สวัสดีค่ะเราขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้เราอายุ 29 ค่ะ พึ่งเรียนจบพยาบาลจากวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และนี่เป็นปริญญาใบแรกของเรา เราอยากเล่าเรื่องนี้ให้คนที่เจอกับสถานการณ์แบบเราได้อ่านเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจ นี่เป็นการเขียนครั้งแรกของเราอาจจะเล่าไม่สนุก หรืองงๆไปบ้างนะคะ แต่เราตั้งใจเขียนจริงๆค่ะเพราะอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ทุกคนลองฟังดู กระทู้อาจยาวหน่อยนะคะ ถ้าติด tag ผิดขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่จริงๆ
ก่อนอื่นเราขอเล่าย้อนกลับไปตอนช่วงที่เรากำลังจะจบ ม.6 ก่อนนะคะ เราก็เป็นเด็กคนนึงที่ฝันอยากเรียนต่อ และเราอยากเรียนพยาบาลค่ะ เราบอกแม่เราตลอดว่าจบ ม.6 เราจะสอบเข้าเรียนพยาบาล เราเลยชวนเพื่อนเราคนนึงเพื่อสมัครด้วยกันเพื่อนตกลงสมัครเรียนกับเรา แต่ตอนนั้นโรงเรียนที่เราเรียนไม่ใช่โรงเรียนดังอะไร เราเลยไม่มีรุ่นพี่ที่เรียนพยาบาลให้ปรึกษาประกอบกับตอนนั้นครอบครัวเราไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่เลยทำให้ไม่มีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตเป็นของตัวเองเราจะได้ใช้คอมก็ตอนมาโรงเรียนเท่านั้น (หลายคนอาจบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ใช่คะตอนนี้เราก็คิดแบบนั้นแต่ในช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของเรามาก) เราได้สมัครเรียนพยาบาลพร้อมเพื่อนอีกคนค่ะตอนนั้นเราได้เป็นตัวสำรองอันดับที่ 61 ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่จะมีคนสละสิทธิ์มากขนาดนั้น แล้วเราก็ไม่ได้จริงๆค่ะ เพื่อนก็ไม่ได้เหมือนกัน ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่ามันสามารถสมัครรอบสอง สาม สี่ ได้อีก เพื่อนก็ไม่เอาด้วยแล้ว เราก็เรียนจบ ม.6 ไปแล้ว พอไปอยู่ที่บ้านคอมก็ไม่มีใช้ เราก็ปล่อยเลยตามเลยไป (เสียดายเวลามาก) ต่อมาเมื่อเราเรียนจบเราก็ต้องเรียนต่อหรือไม่ก็ทำงาน ซึ่งเราก็ยังไม่อยากทำงาน อยากเรียนต่อเหมือนเพื่อนคนอื่น เราเลยลองถามเพื่อนหลายคนดูว่าไปต่ออะไรกันบ้างเพราะตอนนั้นเราไม่มีไรในหัวเลยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ก็มีเพื่อนสามคนที่ตกลงกันว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งเขาถามเราว่าอยากไปด้วยกันไหม ตอนนั้นเราไม่มีไรในหัวเลยคิดว่ามันก็ดีค่าเทอมก็ถูก แถมไม่ต้องไปเรียนทุกวันก็ได้ ก็ลองไปถามแม่ดูว่าโอเคไหมแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่าให้คิดดีๆ ถ้ามันไม่ใช่มันจะเสียเงิน เสียเวลา ตอนนั้นเราคิดว่าคงทำได้แหล่ะ เพื่อนก็มีถ้ามีปัญหาก็คงปรึกษากันได้ แต่พอไปจริงเป็นอย่างที่แม่ว่าเลยค่ะเราไม่ชอบการเรียนแบบนี้ และเพื่อนที่ไปด้วยกันเริ่มห่างออกไปทีละคนๆ เพราะเวลาเรียนเวลาสอบไม่ตรงกันเพื่อนอยู่หอ เราอยู่บ้าน จนในที่สุดแทบจะไม่เคยเจอหน้ากันเลย เราเริ่มไปเรียนน้อยลง ไปสอบอย่างเดียว ผ่านมาได้ 1 ปีก็มีพี่แถวบ้านชวนเราไปทำงานเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ในโรงพยาบาลรัฐบาลใกล้บ้าน เราคิดว่าก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยมันก็คงใกล้เคียงกับสิ่งที่เราอยากเรียน แต่ปรากฎว่างานหนัก และเงินเดือนค่อนข้างน้อยกลับบ้านมาเราหลับเป็นตายเพราะหมดแรง