ผู้ปกครองแห่ซื้อชุดนักเรียนรับเปิดเทอม โอดต้องประหยัด เหตุของราคาแพง
https://www.matichon.co.th/region/news_3952955
 
 
ผู้ปกครองแห่ซื้อชุดนักเรียนรับเปิดเทอม โอดต้องประหยัด เหตุของราคาแพง
 
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านขายชุดนักเรียนแห่งหนึ่งภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ผู้ปกครองต่างพากันแห่พาลูกหลานออกมาซื้อชุดนักเรียนกันอย่างคึกคักซึ่งผู้ปกครองบางส่วนหยุดเนื่องในวันแรงงานก็เลยถือโอกาสนี้พาลูกหลานออกมาซื้อชุดนักเรียนก่อนเปิดภาคเรียนประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้
 
โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่มาเลือกซื้อชุดนักเรียนทั้งชุดตั้งแต่เสื้อ กางเกง กระโปรง รองเท้า รวมไปถึงชุดอื่นๆอีก เช่น ชุดลูกเสือ เนตรนารี ชุดกีฬา ซึ่งถ้าซื้อครบทั้งหมดจำนวนเงินจะตกอยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท แล้วแต่ยี่ห้อของเสื้อผ้านักเรียน ซึ่งทำให้ผู้ปกครองบางส่วนจำเป็นที่จะต้องซื้อชุดนักเรียนเพียง 1-2 ชุด และซื้อชุดอย่างอื่นๆ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
 
ขณะเดียวกัน ร้านรับปักชื่อนักเรียนบริเวณใกล้กันกับร้านขายเสื้อนักเรียน พบว่า มีผู้ปกครองนำเสื้อผ้านักเรียนที่ซื้อมาแล้ว มาให้ทางร้านได้ปักชื่อนักเรียน โดยในระหว่างนั้น ก็ยังคงมีผู้ปกครองต่างทยอยนำเสื้อผ้านักเรียนมาต่อคิวให้ร้านรับปักชื่ออย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้ปกครองบางส่วนนำเสื้อผ้านักเรียนชุดเก่ามาให้ทางร้านได้เลาะเอาชื่อเก่าที่ปักไว้ออก และทำการปักชื่อลงไปใหม่

จากการสอบถามเจ้าของร้านรับปักชื่อนักเรียน ทราบว่า ก่อนเปิดเรียนปีนี้เสื้อผ้าเก่าที่นำมาปักใหม่มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากทางโรงเรียนเพิ่งทำการเปิดเรียนเป็นปีแรก หลังจากปลดล็อกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้เสื้อผ้านักเรียนของเดิมยังคงสวมใส่ได้ อีกทั้ง ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วย เนื่องจากชุดนักเรียนมีราคาค่อนข้างสูง
 
น.ส.รสสุคนธ์ คำนึงผล อายุ 42 ปี ผู้ปกครอง กล่าวว่า วันนี้นำเสื้อผ้าของลูกมาปักชื่อซึ่งเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมด เนื่องจากลูกของตนนั้น เปลี่ยนโรงเรียนจากโรงเรียนสามัญ มาเรียนอาชีวะ ทำให้ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งชุดที่ซื้อก็จะมีเสื้อผ้านักเรียน เสื้อช็อป ชุดลูกเสือ รวมแล้วประมาณ 4 ชุด ซึ่งหมดเงินไปประมาณ 4,000 บาท ซึ่งโชคดีที่ตนมีลูกเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าหากมีลูกเพิ่มอีกคนคงจะลำบากเพราะเสื้อผ้านักเรียนค่อนข้างมีราคาสูง
 

---

‘รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย’ ดันเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิต-สิ่งแวดล้อมดีขึ้น!
https://www.dailynews.co.th/news/2278713/

แคนดิเดตนายกฯ "เศรษฐา" ตอกย้ำนโยบายพรรคเพื่อไทยรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รัฐต้องเข้ามาจัดการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล คุณภาพชีวิตดีขึ้น แถมส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในทางบวก.

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย โพสต์เรื่องราวในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย : ปัญหาความเหลื่อมล้ำคนเมืองที่รัฐต้องจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม

นายเศรษฐาระบุว่า ผมได้กล่าวถึงปัญหาหลายๆเรื่อง อันเป็นปัญหาภาพใหญ่ของประเทศไปบ้างแล้ว ครั้งนี้เรามาโฟกัสกับปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง อันเป็นปัญหายอดนิยมคู่เมืองกรุงเทพฯ มานาน ตั้งแต่รถไฟ้ฟ้าเริ่มเปิดบริการตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตอนที่จะเริ่มสร้างนั้น มีเป้าหมายในการสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ในความเป็นจริง กลับตาลปัตรมิได้เป็นเช่นหวัง รถไฟฟ้ากลายไปเป็นระบบขนส่งของชนชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ก็เพราะด้วยค่าบริการที่คนในสังคมหลายๆ กลุ่มเข้าไม่ถึง
 
ที่กล่าวว่าหลายกลุ่มในสังคมเข้าไม่ถึง เพราะว่าถ้าเราเปรียบเทียบราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ ต่อเที่ยวคิดเป็น 11% ของค่าแรง (ไปกลับก็ 22%) ซึ่งแพงมากเทียบกับอัตราส่วนเพียงแค่ 1.5% ของค่าแรงที่เกาหลีใต้ 2.9% ที่ญี่ปุ่น หรือ 3.5% ที่สิงคโปร์ ซึ่งสังเกตุได้ว่าในประเทศเหล่านั้นการขึ้นรถไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน

