เมื่อฉันมีพี่เป็นขอทาน

เสียงโทรศัพท์ดังเมื่อค่ำวันที่ 30 เม.ย 2566 แม่บอกว่าพี่สาวไปหาพี่ชายที่บ้านแถวดอนเมือง สภาพเหลือทน หนังหุ้มกระดูก แม่บอกว่า คงสุดทางของพี่แล้ว ฉันที่เมื่อได้ฟัง ตอบแม่ไปว่า เดี๋ยวหนูรับมาอยู่ดูแลเอง

บ้านเรามีพี่น้องสามคน พี่สาว พี่ชายและฉันซึ่งเป็นลูกคนเล็ก พ่อเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข แต่เสียหลังจากเป็นข้าราชการกินเงินบำนาญได้ 4 ปี แม่เป็นแม่บ้าน อยู่ดูแลลูกๆ 

จำได้ว่า พ่อแม่เน้นในเรื่องการเรียนมาก แม้พ่อจะหาเงินคนเดียวและเงินไม่ค่อยพอใช้ แต่พ่อให้ลูกๆ เรียนโรงเรียนเอกชนกันทุกคน พวกเราสามคนกินข้าวหม้อเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนๆ กัน แต่เรื่องความรัก ฉันว่า แม่รักพี่ชายมากที่สุด รองลงมาคือ ฉัน และที่รักน้อยที่สุดเห็นจะเป็นพี่สาว

พี่สาวเรียนไม่เก่ง แกออกกลางคันตอนมอสี่ มาต่อสายอาชีพ และชีวิตเริ่มเป๋ตอนเรียนสายอาชีพ ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้น มันคงประจวบเหมาะหลายๆ อย่าง พี่เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยสนิทกับใคร แม้แต่กับฉันเอง ก็ไม่ค่อยสนิท

แต่สิ่งหนึ่งที่พี่คงรู้คือ แม่ไม่รัก ฉันจำได้ว่า พี่เคยขโมยเงินแม่ไปซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ตวงไมโคร กลับมาแม่โมโห ตบจนเลือดกลบปาก หรือตอนที่พี่อมเงินค่ารถประจำที่มารับพวกเราไปโรงเรียน จนคนขับรถต้องมาทวงเอง นั่นก็ทำให้แม่โกธรมาก หวดด้วยไม้อีก

แต่พี่ไม่ร้องไห้นะ ไม่โวยวาย เพียงแต่จ้องหน้า กัดฟัน แล้วก็กลับไปห้อง

ตอนพี่เรียนสายอาชีพ พี่เริ่มติดเพื่อนและเริ่มมีแฟน หลังจากนั้น ก็ท้อง เรียนไม่จบ จำได้ว่าพ่อเคยพาพี่ไปทำแท้ง เพื่อให้มาเรียนต่อ เค้าเรียนจบปวช. ขึ้นปวส. แต่ชีวิตเล่นตลกในช่วงนั้นแหละ เรียนไม่จบ ได้แค่วุฒิ ปวช.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่