อยากแชร์ประสบการณ์การผ่าตัดเนื้องอกมดลูกและปีกซ้ายไปค่ะ โดยเริ่มเรื่องมาจากการที่ตัวเราเองเป็นอาหารเป็นพิษ เลยไปหาหมอที่รพ ธนบุรี 2 (บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ... ที่จะมุ่งหน้าไปนครปฐมค่ะ) รพ ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่เลยค่ะ ก็ไปรักษาตามอาการที่แจ้งเลย ส่งตัวไปยังหมอระบบทางเดินอาหาร ก็ได้รับการตรวจจนถึงขั้นตอนที่ไปนอนที่เตียงตรวจเพื่อจะกด คลำหน้าท้อง...แท่นแท้นนน
คุณหมอ..."คนไข้คะ .. ท้องตรงบริเวณนี้มันแข็ง ๆ นะคะ .. รู้สึกไหมคะ (หมอก็กด ๆ คลำๆ บริเวณท้องน้อย)
ตัวเอง..อ๋อ คะ..เป็นมานานแล้วค่ะ
คุณหมอ.. ขออนุญาตขยับนะคะ อาจจะแรงนิดหน่อย (หมอก็ขยับไอ้เจ้าก้อนบริเวณท้องน้อยนั้น) เจ็บไหมคะ
ตัวเอง..ไม่เจ็บค่ะ คิดว่าเป็นเพราะกินอาหารเยอะ มีพุงอ่ะค่ะ..
คุณหมอ..หมอว่ามันผิดปกตินะคะ ถึงจะกินเยอะ แต่มันก็ไม่น่าแข็งขนาดนี้
...ผ่ามมม งานงอกแระคะคุณหมอก็แนะนำค่ะให้ไปตรวจให้ละเอียดกับคุณหมอเฉพาะทางดีกว่า หทอเองก็ตอบไม่ได้
ดังนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนัดตรวจอัลตราซาวด์และอื่น ๆ ต่อไป
......
เราขอข้ามไปวันที่เจอกับหมอสูตินรีเวชเลยนะคะ ซึ่งขอแจ้งก่อนว่าไม่รู้รายละเอียดของหมอหรือการรักษาที่รพ นี้เกี่ยวกับสูติเลย เราได้เจอกับคุณหมอชื่อว่า พญ. อนุรีย์ ค่ะ (คุณหมอน่ารักมากค่ะ พูดคุยทำให้รู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยย) ก็เริ่มตรวจกันเลย..คุณหมอบอกว่าจากผลอัลตราซาวด์ ก้อนเนื้ออยู่ด้านหลังมดลูก ค่อนข้างใหญ่ ประมาณ 18 ซม. ก่อนนี้มีอาการอะไรบ้างไหม
เราก็แจ้งไปว่าไม่มีอาการเลยค่ะ มีแต่ปัสสาวะบ่อยมาก ไม่มีอาการผิอปกติอื่น ๆ เลย (มีการบอกย้ำ เพราะไม่มีอาการจริง ๆ ค่ะ ซึ่งถ้ามีนมีอาการผิดปกติ คงไม่ปลิ่ยให้นานขนาดนี้แน่ ๆ )
คุณหมอก็ถามว่ามันนานไหม กับก้อนนี้
ซึ่งเราตอบไปว่าไม่ต่ำกว่า 3 ปีแน่นอน คลำเจอสัมผัสได้ แต่คิดว่าเป็นก้อนไขมันที่เรากินเยอะ กินมื้อเย็น กินแอลกอฮอล์ อะไรแบบนี้
คุณหมอก็บอกกลับมาว่ามันก็อาจจะค่อย ๆ โตขึ้น และก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงในเรื่องของปัสสาะว เพราะมันไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ส่วนเรื่องกินเยอะ มันต่างกัน กินเยอะพุงป่อง....หมอขอถามว่าจะใช้อะไรไหม
แหมม..คำถามหมอจี้ใจมากค่ะ จะใช้อะไรไหม...ขำ ๆ นะคะ เพราะเราไม่คิดว่าจะใช้อะไรแล้ววว เลยตอบไปว่า ไม่ใช้ค่ะ
คุณหมอเลยแนะนำว่าตัดมดลูกทิ้งไปเลย และปีกมดลูกด้วย อาจจะเป็นปีกซ้าย