นอกจากนี้แล้ว ประเด็นอัตราค่าโดยสารที่แพงกว่าคนอื่นนี้ ถูกซ้ำเติมโดยสภาวะเงินเฟ้อและวิกฤติโควิดในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาอีก ในเมื่อสินค้าจำเป็นแพงขึ้นและรายได้ลดลง รถไฟฟ้าก็กลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและเข้าไม่ถึงยิ่งไปกว่าเดิม ทำให้ประชาชนหลายคน ต้องยอมเสียเวลาเดินทางหลายต่อ นั่งรถตู้มาจากบ้าน ต่อรถเมล์ และเดินเพื่อให้ไปถึงที่หมาย เพียงเพราะไม่สามารถจ่ายค่ารถไฟฟ้าได้ เผลอๆ จะต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีกเป็นชั่วโมง

ผมและพรรคเพื่อไทยมองว่ารถไฟฟ้าควรเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่ประชาชนชาวไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เราจึงมีความตั้งใจที่จะทำให้ราคาค่ารถไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเราจะเร่งเจรจากับทุกภาคส่วน เพื่อลดค่าโดยสารลงให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเป็นอัตราขั้นต่ำที่เข้าถึงได้ และเป็นสิ่งที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ฝรั่งเศสทำมานานแล้ว
 
เราจะได้ประโยชน์มากมายจากการปรับลดอัตราค่าเดินทางโดยรถไฟฟ้านี้ สิ่งที่ชัดเจนอย่างแรกก็คือเราสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชน ปลดล็อกรถไฟฟ้าสำหรับกลุ่มคนเมืองเป็นจำนวนมาก ด้วยราคาที่ไม่เกินเอื้อมอีกต่อไป การเข้าถึงระบบการเดินทางที่ มีคุณภาพ สะดวก ปลอดภัย ตอบโจทย์ จะทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นแล้ว นโยบายนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพของเมือง ซึ่งตีเป็นมูลค่าเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ในทางตรง ประชาชนจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น โดยสามารถเลือกวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก โดยขณะที่ในทางอ้อมนโยบายนี้จะจูงใจให้คนเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดการใช้รถใช้ถนน ลดปริมาณจราจรบนท้องถนน ช่วยบรรเทาปัญหารถติด เราจะสามารถคืนเวลาทำมาหากินที่เสียไปเปล่าๆ กับการเดินทางบนท้องถนน ซึ่งสามารถนำไปใช้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้มหาศาล และยังทำให้ประชาชนชาวไทย ไม่ต้องอดหลับอดนอน มีเวลากับตัวเอง กับครอบครัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
 
ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายนี้ยังจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในทางบวก จะช่วยลดการปล่อยมลภาวะอันเกิดจากการลดอัตราการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ก่อให้เกิดปัญหา PM2.5 ซึ่งเป็นภัยเงียบของประชาชนอีกด้วย
 
แม้จะเป็นแค่ประเด็นการเดินทางของคนเมือง แต่หากเรามองนโยบายนี้เป็นองค์รวมร่วมกับนโยบายอื่นของพรรคเพื่อไทย เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท สร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ ลดราคาพลังงานทันที เราจะทำให้เมืองของเราน่าอยู่ขึ้น ประชาชนเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และเศรษฐกิจภาพรวมก็จะโตอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นแน่นอนครับ.
  
https://www.facebook.com/Thavisin.Official/posts/pfbid01E93SBLK6rf52JZeypFxpgVbSd3MntJGz4QmJLm8sX1KT9UTMVKeYo5nNMdrKYi3l
 

---

คนสมุทรสาครทะลักตลาด ฟังปราศรัย ‘ก้าวไกล’ ชูรัฐสวัสดิการ มีเราไม่มีลุง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3952746

ก้าวไกลปราศรัยใหญ่ นับถอยหลัง 13 วัน ชูรัฐสวัสดิการ เปลี่ยนสมุทรสาคร
 
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 30 เมษายน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.สมุทรสาคร ณ ตลาดอินบ๊อก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีประชาชนสนใจรับฟังปราศรัยล้นหลาม ขณะที่เวทีวันนี้แกนนำสลับกันขึ้นปราศรัย โดยชูนโยบายพรรคและชวนให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้ง 3 เขต รวมถึงกาก้าวไกล เบอร์ 31 ให้พรรคไปเป็นแกนนำรัฐบาล
 
เวลา 20.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง หากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำรัฐบาลก็พร้อมจะนำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรูปแบบใหม่ แต่ถ้าต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคของ 2 ลุง พรรคก้าวไกลขอถอยมาเป็นฝ่ายค้าน
  
เวลา 20.40 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีโดยเน้นย้ำเรื่องการจัดรัฐสวัสดิการที่พรรคก้าวไกลทำได้เพียงแค่เข้าไปกำจัดเรื่องคอร์รัปชั่นและขจัดโครงการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบ รวมถึงยกเลิกการผูกขาดกลุ่มทุนพลังงานและแนวทางการบริหารประเทศแบบใหม่ พร้อมขอคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร และพรรคก้าวไกล เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย