ปลายเมษายน 2566 ผมได้ไปชมนิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok ที่ไอคอนสยาม รู้สึกประทับใจคำคมตลอดการรับชม 40 นาที ขออนุญาตจดบันทึกแบ่งปันให้เพื่อน ๆ อ่านเก็บเป็นที่ระลึก นอกจากแวนโก๊ะห์จะเป็นศิลปินจิตรกรระดับโลกแล้ว ยังเป็นกวีฝีมือระดับพระกาฬอีกด้วย
1.
การเริ่มต้น อาจยากกว่าสิ่งอื่นใด
แต่โปรดจงเอาหัวใจเป็นเดิมพัน
แล้วทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
2.
ฉันปรารถนา
ให้เป็นที่ยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น
3.
สีที่ปรากฏในภาพ
คือความทะเยอทะยานของชีวิต
4.
ตลอดเส้นทาง 30 ปีของชีวิต
ฉันขอมอบบางสิ่งไว้
เพื่อแสดงความกตัญญูต่อโลก
ที่ได้ย่างเท้าก้าวเดินมา
5.
ฉันมักทำในสิ่งที่ทำไม่ได้
เพื่อเรียนรู้ว่า
จะทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร
6.
ฉันอยากให้งานศิลปะของฉัน
เข้าถึงจิตใจผู้คน
อยากให้ผู้คนเหล่านั้นพูดออกมาว่า
"เขารู้สึกดำดิ่ง เขารู้สึกปลอบโยน"
7.
ไม่ว่าจะเป็นภาพผู้คนหรือภาพทิวทัศน์
ฉันไม่ต้องการให้สื่อถึงอารมณ์เศร้าโศกเท่านั้น
แต่อยากจะถ่ายทอดถึงความทุกข์ระทมอย่างจริงจัง
8.
ฉันวาดภาพอย่างขยันหมั่นเพียร
เช่นเดียวกับผู้คนที่อุทิศแรงกายให้กับไร่นาของเขา
9.
ศิลปินไม่จำเป็นต้องเป็นนักบวชหรือบาทหลวง
เพียงแค่เขาต้องมีจิตใจที่เอื้ออาทรต่อมวลมนุษย์
10.
ภาพวาดนั้นมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เป็นชีวิตที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของจิตรกร
11.
ฉันมีกองไฟมหึมาลุกโชนอยู่ในตัว
แต่ไม่มีใครอยากรับความอบอุ่นจากมัน
พวกเขาเดินผ่านไป
มองเห็นแค่เพียงละอองควันเท่านั้น
12.
แม้ว่าบ่อยครั้งฉันจะจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
แต่ในความทุกข์นั้นฉันยังมีความสงบ
ความกลมกลืน และเสียงดนตรีหลงเหลืออยู่
13.
ไม่ว่าชีวิตในปารีสจะลำบากเพียงใด
ไม่ว่าปารีสจะแย่ลงขนาดไหน
อากาศที่นั่นจะช่วยให้สมองเราปลอดโปร่ง
"ปารีสคือโลกของสิ่งดี ๆ"
14.
คงมีแค่ฉันที่คิดว่า
หน้าที่ของจิตรกร
ต้องใส่อุดมคติลงไปในผลงานของพวกเขา
15.
เมื่อมองสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานมากพอ
มันจะมอบความหมายอันลึกซึ้งให้แก่คุณ
16.
ศิลปะจำเป็นต้องมี
การสังเกตอย่างต่อเนื่อง
17.
หากต้องทำเพื่อสุขภาพอย่างที่คุณกล่าว
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำสวน
และชมดอกไม้เสียบ้าง
18.
ฉันฝันถึงการวาดภาพ
จากนั้นฉันก็วาดความฝันของฉัน
19.
สุดท้ายแล้ว พวกเราต้องหยุดมองโลกในแง่ร้าย
หวาดระแวง และด้อยค่าตัวเอง
พวกเราต้องหันมาใช้ชีวิตให้มีสีสันมากขึ้น
เหมือนดั่งดนตรี
20.
ในภาพวาดของฉัน
ฉันต้องการที่จะปลอบโยนผู้คน
เช่นเดียวกับดนตรีที่ปลอบโยนผู้ฟัง
21.
ช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา
คือช่วงเวลาที่ฉันได้วาดภาพ
22.
ฉันคิดว่าบางครั้ง
ไม่มีอะไรเพลิดเพลินไปกว่าการวาดรูปอีกแล้ว
23.
คุณไม่สามารถอยู่ที่ขั้วโลกและเส้นศูนย์กลางของโลกพร้อมกันได้
คุณต้องเลือกเส้นทางของคุณ
เช่นเดียวกับฉัน ที่หวังไว้ว่าสิ่งนั้น น่าจะเป็นสี
24.
หากได้เรียนศิลปะญี่ปุ่น
เราจะเห็นคน ๆ หนึ่ง ที่ฉลาดหลักแหลม เป็นยอดนักปรัชญา
แต่กลับมุ่งหน้าศึกษาใบหญ้า...เพียงแค่ใบเดียว
25.
สิ่งที่ยิ่งใหญ่
เกิดจากการรวมสิ่งเล็ก ๆ หลายอย่างเข้าด้วยกัน
26.
หนทางที่จะรู้จักชีวิต
คือความรัก
ที่มีต่อทุกสรรพสิ่ง
27.
ชาวประมงต่างรู้ว่า
ทะเลนั้นแสนอันตราย มีพายุโหมกระหน่ำ
แต่ภัยอันตรายเหล่านี้
ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พวกเขานำเรือกลับเข้าฝั่ง
28.
ฉันแสวงหา ฉันดิ้นรน
และฉันก็ทุ่มเทมัน
ด้วยหัวใจทั้งหมดของฉัน
29.