เราก็ไม่ได้อะไร ตอบไปว่าตามนั้นเลยค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่าเหลือปีกอีกข้างสามารถผลิตฮอร์โมนได้ สำหรับเราแล้ว เราก็อายุมากแล้ว และไม่ได้คิดจะใช้มดลูกเหมือนคนอื่นที่จะมีลูก ก็ตามที่หมอแนะนำเลย ซึ่งเราคิดว่าเอาก้อนนี้ออกเถอะ เพราะมันทำให้พุงป่องมากกก
โดยก่อนที่จะสรุปทุกอย่าง คุณหมอทำการตรวจภายในโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบเจ้าก้อนนี้อีกครั้งด้วยค่ะ
และเป็นที่สรุปแน่ชัดว่า จะทำการตัดมดลูกพร้อมปีกซ้ายออกไป...ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่าจะผ่าที่ไหนก็ได้ ตามบัตรประกันสังคมหรือตามคนไข้ได้เลย
โดยเราตัดสินใจผ่าที่นี่ ซึ่งก่อนผ่าก็ได้มีการให้รพ แจ้งราคาค่าผ่าตัดโดยคร่าว ๆตามมา และเมื่อตกลงก็ได้มีการนัดตรวจสภาพร่างกายทั้งหัวใจ ปอด ตามขั้นตอนของการผ่าตัดสัก 1 สัปดาห์
...
และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง...เราได้ผ่านตัดช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ ค่ะ โดยก่อนนี้เข้ามาพักที่ห้องที่จองไว้เปลี่ยนชุดแล้วเสร็จ ก่อนจะเข็นไปห้องผ่าตัดก็ต้องทำความสะอาดทุกอย่างค่ะ ทั้งทางก้น และทางช่องคลอด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเฮ้อ....ทั้งอาย ทั้งบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องจัดการค่ะ...
เราเป็นการผ่าตัดแบบบล๊อคหลังนะคะ..ซึ่งพอเข็นเข้าห้องผ่าตัด ก็มีคุณผมอวิสัญญีแนะนำตัว (น่ารักอีกแล้ววว พูดจาคลายเครียด พูดเพราะมากกก คลายกังวลได้เป็นอย่างดีสุดๆๆ) คุณหมอแจ้งว่าการบล๊อคหลังทางคุณหมอคิดแล้ว เป็นแนวทางที่ดีที่สุด คนไข้แทบจะไม่มีผลข้างเคียง หมอก็พูดๆๆๆ แบบเพลินค่ะ ฟังไปก็สบายใจไป (ปล..อย่าเพิ่งว่านะคะ แต่มันทำให้เรารู้สึกไม่กังวลค่ะ) และคุณหมอก็บอกให้เรางอเข่างอตัวเป็นกุ้งไว้ ซึ่งมีพยาบาลคอยยืนประกบเราอีกข้างของเตียงผ่าตัดอยู่ตลอดเวลา และคอยจัดท่าให้เราอ่ะค่ะ และคุณหมออีกท่านก็บอกว่า จะฉีดยานอนหลับให้นะ (ซึ่งตรงนี้ เราไม่แน่นใจค่ะว่า ทางคุณหมอประเมินอย่างไร เราบอกก่อนหน้าตอนที่ตรวจว่าถ้าบลอคหลังแล้วยังได้ยินคนคุยกัน เราไม่เอาอ่ะค่ะ สลบไปเลยดีกว่า ซึ่งไม่แน่ใจค่ะว่าเป็นเพราะที่เราบอกไหม หรือการผ่าตัดเรามันใหญ่จนบลอคหลังอย่างเดียวมันไม่ได้ ต้องนอนหลับไปเลย)
พอคุณหมอพูดคำว่ากำลังฉีดยานอนหลับให้นะ ความรู้สึกปวดๆๆ ก็แล่นเข้ามาที่เข็มที่คาไว้ที่เส้นที่ข้อมือ....ปื๊ดดดดดดด...และหลังจากนั้น โลกก็หายไปจากเราเลยค่ะ...วืดดดดด
...
