บางพรรคก็เสนอรัฐสวัสดิการ บางพรรคก็ดิจิทัล บางพรรคก็แจกเงิน
ที่นี้มาดู
1.รัฐสวัสดิการ
ปัจจุบันประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลาง ระบบภาษีและการคลังยังล้าหลัง แตะไม่ได้ด้วย คนส่วนใหญ่ไม่ยอม ขึ้น % ก็โดนถล่มแล้ว ในขณะที่โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบเต็มตัวแล้ว และ ประชากรวัยแรงงานลดลง ดังนั้น " รัฐสวัสดิการ " ที่บางพรรคเสนอมา จึงเป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืนและไร้สาระ ทางที่ดี ควรปล่อยให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองจำนวนมหาศาลอดตายไปเอง ไม่ต้องช่วยเหลือ ไม่ต้องอุดหนุนค่ารักษาพยาบาล เอาเงินตรงนั้นมา สนับสนุน กลุ่มคนที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในอนาคต เช่น เด็ก คนหนุ่มสาว เอาจริงๆ หลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว ติดกับดักตรงนี้ คนวัยเกษียณล้นประเทศ เอาเงินไปอุด จนระบบใกล้จะล่ม แล้วก็มารีดกับ คนหนุ่มสาว คนทำงาน เอาไปถมเรื่อยๆ จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะเป็นฐานเสียงทางการเมืองขนาดใหญ่ ไม่แฟร์เลย ถ้าต้องทำงานมา เสียภาษี ครึ่งนึงของรายได้ เพื่อเอาไปป้อนขยะที่รอวันเน่าตาย ขนาดประเทศพัฒนา แล้วที่มีระบบภาษีและการคลังดีกว่าไทย ยังเจอปัญหา นับประสาอะไรกับประเทศจนๆ อย่างไทย ล่มแน่นอน ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิด
สรุป รัฐสวัสดิการดี แต่ ไม่ควรใช้ไปกับการดูแลผู้สูงอายุ เพราะโครตสิ้นเปลือง และ มีเท่าไร่ ก็ถมไม่หมด บอกจะแจก 3000 ให้ คนอายุ เกิน 60 จำนวน 20ล้านคน ในอีก 10 ปี อยากรู้ว่าจะหาเงินมาจากไหน นอกจากปฎิรูประบบภาษี ซึ่งไม่มีใครกล้าแตะ
2.ดิจิทัล
ไร้สาระ เลื่อนลอย ไม่มีประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ พูดเอาเท่ไปวันๆ ผ่าน
3.แจกเงิน
นโยบายแบบนี้ เป็นอะไรที่ทำให้สิ้นหวัง กับ นักการเมืองไทยมาก จะ ขาดความคิดสร้างสรรค์ไปถึงไหน แถมอะไรแบบนี้ คนส่วนใหญ่ชอบด้วยนะ เงินฟรีเนี่ย
4.ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์
โลกเรา กำลัง ถอยห่างจาก โลกาภิวัตน์มากขึ้นทุกที หลายประเทศต่างปกป้องตลาดภายในของตนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และ การลงทุนจากต่างประเทศอย่างไทยแน่นอน ดังนั้นนี่คือข้อสรุปที่จะกล่าวต่อไปนี้
ข้อสรุป
เศรษฐกิจไทยควรจะเป็นแบบปิด ลดการพึ่งพาการค้า การลงทุน เทคโนโลยีและ เงินจากภายนอก ให้น้อยลงที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ อุทิศทุกอย่างให้กับ การผลิตสินค้าขั้นพื้นฐานและ และบริการขั้นพื้นฐาน ที่มีรัฐเป็นเจ้าของ เพื่อควบคุมต้นทุน นำเข้าแค่เชื้อเพลิงและแร่ธาตุจำเป็นเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจตัวเลข GDP เพราะ ศก.ไทย ไม่น่าจะโตได้อีกใน 10 ปี เพราะคนแก่เยอะ เท่าที่ทำได้คือการพยุง และ รักษาระดับมาตราฐานครองชีพให้อยู่ในระดับเดิม ไม่ให้ลดลง
ไม่ใช่ว่า ให้เลิกติดต่อกับโลกภายนอก แต่ให้พึ่งพาตัวเองด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุด และใช้ ระบบ protectionism แบบเต็มที่ ยกเลิก ข้อตกลงทางการค้าทุกฉบับ
