เมื่อปี 2562 เราเคยรักษาโรคซึมเศร้าที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่เราไปนอกเวลาทำการ ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูงหน่อย เรารักษามาเรื่อย ๆ จนถึงปี 2564 เราตกงานค่ะ เราเลยหยุดรักษาเองเพราะน่าจะไม่ไหวเรื่องค่ารักษาและเป็นช่วงโควิดระบาด+กับเรารู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว ก็หยุดยาเองค่ะ และไม่มีปัญหาใดๆเลยตั้งแต่หยุดยาตอนนั้น เราเลยเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ขายขนมจีนกับที่บ้านค่ะ ขายมาจนถึงปี 2565 เราเลยกลับไปทำงานประจำ น่าจะช่วงเดือนกุมภาค่ะ ร้านขนมจีนพี่สาวยังทำต่ออยู่ ส่วนเราทำงานประจำ เราเป็นคอลเซ็นเตอร์ให้เครื่อข่ายมือถือนึงค่ะ แต่ทำเป็นแบบสัญญาจ้าง จนเมื่อเดือนกันยาปีเดียวกันเราหมดสัญญากัน เลยกลับมาช่วยพี่สาว ช่วยได้นิดหน่อยค่ะ เพราะเราเริ่มสุขภาพไม่ค่อยดี ป่วยบ่อย ไปหาหมอบ่อย เหนื่อยง่าย แต่ยังใช้ชีวิตได้ดีอยู่ค่ะ มาเมื่อปีนี้ น่าจะเดือนกุมภา 2566 นี้ เราเริ่มท้อค่ะ เราไม่รู้ว่าท้อเรื่องอะไร เราเริ่มนอนไม่หลับติดต่อกันหลายๆวัน ถ้าจะหลับก็หลับได้ตอนกลางวันสัก1-2 ชม.เราเริ่มพูดน้อยลงกับคนในบ้านแม้กระทั่งแฟน กิจกรรมที่ชอบทำเรากลับรู้สึกไม่อยากทำ เราไม่ค่อยออกจากบ้านเลยค่ะ เรากลัวที่คนเยอะๆ เราหายใจไม่ออกทุกครั้งที่เราต้องออกไปข้างนอกนานๆ เรากลัวเกือบทุกสิ่งอย่างรอบข้าง เสียงดัง คนคุยเสียงดัง กลัวการพูดคุยกันแบบซึ่งหน้ากับคนอื่น เราเบื่อหน่ายกับชีวิต เราไร้เป้าหมาย เราไม่รู้สึกตื่นเต้นกับอะไรเลย เราเศร้าและหงุดหงิดง่ายเหมือนพร้อมที่จะอาละวาดได้ทุกเมื่อ เราเกลียดตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้มากๆ ความจำเราน้อยลงค่ะ จนถึงเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรากินข้าวไปหรือยัง เราอยากหลับไปเฉยๆ แต่ในขณะเดียวกันเราก็กลัวว่าตัวเองจะตาย มันเหมือนมีความคิด+กับ-ตีกันอยู่ในหัวเราตลอดเวลา แต่สิ่งนึงที่เราทำแล้วสบายใจคือการอยู่คนเดียวค่ะ เช่นอ่านหนังสือ ดูซีรีย์หรือกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในห้องค่ะ เราควรไปปรึกษาจิตแพทย์อีกดีไหม แต่ถ้าไปเราอยากไปรักษาที่ที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากค่ะ (ตอนเราไปหาหมอเมื่อปี62 ค่าใช้จ่ายอาทิตย์ละ เกือบ2000ค่ะ และเริ่มนัดห่างเป็นเดือนก็เดือนละ4พันกว่าบาท)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
เราควรไปปรึกษาจิตแพทย์อีกดีไหม