ตื่นมาอีกทีมีคนเรียกและมาที่ห้องพักเรียบร้อย น่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม รวมพักฟื้น...
เราเลยลองขยับด้านล่าง ก็ขยับได้...แต่ยังมีชาๆๆ ดล็กน้อยไม่มาก (ก่อนนหน้าที่จะผ่าเราไปหามาว่าผ่าก้อนเนื้อมดลูกเป็นไง ก็ได้มาทั้งแบบเจ็บ แบบไม่เจ็บ แบบว่าฟท้นมาด้านล่างขยับไม่ได้ ให้นอนหงาย 8 ชั่วโมง ค่อยขยับ..และอื่น ๆ อีก เราเลยกังวลในส่วนนี้ด้วย) แต่พอเกิดขึ้นจริง อาการเจ็บบอกเลยว่า น้อยมาก ผ่าตัดอ่ะเนอะ มันต้ิงมีตึงมีเจ็บ แต่แบบน้อยมาก เราถูกสวนท่อไว้อยู่ดังนั้น มันเลยค่อนข้างรำคาญนิด ๆๆ แต่เราชอบที่ว่ามันไม่ได้เจ็บหรือขยับตัวไม่ได้เลย ยังสามารถขยัยตะแคงหรืออะไรได้ ตามที่คุณพยาบาลแนะนำ สำหรับอาการแพ้ ที่จะต้องอาเจียน มีอาการแค่ 2 ครั้ง เท่านั้น แค่มีอาการนะคะ และพอนั่งนิ่ง ๆ ก็หาย
ส่วนที่บอกว่าจะปวดหลัง...ไม่มีเลยค่ะทุกอย่างแทบไม่มีอะไรเจ็บปวด ซึ่งอาจจะเป้นเพราะว่ายังให้ยาแก้ปวดอยู่ก็เป็นไป
...
วันที่ 2 ... ยังคงมีนำ้เกลืออยู่ แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร ลุกได้ เดินได้นิดหน่อย เพราะติดสายสวน แต่วันที่พยาบาลเอาออกแล้ว โดยวันแรกและวันที่สองยังตวงปัสสาวะ พอเอาสายสวนออก มันโล่งมากมายย เราได้ถามพยาบาลว่าได้ให้ยาแก้ปวดไหม ซึ่งไม่ได้ให้ค่ะ มียากินปนะจำทุกวันคือบาแก้อักเสบ ยาลดกรด ย่าแก้อ๊วกก เท่านั้น
...
วันที่ 3...อาการเหมือนเดิมค่ะ ไม่มีเจ็บปวด มีแต่ตึงๆๆๆ (ก็คิดว่าอาจจะเป้นเพราะยาชาที่มันยังชาอยู่ที่ท้อง เพราะเราเอามือลูบหน้าท้องเหนือผ้าพันแผลมันยังด้าน ๆ ไม่รู้สึก) ก็เดิน นั่ง ไปเรื่อยค่ะ หมอมาดู กดที่แผล ไม่มีเลือดซืมออกมา ใช้ได้ พรุ่งนี้น่าจะกลับได้ ...
...
วันที่ 4 กลับบ้านค่ะ ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ ...
แต่ที่ผิดคือ ค่ารักษาค่าาาาาา 555 (อันนี้หยอกๆๆๆ ค่า) หลักแสนค่ะ ....แสนสี่...เรามีประกันกลุ่ม เบิกได้ หก ค่ะ นอกนั้นออกเองงงงง...เฮ้อออออ ก้อนนี้แอบแพงอยู่เนอะ แต่ส่วนตัวคือ เราเองไม่มีเวลา มัข้อจำกัดด้านเวลา เราก็เลยเอา และไปใช้หนี้กันต่อค่ะ...แฮร่
โดยสรุปแล้ว รพ. ดีค่ะ ที่ตัดสินใจผ่าที่นี่ เพราะคุณหมอดีค่ะ พูดจาดี แนะนำดี ตรวจดี มันทำให้เราคลายกังวลไปมาก และประกอบกับก่อนเนื้อค่อนข้างใหญ่ เราเลยยอมเสียเงินดีกว่า (ปล อันนี้แล้วแต่คนนะคะ และเราเคยมีญาตรักษาที่รพ ธนบุรี มาก่อนนานแล้ว ซึ่งค่อนข้างดีค่ะ) ประทับใจคุณหมอและทีมงานในห้องผ่าตัดมาก รวมทั้งพยาบาล มันเลยทำให้การผ่าตัดที่แอบกังวลนิด ๆ มันค่อนข้างดี ถึงแม้จะแพงก็เถอะ
คุณหมอให้พัก 30 วันค่ะ แต่เราไม่ได้พักเท่าไหร่ พักได้ในช่วงที่หลังจากออกจาก รพ แล้วเป็นเทศกาลสงกรานต์ ก็เลยพักแบบ เหมือนไม่ได้พัก เป้นเพราะมันไม่ได้เจ็บอะไร แต่คุณหมอก็แนะนำว่าอย่าเดินนาน ... อย่าแช่นำ้ ให้กลับมาดูแผลหลังจากนี้อีก 1 สัปดาห์
ที่เราขอเล่า อาจจะไม่ได้ละเอียดมากมาย แต่สิ่งที่เราประทับใจคือตัวคุณหมอและทีมมากกว่าค่ะ ที่ทำให้คนไข้คนนี้ รู้สึกไม่กลัวการผ่าตัดครั้งนี้มากนัก และผลการผ่าตัดออกมามันดีมาก ต่าง ๆจากที่อ่านมาจากที่อื่น ๆ ก่อนเข้าผ่าตัด ส่วนตัวก็ถือว่าคุ้มค่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องกลับไปทำงานใช้หนี้ต่อไป...แฮร่.. ดังนั้น สิ่งอีกอย่างคือประกันค่ะ ถ้าใครมีประกันมันช่วยได้เยอะพอตัวเลย..กับเหตุการณ์ที่ต้องทำแบบฉุกเฉินเช่นนี้
ก็เป้นการเขียนครั้งแรก เผื่อจะเป้นประโยชน์หรือไม่มีอะไรเลย อ่านพอเป็นขำ ๆ ได้ค่ะ (รับฟังทุกคอมมเ้นค่ะ)
ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก
คุณหมอ..."คนไข้คะ .. ท้องตรงบริเวณนี้มันแข็ง ๆ นะคะ .. รู้สึกไหมคะ (หมอก็กด ๆ คลำๆ บริเวณท้องน้อย)
ตัวเอง..อ๋อ คะ..เป็นมานานแล้วค่ะ
คุณหมอ.. ขออนุญาตขยับนะคะ อาจจะแรงนิดหน่อย (หมอก็ขยับไอ้เจ้าก้อนบริเวณท้องน้อยนั้น) เจ็บไหมคะ
ตัวเอง..ไม่เจ็บค่ะ คิดว่าเป็นเพราะกินอาหารเยอะ มีพุงอ่ะค่ะ..
คุณหมอ..หมอว่ามันผิดปกตินะคะ ถึงจะกินเยอะ แต่มันก็ไม่น่าแข็งขนาดนี้
...ผ่ามมม งานงอกแระคะคุณหมอก็แนะนำค่ะให้ไปตรวจให้ละเอียดกับคุณหมอเฉพาะทางดีกว่า หทอเองก็ตอบไม่ได้
ดังนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนัดตรวจอัลตราซาวด์และอื่น ๆ ต่อไป
......