โมเดลเศรษฐกิจทางเลือก ที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย
ที่นี้มาดู
1.รัฐสวัสดิการ
ปัจจุบันประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลาง ระบบภาษีและการคลังยังล้าหลัง แตะไม่ได้ด้วย คนส่วนใหญ่ไม่ยอม ขึ้น % ก็โดนถล่มแล้ว ในขณะที่โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบเต็มตัวแล้ว และ ประชากรวัยแรงงานลดลง ดังนั้น " รัฐสวัสดิการ " ที่บางพรรคเสนอมา จึงเป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืนและไร้สาระ ทางที่ดี ควรปล่อยให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองจำนวนมหาศาลอดตายไปเอง ไม่ต้องช่วยเหลือ ไม่ต้องอุดหนุนค่ารักษาพยาบาล เอาเงินตรงนั้นมา สนับสนุน กลุ่มคนที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในอนาคต เช่น เด็ก คนหนุ่มสาว เอาจริงๆ หลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว ติดกับดักตรงนี้ คนวัยเกษียณล้นประเทศ เอาเงินไปอุด จนระบบใกล้จะล่ม แล้วก็มารีดกับ คนหนุ่มสาว คนทำงาน เอาไปถมเรื่อยๆ จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะเป็นฐานเสียงทางการเมืองขนาดใหญ่ ไม่แฟร์เลย ถ้าต้องทำงานมา เสียภาษี ครึ่งนึงของรายได้ เพื่อเอาไปป้อนขยะที่รอวันเน่าตาย ขนาดประเทศพัฒนา แล้วที่มีระบบภาษีและการคลังดีกว่าไทย ยังเจอปัญหา นับประสาอะไรกับประเทศจนๆ อย่างไทย ล่มแน่นอน ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิด
สรุป รัฐสวัสดิการดี แต่ ไม่ควรใช้ไปกับการดูแลผู้สูงอายุ เพราะโครตสิ้นเปลือง และ มีเท่าไร่ ก็ถมไม่หมด บอกจะแจก 3000 ให้ คนอายุ เกิน 60 จำนวน 20ล้านคน ในอีก 10 ปี อยากรู้ว่าจะหาเงินมาจากไหน นอกจากปฎิรูประบบภาษี ซึ่งไม่มีใครกล้าแตะ
2.ดิจิทัล
ไร้สาระ เลื่อนลอย ไม่มีประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ พูดเอาเท่ไปวันๆ ผ่าน
3.แจกเงิน
นโยบายแบบนี้ เป็นอะไรที่ทำให้สิ้นหวัง กับ นักการเมืองไทยมาก จะ ขาดความคิดสร้างสรรค์ไปถึงไหน แถมอะไรแบบนี้ คนส่วนใหญ่ชอบด้วยนะ เงินฟรีเนี่ย
4.ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์
โลกเรา กำลัง ถอยห่างจาก โลกาภิวัตน์มากขึ้นทุกที หลายประเทศต่างปกป้องตลาดภายในของตนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และ การลงทุนจากต่างประเทศอย่างไทยแน่นอน ดังนั้นนี่คือข้อสรุปที่จะกล่าวต่อไปนี้
ข้อสรุป
เศรษฐกิจไทยควรจะเป็นแบบปิด ลดการพึ่งพาการค้า การลงทุน เทคโนโลยีและ เงินจากภายนอก ให้น้อยลงที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ อุทิศทุกอย่างให้กับ การผลิตสินค้าขั้นพื้นฐานและ และบริการขั้นพื้นฐาน ที่มีรัฐเป็นเจ้าของ เพื่อควบคุมต้นทุน นำเข้าแค่เชื้อเพลิงและแร่ธาตุจำเป็นเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจตัวเลข GDP เพราะ ศก.ไทย ไม่น่าจะโตได้อีกใน 10 ปี เพราะคนแก่เยอะ เท่าที่ทำได้คือการพยุง และ รักษาระดับมาตราฐานครองชีพให้อยู่ในระดับเดิม ไม่ให้ลดลง
ไม่ใช่ว่า ให้เลิกติดต่อกับโลกภายนอก แต่ให้พึ่งพาตัวเองด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุด และใช้ ระบบ protectionism แบบเต็มที่ ยกเลิก ข้อตกลงทางการค้าทุกฉบับ