นี้เป็นครั้งแรกที่เราตั้งกระทู้นะคะ หากแท็กผิดรึอะไรผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ
ขออธิบายเกี่ยวกับชีวิตเราก่อนนะคะ เราเป็นนักเรียนชั้นม.5ที่กำลังขึ้นชั้นม.6ค่ะ เป็นนักเรียนที่เรียนได้เกรดดีระดับนึง นิสัยเรามักจะค่อนข้างคิดมากและรักอิสระมากค่ะชอบวาดภาพ ฟังเพลง เป็นintrovertค่ะ และในครอบครัวก็มักจะมีปัญหาบ่อยครั้งในเรื่องการเงินจนถึงขั้นทะเลาะแบบเละเทะเลยค่ะ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เรายังอายุ7-8ขวบจนถึงปัจจุบันค่ะ เราเห็นภาพที่พ่อแม่ทะเลาะกันตลอด แล้วทุกครั้งเราก็จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่สนใจแบบหนีไปตรงที่ไม่เห็นเพวกเค้าทะเลาะรึใส่หูฟังเพื่อไม่ได้ยินเสียงค่ะ เพราะเรากลัวว่าเราเห็นเราจะรู้สึกไม่ดีแล้วเพื่อไม่ให้ตัวเองมีอารมณ์โกรธขึ้นมาแล้วเข้าไปในวงที่ทะเลาะกันด้วย ในบางครั้งที่แค่ได้ยินเสียงดังของพ่อขึ้นมาหัวใจเต้นตุ้บตั้บคิดแล้วว่า ทะเลาะอีกแล้วหรอ ละก็รีบวิ่งออกไปตรงเสียงนั่นเพื่ออย่างน้อยหากเค้าเห็นเราคงจะต้องมีกั๊กอารมณ์โมโหไว้บ้างล่ะ แต่มันไม่ใช่ค่ะ เริ่มทะเลาะหนักขึ้นเพราะมีหนี้สินค่ะ เป็นจำนวนที่เยอะเลยค่ะ มีทั้งนี้ในระบบและนอกระบบ ทุกวันนี้คุณแม่ก็ต้องหาจ่ายวันชนวันเลยค่ะต้องยืมคนนู้นคนนี้ไหนจะรายจ่ายกินอยู่ในครอบครัว คุณพ่อก็มีช่วยบ้างค่ะแต่แทบไม่ได้ยุ่งเรื่องหนี้เลยแล้วเค้าเป็นเจ้าอารมณ์แม้แต่เรื่องเล็กๆยังต้องมีปัญหาอย่างเช่นเรื่องกล่องว่าด้านไหนเป็นฝาด้านไหนเป็นที่ใส่ แค่นี้ขึ้นเสียงแล้วค่ะ ในเรื่องนี้ทำให้คุณแม่เครียดในการหายเงินอยู่แล้ว ยังต่องมีเรื่องทะเลาะเรื่องเล็กๆให้เครียดเพิ่มอีก ตัวเราที่เห็นมาตลอดเราก็อยากจะช่วยเค้าบ้างอยากหาเงินสักนิดสักหน่อยก็ยังดีแต่เราขับรถก็ไม่เป็น จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปทำงานที่นึงค่ะรายได้ถือว่าดีสำหรับเรา ทำได้2-4สัปดาห์เราก็หยุดค่ะ เพราะเรากดดันจะสภาพแวดล้อมคนในนั้น (เราร้องไห้และเครียดมากค่ะเพราะเราพึ่งเคยไปทำงานครั้งแรกแล้วก็ไม่กล้าคุยกับใครเท่าไหร่ไม่รู้จักใครสักคน)แต่ก็มีพี่บางคนที่เค้าชวนคุยก็ทำให้เราอยู่ได้นานขนาดนั้นค่ะ แต่พออย่างนั้นเราก็รู้สึกว่าเราไร้ค่าทั้งๆที่อุส่าได้มีรายได้แล้วกลับต้องมาหยุดเพราะความอ่อนหัดของตัวเอง เพราะถ้าอย่างน้อยเรายังอยู่ทำในงานก็คงสามารถช่วยรายจ่ายบางอย่างให้คุณแม่ได้ ตอนนี้ก็เลยเครียดกับการเลือกเรียนในอนาคตค่ะ
สรุปสิ่งที่เราเครียดกังวลและสับสนนะคะ
1.ปัญหาการทะเลาะในครอบครัวค่ะ (อย่างน้อยก็อยากทำอะไรสักอย่างให้มันทะเลาะได้น้อยลงกว่านี้ค่ะ)
2.ปัญหาทางการเงิน (อยากจะช่วยพวกเค้าให้ได้บ้าง เราลืมบอกไปว่าเพราะเราก็พอรู้ตัวอยู่ว่าตอนนี้เราช่วยด้านนี้ไม่ค่อยได้ เราเลยพยายามจะช่วยงานบ้านอะไรที่เราทำได้อย่างน้อยก็ลดภาระเค้า)
