จากประสบการณ์ ผลัด 2/63 อาหารการกินภายในค่ายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก ภาพจำจากทวิตเตอร์หรือในเฟซบุ๊คอาจทำให้คนที่กำลังเข้ามาเป็น "ครอบครัวของกองทัพ" รู้สึกไม่ดี กลัวว่าจะกินไม่อิ่มบ้าง สารอาหารไม่ครบบ้าง ไม่อร่อยบ้าง
กองทัพอาจรอดจากการตรวจสอบกันเองได้ อาจรอดจากหน่วยงานราชการอื่นได้ แต่สุดท้ายก็ต้องถูก "สังคม" ตรวจสอบไปตามครรลองที่ควรจะเป็น คือ สังคมที่ใช้ "เครื่องมือสื่อสาร" และ "เลือกวิธีการสื่อสาร" เป็น , การรับ-ส่งสารที่รวดเร็วส่งผลให้การตัดสินใจของคนรวดเร็ว เมื่อตัดสินใจเร็ว การสร้างเหตุเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็จะเร็ว พลาดทีหนึ่งก็อาจล้มเป็นโดมิโน่ได้ นี่เป็นส่วนที่ทำให้กองทัพเลือกปรับตัว นำข้อเสนอต่างๆของประชาชนมาแก้ไขให้กองทัพดียิ่งขึ้น เปรียบเทียบก็คือว่า ประชาชนเหมือนแม่ที่ตั้งความหวังกับลูก (กองทัพ) ว่าควรเป็นคนอย่างไร จะมีนิสัยอย่างโจรหรือไม่? ฉะนั้น วางใจได้ในระดับหนึ่งว่าอาหารจะไม่มีวิญญาณหมู วิญญาณไก่ กระดูกหมู กระดูกไก่ ซึ่งทำให้เกิดข้อวิจารณ์จากคนนอกรั้วค่ายว่า ทหารได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอ และในเรื่องของรสชาตินั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล กินอย่างเดียวกันแต่ความชอบไม่เหมือนกัน ใช่-ไม่ใช่ ถูกปาก-ไม่ถูกปาก
จากประสบการณ์ที่ได้รับที่จะเป็นตัวฝึกเราในเรื่องของการกินอาหารนี้ก็คือ "ความเป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย" ในยามที่เราเงินขาดมือ , ประเทศตกอยู่ภาวะสงคราม หรือภัยพิบัติธรรมชาติ เราจะไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะกินเพื่อ "เอาชีวิตรอด" ถ้าใครที่เคยปฏิบัติแบบพุทธธรรมมาบ้าง เราจะใช้เวลาตรงนี้สังเกตลิ้นที่ไปกระทบกับอาหาร สังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนรู้รสว่าเป็นแบบไหน เกิดความอยากในรสชาติอาหารหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเป็นอีโก้ต่อไป เราพิจารณาอย่างนี้เพื่อตัดตอนกระบวนการการเกิดขึ้นของความทุกข์ นอกจากนี้ ทันทีที่นายทหารเวรส่งสัญญาณให้ทหารเริ่มกินข้าว ทหารที่ยึดติดกับรสชาติอาหารก็อาจเดินออกนอกโรงเลี้ยงเพื่อไปเดินแถวกับเพื่อนกลับกองร้อยช้า ข้อเสียก็คือ เราจะ "เสียวินัย" เรื่อง "การรักษาเวลา" เมื่อต้องไปทำงานข้างนอกแล้วหากผิดนัดเวลากับใครขึ้นมาจะส่งผลให้คู่นัดนั้นเกิดความไม่สบายใจ เสียเวลาไปทำกิจกรรมอื่น หรือร้ายแรงที่สุดคือ คู่นัดจะผิดตารางเวลาซึ่งได้วางแผนนัดเอาไว้กับอีกคนหนึ่งเมื่อเสร็จธุระกับคนที่ผิดนัดไป กลายว่าคู่นัดพลอยถูกคนอื่นตำหนิเข้าไปอีก
สำหรับใครที่รับรสชาติอาหารที่โรงเลี้ยงไม่ได้ (เราเป็นหนึ่งในนั้น ๕๕๕๕ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งนะ) ก็ต้องหาเวลาไปซื้ออาหารเองที่ร้านค้าสวัสดิการ ตรงนี้จะฝึกในเรื่องของ "วินัยการเงิน" ว่าเราสามารถใช้จ่ายให้อยู่ตามกรอบที่เราตั้งไว้สม่ำเสมอหรือไม่ บริหารหนี้สินที่ขอกินจากร้านค้าก่อนค่อยตามจ่ายทีหลังอย่างไร จะหารายได้จากไหนมาใช้หนี้ การพนัน , การเทรด , การลงทุน , ขายของออนไลน์ให้ทางพ่อแม่จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ฯลฯ