เราขอข้ามไปวันที่เจอกับหมอสูตินรีเวชเลยนะคะ ซึ่งขอแจ้งก่อนว่าไม่รู้รายละเอียดของหมอหรือการรักษาที่รพ นี้เกี่ยวกับสูติเลย เราได้เจอกับคุณหมอชื่อว่า พญ. อนุรีย์ ค่ะ (คุณหมอน่ารักมากค่ะ พูดคุยทำให้รู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยย) ก็เริ่มตรวจกันเลย..คุณหมอบอกว่าจากผลอัลตราซาวด์ ก้อนเนื้ออยู่ด้านหลังมดลูก ค่อนข้างใหญ่ ประมาณ 18 ซม. ก่อนนี้มีอาการอะไรบ้างไหม
เราก็แจ้งไปว่าไม่มีอาการเลยค่ะ มีแต่ปัสสาวะบ่อยมาก ไม่มีอาการผิอปกติอื่น ๆ เลย (มีการบอกย้ำ เพราะไม่มีอาการจริง ๆ ค่ะ ซึ่งถ้ามีนมีอาการผิดปกติ คงไม่ปลิ่ยให้นานขนาดนี้แน่ ๆ )
คุณหมอก็ถามว่ามันนานไหม กับก้อนนี้
ซึ่งเราตอบไปว่าไม่ต่ำกว่า 3 ปีแน่นอน คลำเจอสัมผัสได้ แต่คิดว่าเป็นก้อนไขมันที่เรากินเยอะ กินมื้อเย็น กินแอลกอฮอล์ อะไรแบบนี้
คุณหมอก็บอกกลับมาว่ามันก็อาจจะค่อย ๆ โตขึ้น และก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงในเรื่องของปัสสาะว เพราะมันไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ส่วนเรื่องกินเยอะ มันต่างกัน กินเยอะพุงป่อง....หมอขอถามว่าจะใช้อะไรไหม
แหมม..คำถามหมอจี้ใจมากค่ะ จะใช้อะไรไหม...ขำ ๆ นะคะ เพราะเราไม่คิดว่าจะใช้อะไรแล้ววว เลยตอบไปว่า ไม่ใช้ค่ะ
คุณหมอเลยแนะนำว่าตัดมดลูกทิ้งไปเลย และปีกมดลูกด้วย อาจจะเป็นปีกซ้าย
เราก็ไม่ได้อะไร ตอบไปว่าตามนั้นเลยค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่าเหลือปีกอีกข้างสามารถผลิตฮอร์โมนได้ สำหรับเราแล้ว เราก็อายุมากแล้ว และไม่ได้คิดจะใช้มดลูกเหมือนคนอื่นที่จะมีลูก ก็ตามที่หมอแนะนำเลย ซึ่งเราคิดว่าเอาก้อนนี้ออกเถอะ เพราะมันทำให้พุงป่องมากกก
โดยก่อนที่จะสรุปทุกอย่าง คุณหมอทำการตรวจภายในโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบเจ้าก้อนนี้อีกครั้งด้วยค่ะ
และเป็นที่สรุปแน่ชัดว่า จะทำการตัดมดลูกพร้อมปีกซ้ายออกไป...ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่าจะผ่าที่ไหนก็ได้ ตามบัตรประกันสังคมหรือตามคนไข้ได้เลย
โดยเราตัดสินใจผ่าที่นี่ ซึ่งก่อนผ่าก็ได้มีการให้รพ แจ้งราคาค่าผ่าตัดโดยคร่าว ๆตามมา และเมื่อตกลงก็ได้มีการนัดตรวจสภาพร่างกายทั้งหัวใจ ปอด ตามขั้นตอนของการผ่าตัดสัก 1 สัปดาห์
...
และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง...เราได้ผ่านตัดช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ ค่ะ โดยก่อนนี้เข้ามาพักที่ห้องที่จองไว้เปลี่ยนชุดแล้วเสร็จ ก่อนจะเข็นไปห้องผ่าตัดก็ต้องทำความสะอาดทุกอย่างค่ะ ทั้งทางก้น และทางช่องคลอด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเฮ้อ....ทั้งอาย ทั้งบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องจัดการค่ะ...
เราเป็นการผ่าตัดแบบบล๊อคหลังนะคะ..ซึ่งพอเข็นเข้าห้องผ่าตัด ก็มีคุณผมอวิสัญญีแนะนำตัว (น่ารักอีกแล้ววว พูดจาคลายเครียด พูดเพราะมากกก คลายกังวลได้เป็นอย่างดีสุดๆๆ) คุณหมอแจ้งว่าการบล๊อคหลังทางคุณหมอคิดแล้ว เป็นแนวทางที่ดีที่สุด คนไข้แทบจะไม่มีผลข้างเคียง หมอก็พูดๆๆๆ แบบเพลินค่ะ ฟังไปก็สบายใจไป (ปล..อย่าเพิ่งว่านะคะ แต่มันทำให้เรารู้สึกไม่กังวลค่ะ) และคุณหมอก็บอกให้เรางอเข่างอตัวเป็นกุ้งไว้ ซึ่งมีพยาบาลคอยยืนประกบเราอีกข้างของเตียงผ่าตัดอยู่ตลอดเวลา และคอยจัดท่าให้เราอ่ะค่ะ และคุณหมออีกท่านก็บอกว่า จะฉีดยานอนหลับให้นะ (ซึ่งตรงนี้ เราไม่แน่นใจค่ะว่า ทางคุณหมอประเมินอย่างไร เราบอกก่อนหน้าตอนที่ตรวจว่าถ้าบลอคหลังแล้วยังได้ยินคนคุยกัน เราไม่เอาอ่ะค่ะ สลบไปเลยดีกว่า ซึ่งไม่แน่ใจค่ะว่าเป็นเพราะที่เราบอกไหม หรือการผ่าตัดเรามันใหญ่จนบลอคหลังอย่างเดียวมันไม่ได้ ต้องนอนหลับไปเลย)
พอคุณหมอพูดคำว่ากำลังฉีดยานอนหลับให้นะ ความรู้สึกปวดๆๆ ก็แล่นเข้ามาที่เข็มที่คาไว้ที่เส้นที่ข้อมือ....ปื๊ดดดดดดด...และหลังจากนั้น โลกก็หายไปจากเราเลยค่ะ...วืดดดดด
...
ตื่นมาอีกทีมีคนเรียกและมาที่ห้องพักเรียบร้อย น่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม รวมพักฟื้น...
เราเลยลองขยับด้านล่าง ก็ขยับได้...แต่ยังมีชาๆๆ ดล็กน้อยไม่มาก (ก่อนนหน้าที่จะผ่าเราไปหามาว่าผ่าก้อนเนื้อมดลูกเป็นไง ก็ได้มาทั้งแบบเจ็บ แบบไม่เจ็บ แบบว่าฟท้นมาด้านล่างขยับไม่ได้ ให้นอนหงาย 8 ชั่วโมง ค่อยขยับ..และอื่น ๆ อีก เราเลยกังวลในส่วนนี้ด้วย) แต่พอเกิดขึ้นจริง อาการเจ็บบอกเลยว่า น้อยมาก ผ่าตัดอ่ะเนอะ มันต้ิงมีตึงมีเจ็บ แต่แบบน้อยมาก เราถูกสวนท่อไว้อยู่ดังนั้น มันเลยค่อนข้างรำคาญนิด ๆๆ แต่เราชอบที่ว่ามันไม่ได้เจ็บหรือขยับตัวไม่ได้เลย ยังสามารถขยัยตะแคงหรืออะไรได้ ตามที่คุณพยาบาลแนะนำ สำหรับอาการแพ้ ที่จะต้องอาเจียน มีอาการแค่ 2 ครั้ง เท่านั้น แค่มีอาการนะคะ และพอนั่งนิ่ง ๆ ก็หาย
ส่วนที่บอกว่าจะปวดหลัง...ไม่มีเลยค่ะทุกอย่างแทบไม่มีอะไรเจ็บปวด ซึ่งอาจจะเป้นเพราะว่ายังให้ยาแก้ปวดอยู่ก็เป็นไป
...
วันที่ 2 ... ยังคงมีนำ้เกลืออยู่ แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร ลุกได้ เดินได้นิดหน่อย เพราะติดสายสวน แต่วันที่พยาบาลเอาออกแล้ว โดยวันแรกและวันที่สองยังตวงปัสสาวะ พอเอาสายสวนออก มันโล่งมากมายย เราได้ถามพยาบาลว่าได้ให้ยาแก้ปวดไหม ซึ่งไม่ได้ให้ค่ะ มียากินปนะจำทุกวันคือบาแก้อักเสบ ยาลดกรด ย่าแก้อ๊วกก เท่านั้น
...
วันที่ 3...อาการเหมือนเดิมค่ะ ไม่มีเจ็บปวด มีแต่ตึงๆๆๆ (ก็คิดว่าอาจจะเป้นเพราะยาชาที่มันยังชาอยู่ที่ท้อง เพราะเราเอามือลูบหน้าท้องเหนือผ้าพันแผลมันยังด้าน ๆ ไม่รู้สึก) ก็เดิน นั่ง ไปเรื่อยค่ะ หมอมาดู กดที่แผล ไม่มีเลือดซืมออกมา ใช้ได้ พรุ่งนี้น่าจะกลับได้ ...
...
วันที่ 4 กลับบ้านค่ะ ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ ...
แต่ที่ผิดคือ ค่ารักษาค่าาาาาา 555 (อันนี้หยอกๆๆๆ ค่า) หลักแสนค่ะ ....แสนสี่...เรามีประกันกลุ่ม เบิกได้ หก ค่ะ นอกนั้นออกเองงงงง...เฮ้อออออ ก้อนนี้แอบแพงอยู่เนอะ แต่ส่วนตัวคือ เราเองไม่มีเวลา มัข้อจำกัดด้านเวลา เราก็เลยเอา และไปใช้หนี้กันต่อค่ะ...แฮร่
โดยสรุปแล้ว รพ. ดีค่ะ ที่ตัดสินใจผ่าที่นี่ เพราะคุณหมอดีค่ะ พูดจาดี แนะนำดี ตรวจดี มันทำให้เราคลายกังวลไปมาก และประกอบกับก่อนเนื้อค่อนข้างใหญ่ เราเลยยอมเสียเงินดีกว่า (ปล อันนี้แล้วแต่คนนะคะ และเราเคยมีญาตรักษาที่รพ ธนบุรี มาก่อนนานแล้ว ซึ่งค่อนข้างดีค่ะ) ประทับใจคุณหมอและทีมงานในห้องผ่าตัดมาก รวมทั้งพยาบาล มันเลยทำให้การผ่าตัดที่แอบกังวลนิด ๆ มันค่อนข้างดี ถึงแม้จะแพงก็เถอะ
คุณหมอให้พัก 30 วันค่ะ แต่เราไม่ได้พักเท่าไหร่ พักได้ในช่วงที่หลังจากออกจาก รพ แล้วเป็นเทศกาลสงกรานต์ ก็เลยพักแบบ เหมือนไม่ได้พัก เป้นเพราะมันไม่ได้เจ็บอะไร แต่คุณหมอก็แนะนำว่าอย่าเดินนาน ... อย่าแช่นำ้ ให้กลับมาดูแผลหลังจากนี้อีก 1 สัปดาห์
ที่เราขอเล่า อาจจะไม่ได้ละเอียดมากมาย แต่สิ่งที่เราประทับใจคือตัวคุณหมอและทีมมากกว่าค่ะ ที่ทำให้คนไข้คนนี้ รู้สึกไม่กลัวการผ่าตัดครั้งนี้มากนัก และผลการผ่าตัดออกมามันดีมาก ต่าง ๆจากที่อ่านมาจากที่อื่น ๆ ก่อนเข้าผ่าตัด ส่วนตัวก็ถือว่าคุ้มค่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องกลับไปทำงานใช้หนี้ต่อไป...แฮร่.. ดังนั้น สิ่งอีกอย่างคือประกันค่ะ ถ้าใครมีประกันมันช่วยได้เยอะพอตัวเลย..กับเหตุการณ์ที่ต้องทำแบบฉุกเฉินเช่นนี้
ก็เป้นการเขียนครั้งแรก เผื่อจะเป้นประโยชน์หรือไม่มีอะไรเลย อ่านพอเป็นขำ ๆ ได้ค่ะ (รับฟังทุกคอมมเ้นค่ะ)