3.ปัญหาเส้นทางในอนาคต (อย่างที่บอกค่ะว่าเราชอบวาดภาพระบายสี เลยอยากจะเรียนทางสายนี้แต่เราคิดว่ารายได้อาจจะไม่มั่นคงและกลัวไม่มีงาน ก็เลยคิดว่าจะเรียนไปทางสายแพทย์ พยาบาล ซึ่งตามตรงมันไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดเลยค่ะ เพราะเราไม่อยากทำงานที่ต้องแบกรับความเสี่ยงของผู้ป่วยรึต้องเห็นคนป่วยเพราะเรารู้สึกไม่ดีค่ะ ) แต่ในใจเราก็คิดว่าแต่งานมันก็ยังมั่นคงกว่าสิ่งที่เราอยากทำมันก็คงดีกว่าถ้าเราเลือกเรียนแพทย์ คือ ถ้าเราเลือกสิ่งที่มั่นคงแต่ไม่ชอบ กับ เลือกสิ่งที่ชอบแต่ไม่มั่นคงรึอาจจะมั่นคงก็ได้ เราคิดไม่ตกเลยค่ะเรื่องนี้ แต่ก้แอบคิดว่าทำงานที่มั่นคงไป แล้วทำงานที่ชอบเป็นอาชีพเสริม
4.ปัญหาเรื่องความกลัวของเราค่ะ เรามักจะคิดรูปแบบที่แย่ที่สุดก่อนเสมอเวลาจะทำอะไร เพราะเราจะได้รับมันได้รึจะไม่ทำมันเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงค่ะ ทำให้เรามักจะไม่กล้าออกจาก comfort zone แล้วก็อดที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ กลัวว่าทำไปแล้วจะไม่ดี กลัวว่าทำแบบนี้จะเสียตังเยอะ กลัวไปหมดเลยค่ะ กลัวการเลือกสายที่จะเรียน กลัวการคุยกับคนแปลกหน้า มันดูงี่เง่าจนเราก็รู้สึกไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย
เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราต้องคิดยังไง ต้องทำอะไร ต้องหันไปตั้งใจเรียนอย่างเดียวปล่อยให้เรื่องที่บ้านเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ไป?
เคยคิดนะคะว่ารึไม่เรียนมหาลัยออกไปทำสวนรึทำงานที่ทำได้ตอนนั้นเลย อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเรียน คือเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรแล้วอะค่ะ ในหัวเราวนคิดอยู่แต่เรื่องพวกนี้ แล้วก็ขัดกับตัวเองว่าทำอย่างนี้ดีมั้ย เอ้ยไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้
เราไม่สามารถหยุดคิดได้เลยจริงๆค่ะ
เป็นนักเรียนม.ปลายที่มีแต่ความกังวลสับสนในชีวิตค่ะ อยากขอคำแนะนำหน่อยค่ะ?
ขออธิบายเกี่ยวกับชีวิตเราก่อนนะคะ เราเป็นนักเรียนชั้นม.5ที่กำลังขึ้นชั้นม.6ค่ะ เป็นนักเรียนที่เรียนได้เกรดดีระดับนึง นิสัยเรามักจะค่อนข้างคิดมากและรักอิสระมากค่ะชอบวาดภาพ ฟังเพลง เป็นintrovertค่ะ และในครอบครัวก็มักจะมีปัญหาบ่อยครั้งในเรื่องการเงินจนถึงขั้นทะเลาะแบบเละเทะเลยค่ะ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เรายังอายุ7-8ขวบจนถึงปัจจุบันค่ะ เราเห็นภาพที่พ่อแม่ทะเลาะกันตลอด แล้วทุกครั้งเราก็จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่สนใจแบบหนีไปตรงที่ไม่เห็นเพวกเค้าทะเลาะรึใส่หูฟังเพื่อไม่ได้ยินเสียงค่ะ เพราะเรากลัวว่าเราเห็นเราจะรู้สึกไม่ดีแล้วเพื่อไม่ให้ตัวเองมีอารมณ์โกรธขึ้นมาแล้วเข้าไปในวงที่ทะเลาะกันด้วย ในบางครั้งที่แค่ได้ยินเสียงดังของพ่อขึ้นมาหัวใจเต้นตุ้บตั้บคิดแล้วว่า ทะเลาะอีกแล้วหรอ ละก็รีบวิ่งออกไปตรงเสียงนั่นเพื่ออย่างน้อยหากเค้าเห็นเราคงจะต้องมีกั๊กอารมณ์โมโหไว้บ้างล่ะ แต่มันไม่ใช่ค่ะ เริ่มทะเลาะหนักขึ้นเพราะมีหนี้สินค่ะ เป็นจำนวนที่เยอะเลยค่ะ มีทั้งนี้ในระบบและนอกระบบ ทุกวันนี้คุณแม่ก็ต้องหาจ่ายวันชนวันเลยค่ะต้องยืมคนนู้นคนนี้ไหนจะรายจ่ายกินอยู่ในครอบครัว คุณพ่อก็มีช่วยบ้างค่ะแต่แทบไม่ได้ยุ่งเรื่องหนี้เลยแล้วเค้าเป็นเจ้าอารมณ์แม้แต่เรื่องเล็กๆยังต้องมีปัญหาอย่างเช่นเรื่องกล่องว่าด้านไหนเป็นฝาด้านไหนเป็นที่ใส่ แค่นี้ขึ้นเสียงแล้วค่ะ ในเรื่องนี้ทำให้คุณแม่เครียดในการหายเงินอยู่แล้ว