พี่พยาบาลเลยแนะนำเราว่าไปสอบพยาบาลดูไหม เพราะอายุยังน้อย เราก็ลองไปดูในปีนั้นแต่ปรากฎว่าคะแนน gat pat เรามันหมดอายุ เราเลยพลาดปีนั้นและปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทำมาได้สักพักเราเลยลาออกเพราะรู้สึกไม่ชอบไม่อยากทำแล้ว หลังจากออกมาเราก็ไปสมัครงานอื่นไปเรื่อยไปเป็นนิติตามหมู่บ้าน รับพิมพ์รับเขียนงานให้นักศึกษาที่ไม่มีเวลาบ้าง ส่วนเรื่องเรียนเราแทบไม่สนใจเลย ผ่านมาได้ประมาณ 5 ปี เราเริ่มรู้สึกตัว (555รู้สึกช้าเนอะ) ว่าเราเริ่มถอยห่างจากสังคมเราอยู่กับครอบครัว แต่เพื่อนเราเริ่มหายไปหมด เราจะเห็นเพื่อนผ่านทางโลกโซเชี่ยลเพื่อนเริ่มเรียนจบ ทำงานทีละคน เรามองตัวเองเราไม่มีอะไรเลยสักอย่างเรียนไม่จบ การงานก็ไม่มั่นคง เรารู้สึกผิดหวังในตัวเอง และท้อแท้มากเราไม่รู้จะบอกแม่ยังไง เราทำให้พ่อแม่ผิดหวัง (แต่เราโชคดีที่พ่อ แม่ไม่เคยซ้ำเติมเราเลยอาจมีพูดเตือนสติบ้าง) เราเริ่มเก็บตัว ไม่ออกไปเจอใครเพราะไม่อยากตอบคำถามว่าเรียนจบหรือยัง ทำงานอะไร ตอนนั้นเราอายุประมาณ 24 แล้วเราป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้เจอพยาบาลความคิดเราตอนนั้นสิ้นหวังจริงแต่มันก็มีส่วนนึงที่คิดถึงว่าเราเคยอยากเป็นพยาบาลนะลองดูอีกครั้งมั๊ย ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้คราวนี้เราจะตั้งใจหางานทำไม่ทำให้พ่อ แม่เราผิดหวังแล้ว พอออกจากโรงพยาบาลเราคุยกับแม่เรื่องที่เราคิด แม่ไม่ว่าอะไรเราเลย สนับสนุนเราว่าถ้าอยากทำแม่ไม่ว่า ขอแค่ให้ตั้งใจทำจริง ไม่ทำเหมือนที่ผ่านมาแล้วก็พอ ตอนนั้นเราทั้งดีใจ ร้องไห้หนักมากมันมีหลายความรู้สึกที่เข้ามาในหัว นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักศึกษาพยาบาล และนักศึกษาปี 1 อีกครั้ง โดยที่ยังไม่มีปริญญาเลยสักใบ
ต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสมัคร และเรียนพยาบาลนะคะ เราเริ่มตัดสินใจสมัครเรียนตอนนั้นอายุประมาณ 25 ปี ลงสมัครรอบแรกเหมือนเดิมเลือกวิทยาลัยเดิม เพราะค่าเทอมค่อนข้างถูก และมีทุนให้ตอนเรียน ครั้งนี้เราได้ค่ะ ต่อไปก็รอสัมภาษณ์ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นครั้งแรก เราเตรียมตัวเตรียมข้อมูลไปพอสมควร พอถึงวันจริงส่วนมากคนที่มาจะเป็นนักเรียนที่พึ่งเรียนจบ ม.6 ทุกคนจะมี portfolio มาด้วย แต่เราไม่มีค่ะไปตัวเปล่าเลย พอสัมภาษณ์จริงคำถามส่วนมากจะเป็นทัศนคติต่อวิชาชีพเป็นส่วนใหญ่ อาจารย์ที่สัมภาษณ์ก็ใจดี พูดเพราะมาก (เรารักอาจารย์ท่านนี้มากเพราะช่วยเหลือเราตอนเรียนค่อนข้างมาก) หลังจากนั้นก็กลับมารอผลสัมภาษณ์ เราเริ่มคิดมาก สับสนอีกแล้ว (ช่วงนี้ค่อนข้างอ่อนไหว) เรากลัวไปหมดว่าจะปรับตัวได้ไหม จะมีเพื่อนไหม จะเรียนรอดไหม เราเลยเข้าพันทิปเพื่อหาเพื่อนที่เรียนตอนอายุมากแบบเราเพื่อเอามาเป็นแรงบวก แค่นั้นไม่พอเราถามญาติพี่น้องหลายคนว่าเราควรเรียนไหม บางคนเห็ด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วย จนผลสัมภาษณ์ออกเราผ่านค่ะ แค่ไปจ่ายเงินและรอวันไปมอบตัวเลยตอนนั้นก็ดีใจค่ะ แต่ใจนึงกลัวๆเหมือนกัน เราพอมีเวลาว่างเยอะอยู่กว่าจะถึงวันมอบตัวเลยไปหาหนังสือเก่าๆมาอ่านเพราะอย่างน้อยเราจะได้มีความรู้เพื่อไปเรียนหลังจากห่างมานาน แล้ววันที่รอก็มาถึงค่ะ วันรายงานตัว วันนี้ผู้ปกครองต้องไปด้วย และเราต้องเตรียมสัมภาระไปด้วยค่ะเพราะต้องอยู่หอเลย
วันรายงานตัวนะคะ วันนี้แม่เรามาอยู่ด้วยถึงครึ่งวันค่ะทางวิทยาลัยจะมีกิจกรรมในช่วงเช้าโดยที่มีผู้ปกครองอยู่ด้วย พอตอนบ่ายผู้ปกครองทุกคนต้องกลับก็เหงาเลยค่ะทีนี้ เพื่อนคนแรกที่เรารู้จักก็คือคนที่นั่งข้างๆ มันก็ยังไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน ทุกคนดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่อาจเป็นเพราะเป็นวันแรก และทุกคนอาจะยังไม่ชิน บวกกับวันนี้ต้องนอนหอเลยไม่ได้กลับบ้านด้วย พอตอนเย็นก็กลับเข้าหอค่ะ มีการชี้แจงกฎระเบียบต่างๆ (ค่อนข้างเยอะ) คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับค่ะ และในตอนเช้ามีกิจกรรมต่อก็ยังเป็นพวกการรับน้องอยู่ เราใช้เวลานานพอสมควรเลยค่ะกว่าจะปรับตัวได้ เพราะมันค่อนข้างต่างออกไปจากการเรียนคณะอื่นๆ ในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราอายุ 25 เราไม่ได้หลอกใครนะคะแค่ไม่ได้บอกเฉยๆ ในช่วงเดือนแรกยังไม่มีการเรียนการสอน แต่จะเป็นการรับน้องซะส่วนใหญ่ มีกิจกรรมเยอะมากทั้งเหนื่อย และก็อยากกลับบ้านเพราะมันก็ยังไม่ค่อยชิน ถ้าคนที่เคยได้ยินมาบ้างจะพอรู้ว่าพยาบาลจะเน้นเรื่องการเคารพรุ่นพี่ ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ จนได้ไปสัมผัสชีวิตตอนฝึก และทำงานทำให้เราเข้าใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะจึงเป็นเหตุผลที่การรับน้องค่อนข้างยาวนาน และเหนื่อย (จนท้อ) ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงการเรียนตอนนี้ยังไม่ได้แบ่ง sec เราเลยอยู่กับเพื่อนที่เราเจอตอนแรกค่ะ นอนห้องเดียวกัน ไปกินข้าวพร้อมกัน เรียนพร้อมกัน จนวันนึงแบ่ง sec เรียบร้อยค่ะ เราเป็นผู้ถูกเลือกให้อยู่คนเดียว roommate เราอีกสามคนอยู่ห้องเดียวกันมีเราคนเดียวที่แยกออกมา ถึงเวลาที่เราต้องเหงาอีกแล้ว วันแรกที่แยกห้องเรียนเรานั่งเหงาๆเพราะไม่รู้จักใครเลย แต่เราโชคดีอีกแล้วคนที่มีน่านั่งเรียนกับเราวันนั้นกลายมาเป็นเพื่อน เป็นน้องเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่างจนถึงทึกวันนี้ ในส่วนของการเรียน ปี1 จะเป็นวิชาทั่วๆไป ยังไม่ค่อยเกี่ยวกับพยาบาลเท่าไหร่ (แต่ก็แอบยาก) ปี2 จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับพยาบาล และมีพิธีรับหมวก และปีนี้ก็จะเป็นปีแรกที่เราได้ขึ้นฝึก ปี3 ปีนี้จะค่อนข้างเหนื่อยเพราะฝึกแน่นมาก และความยากในการฝึกจะเพิ่มมากขึ้น(เหนื่อยสุดสำหรับเรา) ปี4 ปีสุดท้าย ปีนี้การฝึกไม่เหนื่อยเท่าไหร่แล้วเพราะเราจะชินกับการฝึกมาพอสมควรทำให้เราไม่รู้สึกหนักมาก แต่เราต้องเหนื่อยกับการเตรียมตัวเพื่อสอบค่อนข้างมาก
โดยรวมสำหรับการเรียนพยาบาลของเราไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ เราอาจโชคดีที่ได้เพื่อนที่ช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง ครอบครัวสนับสนุนทุกอย่าง จนมันผ่านมาได้อย่างดี เราไม่ได้จบมาเกรดดีมากนัก แต่เราก็สามารถสอบใบประกอบวิชาชีพผ่านมาได้ในรอบแรก ตอนนี้เราได้ทำงานเป็นพยาบาลจริงๆแล้วค่ะ ยอมรับว่ามันค่อนข้างเหนื่อยมากจริงๆ สำหรับใครที่คิดอยากเรียนต่อด้านนี้เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ การตัดสินใจในครั้งแรกมันอาจจะยาก แต่ถ้าผ่านมาได้เราจะภูมิใจในตัวเองมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ หากใครมีเรื่องสงสัยตรงไหนถามเรามาได้นะคะ ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
เรียนจบพยาบาลตอนอายุ 29