาก ถ้ามีโอกาสคือจะต้องฝ่าด่าน 25 เสียงก่อนถ้าดูจากผลโพล
เมื่อถามว่า คิดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายการจ่ายเงินจะเป็นประเด็นให้ผลการเลือกตั้งพลิกจากโพลได้มากขนาดไหน
รศ.ดร.
ประจักษ์ตอบว่า คิดว่าไม่ถึง 5% ที่จังหวัดหรือเขตเลือกตั้งที่จะมาพลิกในโค้งสุดท้ายเพราะการทุ่มเงิน ไม่ถึงกับจะเปลี่ยนขั้วแต่แค่จะเพิ่มที่นั่งของบางพรรคขึ้นมาเพราะทุกพรรคก็อยากมีที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่ออำนาจในการต่อรอง
สัมภาษณ์ ดร.ประจักษ์ เตือนอย่าเสี่ยง”รัฐบาลเสียงข้างน้อย”เสียหายร้ายแรง คนลุกฮือไม่ทน
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3962619
สัมภาษณ์พิเศษ : รศ.ดร.
ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือน อย่าเสี่ยง “
สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไม่ง่าย เสียหายร้ายแรง ประชาชนลุกฮือไม่ทน ชมคลิป
‘อุ๊งอิ๊ง’ ปราศรัยแรกหลังคลอด ลั่นต้องแลนด์สไลด์ ถ้าชนะไม่ขาด เอาเสียง ส.ว.ไม่อยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3962366
อุ๊งอิ๊ง ปราศรัยแรกหลังคลอด ลั่นต้องแลนด์สไลด์ ถ้าไม่ชนะขาด เอาเสียง ส.ว.ไม่อยู่
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ลานสยามพารากอน พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม “
แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จาก ‘การเดินทาง’ สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พท. ทั้ง 33 เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วยขนส่งมวลชนมาร่วมกิจกรรม ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที และมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย, นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร, นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค
ทั้งนี้ ผู้สมัครแต่ละคนเลือกใช้การเดินทางที่หลากหลาย อาทิ นาย
พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว เลือกเดินทางด้วยเรือโดยสารคลองแสนแสบ, นาย
สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร หลักสี่ เดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส, น.ส.
กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัครส.ส.เขตบางรัก พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต เดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊ก, ขณะที่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสมาร่วมกิจกรรม
โดย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ปราศรัยผ่านระบบซูมมายังสถานที่จัดงาน โดยระบุว่า ตนอยากมาร่วมงานที่จัดขึ้น วันนี้ร่างกายใกล้เต็มร้อย แต่ใจเกินร้อยไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกำหนดชะตาฝ่ายประชาธิปไตย พรรค พท.เสนอทางออกตามระบอบประชาธิปไตยเอาชนะระบอบที่ไม่เป็นธรรม ที่ต้องเสนอให้พรรค พท.แลนด์สไลด์ เพราะต้องการชนะ 250 ส.ว.ให้ ส.ส.จากพรรค พท.ได้เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรค พท. และนโยบายของเราคิดใหญ่เสมอ เพราะถ้าคิดไม่ใหญ่เอาไม่อยู่ ปัญหาที่เจอกันทุกวันนี้ทำให้ไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออกในการทำมาหากิน
ถ้าพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยิ่งนโยบายสำเร็จเมื่อไหร่ ประเทศชาติจะดีขึ้นเร็วเท่านั้น พรรค พท.แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที และกรุงเทพฯจะเป็นมหานครแห่งโอกาส กรุงเทพฯต้องเป็นมหานครที่ง่ายกว่าเดิม ฝุ่นพีเอ็ม2.5 จะได้แก้ไขทันที รถไฟฟ้าจะกลายเป็นการเดินทาง 20 บาทตลอดสาย
น.ส.
แพทองธารกล่าวต่อว่า ชีวิตต่างๆ ที่กดดันมีแรงเสียดทาน ใช้ชีวิตขัดข้อง ค่าน้ำค่าไฟจะถูกลง เราต้องเป็นประเทศที่ปลอดยาเสพติด นำเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ชีวิตประชาชนง่าย และจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐเพื่อทำตามความฝัน เช่น เงินดิจิทัล เราต้องช่วยกันทำโอกาสและความฝันให้เป็นจริงให้ได้ ลูกหลานจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตจากประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นวันที่ 14 พฤษภาคม จะไม่เก็บเกี่ยวผลไม้พิษจากรัฐประหารอีกแล้ว เราอยากทำให้ทุกความต้องการของคนไทยเป็นจริงได้ ภายใต้รัฐบาลของพรรค พท. วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ขอให้เลือกพรรค พท.ทั้งสองใบ เราพร้อมแล้วที่จะรับใช้ประชาชน
JJNY : ‘ประจักษ์’ฟันธง ถ้ายุบพรรค│เตือนอย่าเสี่ยง”รบ.เสียงข้างน้อย”│‘อุ๊งอิ๊ง’ปราศรัยแรก│ธนาธรลั่นกาก้าวไกล แก้ ศก.ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3961631
‘ประจักษ์’ ฟันธง ถ้ายุบพรรค ปฏิกิริยาเกิดแน่ แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ทฤษฎี ‘ตาอิน-ตานา-ตาอยู่’
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ชั้น G บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มติชนXเดลินิวส์ จัดเวที “ร่วมวิเคราะห์โพลเลือกตั้ง 66”
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเวลา 10.45 น. เข้าสู่ช่วงเสวนาหัวข้อ “วิเคราะห์โพลมติชน-เดลินิวส์ และแนวโน้มการเลือกตั้งโค้งสุดท้าย” โดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ
นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.ประจักษ์ตอบคำถามที่ว่า มีโอกาสหรือไม่ ที่จะเกิดการเล่นเกมยุบพรรคและสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสน จนนำไปสู่การเกิดพรรคแตกและการดูด ส.ส.
รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า ‘มี’ เวลาใครถามว่าประเทศไทยจะเกิดการรัฐประหารหรือไม่ ให้ตอบว่า ‘มีโอกาส’ เพราะมันก็เกิดมาแล้ว การยุบพรรคก็มีโอกาส เพียงแต่คิดว่าครั้งนี้ต่อให้มีการยุบพรรคผลที่ออกมาก็ไม่เหมือนเดิมหรืออาจจะเป็นตรงข้ามก็ได้ สองเหตุผลหลักคือ เหตุผลแรก เสียงของประชาชน อย่าดูถูกเสียงของประชาชนที่แสดงออกมา ไปยุบพรรคที่มีคนเลือกมากขนาดนี้ไม่ว่าเพื่อไทยหรือก้าวไกล คิดว่าจะเกิดปฏิกิริยาแน่ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรลงทุนมาเดินหาเสียงขนาดนี้ คือตอนนี้ต้องมีสปิริตนักการเมืองแล้ว ต้องลืมบทบาทการเป็นผู้นำรัฐประหาร ตอนนี้ต้องเล่นตามกติกาถ้าแพ้แบบชัดเจนก็ยอมรับ ถ้าชนะก็มีความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล แบบนี้มันสง่างามที่สุด แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่คิดว่าการยุบพรรคแล้วผลจะไม่เหมือนเดิมเพราะฝ่ายค้านก็รู้ ไม่ได้เอาคนสำคัญไปเป็นกรรมการบริหารพรรคมากที่จะทำให้จำนวน ส.ส.ลดลง กับการที่หวังว่าถ้ายุบพรรคแล้วจะมาดูด ส.ส.งูเห่าไป ในการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ส.งูเห่านั้นไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทฤษฎีตาอินกับตานา พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทะเลาะกัน แล้วตาอยู่ฝั่งรัฐบาลจะชนะระดับเขตนั้นยังมีความสมเหตุสมผลและเป็นไปได้หรือไม่
รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า เราต้องตอบตามตัวเลขทางวิชาการ คือการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนปี’62 ถามว่าในตอนปี’62 มีหรือไม่ ที่พรรคฝ่ายค้านไปตัดคะแนนกันเองทำให้บางเขตคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลชนะมาได้มีอยู่จริงในหลายเขต แต่ในครั้งนี้จะเหลือเขตที่ตัดคะแนนกันเองจนมีตาอยู่มาแย่งไปได้มีน้อยมาก
“ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนไม่ตัดคะแนนกันเองอยู่แล้วเพราะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ส่วนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มี 13 เขต พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลก็ไม่ใช่คู่แข่งหลัก พื้นที่ตรงนั้นคือพรรคประชาชาติแข่งกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าดูพื้นที่กรุงเทพฯแข่งกันเองขึ้นอยู่กับว่าเขตไหนเพื่อไทยหรือก้าวไกลจะมา แต่จะมีเขตจำนวนหนึ่งที่เป็นพื้นที่ของฝั่งรัฐบาล ฉะนั้นเหตุการณ์ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะมาตัดคะแนนกันเองและมีตาอยู่คือฝั่งรัฐบาลจะมาแซงชนะเหลือน้อยมากแบบนับนิ้วได้” รศ.ดร.ประจักษ์กล่าว
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเลือกการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ หรือเลือกตั้งตามเจตจำนงเสรีของประชาชน
รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า ตอนนี้ฝั่งที่เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์จริงๆ คือฝั่งอนุรักษนิยม กระแสตอนนี้มีความพยายามที่จะบอกว่าต้องหนุนลุงตู่เป็นหลักไม่อย่างนั้นจะยิ่งแพ้ราบคาบเพราะว่าถ้าดูจากผลโพลฝ่ายรัฐบาลรวมกันไม่ถึง 20% ในเขตยิ่งแข่งกันเองมาก ตัดคะแนนกันจริงแล้วจะแพ้กันหมด จึงเริ่มมีการรณรงค์ในการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ให้เทพรรคเดียวในขั้วอนุรักษนิยม ซึ่งถ้าเราดูคะแนนฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างนิ่ง ฝ่ายค้านคะแนนจะสะวิงไปมาระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ถ้าโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมาเป็นตาอยู่กลับมาตั้งรัฐบาลได้นั้นค่อนข้างยาก ถ้ามีโอกาสคือจะต้องฝ่าด่าน 25 เสียงก่อนถ้าดูจากผลโพล
เมื่อถามว่า คิดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายการจ่ายเงินจะเป็นประเด็นให้ผลการเลือกตั้งพลิกจากโพลได้มากขนาดไหน
รศ.ดร.ประจักษ์ตอบว่า คิดว่าไม่ถึง 5% ที่จังหวัดหรือเขตเลือกตั้งที่จะมาพลิกในโค้งสุดท้ายเพราะการทุ่มเงิน ไม่ถึงกับจะเปลี่ยนขั้วแต่แค่จะเพิ่มที่นั่งของบางพรรคขึ้นมาเพราะทุกพรรคก็อยากมีที่นั่งเพิ่มขึ้นเพื่ออำนาจในการต่อรอง
สัมภาษณ์ ดร.ประจักษ์ เตือนอย่าเสี่ยง”รัฐบาลเสียงข้างน้อย”เสียหายร้ายแรง คนลุกฮือไม่ทน
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_3962619
สัมภาษณ์พิเศษ : รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือน อย่าเสี่ยง “สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไม่ง่าย เสียหายร้ายแรง ประชาชนลุกฮือไม่ทน ชมคลิป
‘อุ๊งอิ๊ง’ ปราศรัยแรกหลังคลอด ลั่นต้องแลนด์สไลด์ ถ้าชนะไม่ขาด เอาเสียง ส.ว.ไม่อยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3962366
อุ๊งอิ๊ง ปราศรัยแรกหลังคลอด ลั่นต้องแลนด์สไลด์ ถ้าไม่ชนะขาด เอาเสียง ส.ว.ไม่อยู่
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ลานสยามพารากอน พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จาก ‘การเดินทาง’ สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” โดยให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พท. ทั้ง 33 เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วยขนส่งมวลชนมาร่วมกิจกรรม ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที และมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค
ทั้งนี้ ผู้สมัครแต่ละคนเลือกใช้การเดินทางที่หลากหลาย อาทิ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว เลือกเดินทางด้วยเรือโดยสารคลองแสนแสบ, นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร หลักสี่ เดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส, น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัครส.ส.เขตบางรัก พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต เดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊ก, ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสมาร่วมกิจกรรม
โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ปราศรัยผ่านระบบซูมมายังสถานที่จัดงาน โดยระบุว่า ตนอยากมาร่วมงานที่จัดขึ้น วันนี้ร่างกายใกล้เต็มร้อย แต่ใจเกินร้อยไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกำหนดชะตาฝ่ายประชาธิปไตย พรรค พท.เสนอทางออกตามระบอบประชาธิปไตยเอาชนะระบอบที่ไม่เป็นธรรม ที่ต้องเสนอให้พรรค พท.แลนด์สไลด์ เพราะต้องการชนะ 250 ส.ว.ให้ ส.ส.จากพรรค พท.ได้เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรค พท. และนโยบายของเราคิดใหญ่เสมอ เพราะถ้าคิดไม่ใหญ่เอาไม่อยู่ ปัญหาที่เจอกันทุกวันนี้ทำให้ไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออกในการทำมาหากิน
ถ้าพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยิ่งนโยบายสำเร็จเมื่อไหร่ ประเทศชาติจะดีขึ้นเร็วเท่านั้น พรรค พท.แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที และกรุงเทพฯจะเป็นมหานครแห่งโอกาส กรุงเทพฯต้องเป็นมหานครที่ง่ายกว่าเดิม ฝุ่นพีเอ็ม2.5 จะได้แก้ไขทันที รถไฟฟ้าจะกลายเป็นการเดินทาง 20 บาทตลอดสาย
น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ชีวิตต่างๆ ที่กดดันมีแรงเสียดทาน ใช้ชีวิตขัดข้อง ค่าน้ำค่าไฟจะถูกลง เราต้องเป็นประเทศที่ปลอดยาเสพติด นำเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ชีวิตประชาชนง่าย และจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐเพื่อทำตามความฝัน เช่น เงินดิจิทัล เราต้องช่วยกันทำโอกาสและความฝันให้เป็นจริงให้ได้ ลูกหลานจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตจากประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นวันที่ 14 พฤษภาคม จะไม่เก็บเกี่ยวผลไม้พิษจากรัฐประหารอีกแล้ว เราอยากทำให้ทุกความต้องการของคนไทยเป็นจริงได้ ภายใต้รัฐบาลของพรรค พท. วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ขอให้เลือกพรรค พท.ทั้งสองใบ เราพร้อมแล้วที่จะรับใช้ประชาชน