ยังต่องมีเรื่องทะเลาะเรื่องเล็กๆให้เครียดเพิ่มอีก ตัวเราที่เห็นมาตลอดเราก็อยากจะช่วยเค้าบ้างอยากหาเงินสักนิดสักหน่อยก็ยังดีแต่เราขับรถก็ไม่เป็น จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปทำงานที่นึงค่ะรายได้ถือว่าดีสำหรับเรา ทำได้2-4สัปดาห์เราก็หยุดค่ะ เพราะเรากดดันจะสภาพแวดล้อมคนในนั้น (เราร้องไห้และเครียดมากค่ะเพราะเราพึ่งเคยไปทำงานครั้งแรกแล้วก็ไม่กล้าคุยกับใครเท่าไหร่ไม่รู้จักใครสักคน)แต่ก็มีพี่บางคนที่เค้าชวนคุยก็ทำให้เราอยู่ได้นานขนาดนั้นค่ะ แต่พออย่างนั้นเราก็รู้สึกว่าเราไร้ค่าทั้งๆที่อุส่าได้มีรายได้แล้วกลับต้องมาหยุดเพราะความอ่อนหัดของตัวเอง เพราะถ้าอย่างน้อยเรายังอยู่ทำในงานก็คงสามารถช่วยรายจ่ายบางอย่างให้คุณแม่ได้ ตอนนี้ก็เลยเครียดกับการเลือกเรียนในอนาคตค่ะ
สรุปสิ่งที่เราเครียดกังวลและสับสนนะคะ
1.ปัญหาการทะเลาะในครอบครัวค่ะ (อย่างน้อยก็อยากทำอะไรสักอย่างให้มันทะเลาะได้น้อยลงกว่านี้ค่ะ)
2.ปัญหาทางการเงิน (อยากจะช่วยพวกเค้าให้ได้บ้าง เราลืมบอกไปว่าเพราะเราก็พอรู้ตัวอยู่ว่าตอนนี้เราช่วยด้านนี้ไม่ค่อยได้ เราเลยพยายามจะช่วยงานบ้านอะไรที่เราทำได้อย่างน้อยก็ลดภาระเค้า)
3.ปัญหาเส้นทางในอนาคต (อย่างที่บอกค่ะว่าเราชอบวาดภาพระบายสี เลยอยากจะเรียนทางสายนี้แต่เราคิดว่ารายได้อาจจะไม่มั่นคงและกลัวไม่มีงาน ก็เลยคิดว่าจะเรียนไปทางสายแพทย์ พยาบาล ซึ่งตามตรงมันไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดเลยค่ะ เพราะเราไม่อยากทำงานที่ต้องแบกรับความเสี่ยงของผู้ป่วยรึต้องเห็นคนป่วยเพราะเรารู้สึกไม่ดีค่ะ ) แต่ในใจเราก็คิดว่าแต่งานมันก็ยังมั่นคงกว่าสิ่งที่เราอยากทำมันก็คงดีกว่าถ้าเราเลือกเรียนแพทย์ คือ ถ้าเราเลือกสิ่งที่มั่นคงแต่ไม่ชอบ กับ เลือกสิ่งที่ชอบแต่ไม่มั่นคงรึอาจจะมั่นคงก็ได้ เราคิดไม่ตกเลยค่ะเรื่องนี้ แต่ก้แอบคิดว่าทำงานที่มั่นคงไป แล้วทำงานที่ชอบเป็นอาชีพเสริม
4.ปัญหาเรื่องความกลัวของเราค่ะ เรามักจะคิดรูปแบบที่แย่ที่สุดก่อนเสมอเวลาจะทำอะไร เพราะเราจะได้รับมันได้รึจะไม่ทำมันเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงค่ะ ทำให้เรามักจะไม่กล้าออกจาก comfort zone แล้วก็อดที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ กลัวว่าทำไปแล้วจะไม่ดี กลัวว่าทำแบบนี้จะเสียตังเยอะ กลัวไปหมดเลยค่ะ กลัวการเลือกสายที่จะเรียน กลัวการคุยกับคนแปลกหน้า มันดูงี่เง่าจนเราก็รู้สึกไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย
เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราต้องคิดยังไง ต้องทำอะไร ต้องหันไปตั้งใจเรียนอย่างเดียวปล่อยให้เรื่องที่บ้านเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ไป?
เคยคิดนะคะว่ารึไม่เรียนมหาลัยออกไปทำสวนรึทำงานที่ทำได้ตอนนั้นเลย อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเรียน คือเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรแล้วอะค่ะ ในหัวเราวนคิดอยู่แต่เรื่องพวกนี้ แล้วก็ขัดกับตัวเองว่าทำอย่างนี้ดีมั้ย เอ้ยไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้
เราไม่สามารถหยุดคิดได้เลยจริงๆค่ะ