ว่าด้วยอาหารโรงเลี้ยง
กองทัพอาจรอดจากการตรวจสอบกันเองได้ อาจรอดจากหน่วยงานราชการอื่นได้ แต่สุดท้ายก็ต้องถูก "สังคม" ตรวจสอบไปตามครรลองที่ควรจะเป็น คือ สังคมที่ใช้ "เครื่องมือสื่อสาร" และ "เลือกวิธีการสื่อสาร" เป็น , การรับ-ส่งสารที่รวดเร็วส่งผลให้การตัดสินใจของคนรวดเร็ว เมื่อตัดสินใจเร็ว การสร้างเหตุเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็จะเร็ว พลาดทีหนึ่งก็อาจล้มเป็นโดมิโน่ได้ นี่เป็นส่วนที่ทำให้กองทัพเลือกปรับตัว นำข้อเสนอต่างๆของประชาชนมาแก้ไขให้กองทัพดียิ่งขึ้น เปรียบเทียบก็คือว่า ประชาชนเหมือนแม่ที่ตั้งความหวังกับลูก (กองทัพ) ว่าควรเป็นคนอย่างไร จะมีนิสัยอย่างโจรหรือไม่? ฉะนั้น วางใจได้ในระดับหนึ่งว่าอาหารจะไม่มีวิญญาณหมู วิญญาณไก่ กระดูกหมู กระดูกไก่ ซึ่งทำให้เกิดข้อวิจารณ์จากคนนอกรั้วค่ายว่า ทหารได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอ และในเรื่องของรสชาตินั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล กินอย่างเดียวกันแต่ความชอบไม่เหมือนกัน ใช่-ไม่ใช่ ถูกปาก-ไม่ถูกปาก
จากประสบการณ์ที่ได้รับที่จะเป็นตัวฝึกเราในเรื่องของการกินอาหารนี้ก็คือ "ความเป็นผู้อยู่ง่ายกินง่าย" ในยามที่เราเงินขาดมือ , ประเทศตกอยู่ภาวะสงคราม หรือภัยพิบัติธรรมชาติ เราจะไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะกินเพื่อ "เอาชีวิตรอด" ถ้าใครที่เคยปฏิบัติแบบพุทธธรรมมาบ้าง เราจะใช้เวลาตรงนี้สังเกตลิ้นที่ไปกระทบกับอาหาร สังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนรู้รสว่าเป็นแบบไหน เกิดความอยากในรสชาติอาหารหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเป็นอีโก้ต่อไป เราพิจารณาอย่างนี้เพื่อตัดตอนกระบวนการการเกิดขึ้นของความทุกข์ นอกจากนี้ ทันทีที่นายทหารเวรส่งสัญญาณให้ทหารเริ่มกินข้าว ทหารที่ยึดติดกับรสชาติอาหารก็อาจเดินออกนอกโรงเลี้ยงเพื่อไปเดินแถวกับเพื่อนกลับกองร้อยช้า ข้อเสียก็คือ เราจะ "เสียวินัย" เรื่อง "การรักษาเวลา" เมื่อต้องไปทำงานข้างนอกแล้วหากผิดนัดเวลากับใครขึ้นมาจะส่งผลให้คู่นัดนั้นเกิดความไม่สบายใจ เสียเวลาไปทำกิจกรรมอื่น หรือร้ายแรงที่สุดคือ คู่นัดจะผิดตารางเวลาซึ่งได้วางแผนนัดเอาไว้กับอีกคนหนึ่งเมื่อเสร็จธุระกับคนที่ผิดนัดไป กลายว่าคู่นัดพลอยถูกคนอื่นตำหนิเข้าไปอีก
สำหรับใครที่รับรสชาติอาหารที่โรงเลี้ยงไม่ได้ (เราเป็นหนึ่งในนั้น ๕๕๕๕ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งนะ) ก็ต้องหาเวลาไปซื้ออาหารเองที่ร้านค้าสวัสดิการ ตรงนี้จะฝึกในเรื่องของ "วินัยการเงิน" ว่าเราสามารถใช้จ่ายให้อยู่ตามกรอบที่เราตั้งไว้สม่ำเสมอหรือไม่ บริหารหนี้สินที่ขอกินจากร้านค้าก่อนค่อยตามจ่ายทีหลังอย่างไร จะหารายได้จากไหนมาใช้หนี้ การพนัน , การเทรด , การลงทุน , ขายของออนไลน์ให้ทางพ่อแม่จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ฯลฯ