โอ... สีเหลือง
ช่างงดงามอะไรเช่นนี้!
ช่างเคียงคู่กับดวงตะวันเสียจริง
30.
ดอกทานตะวันนี้เป็นของฉัน
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
31.
หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง
คุณจะพบว่าความงดงามอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
32.
ศิลปะไม่ใช่ภาษาของจิตรกร
แต่เป็นภาษาของธรรมชาติ
ที่ควรรับฟัง
33.
ฉันมีธรรมชาติ ศิลปะ และบทกวี
หากสิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ
แล้วสิ่งใดล่ะถึงจะเพียงพอ?
34.
จิตรกรแห่งอนาคต
จะเป็นจิตรกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการลงสี
แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
35.
กลุ่มก้อนของสี
ต่างเปล่งประกายเจิดจ้า
มีความงดงามในตัว
ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน
36.
หากพายุในจิตใจเริ่มเสียงดังเกินไป
ฉันจะดื่มให้เมาจนกว่าจะสงบลง
37.
ฉันพยายามสื่อความคิดที่ฉันมีต่อร้านกาแฟ
มันคือสถานที่ ๆ คนหนึ่งจะทำลายตัวเอง
เป็นบ้า หรือก่อเหตุอาชญากรรมได้
38.
ฉันพยายามสื่อเรื่องราว
ผ่านทางสีแดงและสีเขียว
ว่ากิเลสของมนุษย์ (passion)
มันแสนโหดร้ายเพียงใด
39.
เพื่อนสนิท คือขุมทรัพย์แห่งชีวิตที่แท้จริง
บางครั้งพวกเขารู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเองเสียอีก
ด้วยความซื่อสัตย์ อ่อนโยน
พวกเขาจะคอยชี้แนะ สนับสนุน
พวกเขาแบ่งปันเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
การปรากฏตัวของพวกเขา
ทำให้เรารู้ว่าเรานั้น
ไม่ได้อยู่อย่างเดียวดายจริง ๆ
40.
การจะทำงานให้ได้ผลดี
จะต้องกินดีอยู่ดี อยู่ดี
สนุกกับชีวิตเป็นครั้งคราว
ได้สูบไปป์ และดื่มกาแฟอย่างสงบสุขสักแก้ว
41.
ฉันมีความคิดใหม่ขึ้นมาในหัว...
คราวนี้มันคือห้องนอนธรรมดาของฉันเอง
ที่ ๆ สีทำหน้าที่ของมัน
ทำให้ของที่แสนจะธรรมดาดูยิ่งใหญ่
รู้สึกชวนน่าพักผ่อนหรือนอนหลับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า
การได้มองภาพนี้
จะทำให้สมอง หรือจินตนาการได้พักผ่อนลง
42.
เราใช้เวลาทั้งชีวิตในการฝึกฝนศิลปะ
โดยผ่านถ้อยคำของการแสดงความเห็นอย่างไม่รู้ตัว
43.
บางครั้ง ฉันใส่อารมณ์ลงไปในผลงานโดยไม่รู้ตัว
เส้นพู่กันนั้นเป็นเหมือนดั่งคำพูดของฉัน
44.
ฉันเห็นว่าช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับตัวเองมาก
จึงลองวาดภาพเหมือนตัวเองแทนการเขียนหนังสือ
45.
หากฉันล้มลงเมื่อไหร่
ฉันก็จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
46.
เราไม่สามารถบอกได้ว่า
สิ่งใดที่กำลังกักขังหรือฝังเราไว้อยู่
แต่เราสามารถสัมผัสถึงสิ่งกีดขวาง รั้ว หรือกำแพงบางอย่างได้
47.
ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน
ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่า
การเป็นตัวฉันเอง
พลังแห่งการสร้างสรรค์คือชีวิตของฉัน
48.
บ่อยครั้งที่คนเราไม่สามารถทำอะไรได้
เหมือนถูกกักขังเอาไว้
ฉันไม่สามารถอธิบายถึงความย่ำแย่นั่นได้
มันเป็นกรงขังที่น่ากลัวเหลือเกิน
49.
แม้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้าย
ฉันก็จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ฉันจะหยิบดินสอของฉัน
สลัดความท้อแท้และวาดภาพต่อไป
50.
ฉันได้พบกับช่วงเวลาที่น่าสะพรึงกลัวอย่างชัดเจน
ธรรมชาตินั้นดูสวยงาม
ฉันเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง
และภาพวาดก็ปรากฏขึ้นมาราวกับความฝัน
51.
บ่อยครั้ง วันเวลาผ่านไป
โดยที่ฉันไม่ได้พูดกับใครเลย
52.
เหมือนว่า ณ ตอนนี้
ทุกสิ่งกำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
เป็นเช่นนี้มาได้ระยะหนึ่ง
และอาจเป็นต่อไปอีกในอนาคต
53.
แต่เป็นไปได้ว่า
ทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
หลังจากที่มันถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด
ซึ่งฉันไม่อาจคาดหวังได้
เพราะมันอาจไม่มีวันเป็นจิรง
54.
เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกย่ำแย่
ฉันจึงต้องการ... ควรใช้คำนี้ดีไหม?
"...ศาสนา"
ฉันมักออกไปวาดภาพเหล่าหมู่ดาวเสมอ
55.
ฉันถามตัวเอง ว่าทำไมจุดที่ส่องแสงสุกสกาวบนท้องฟ้า
จึงไม่สามารถเข้าถึงได้
เหมือนจุดสีดำบนแผนที่ของฝรั่งเศส
56.
ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
แต่การได้เห็นดวงดาวทำให้ฉันฝัน
57.
พอรับรู้ถึงดวงดาวและจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
ชีวิตดูเหมือนมีมนต์ขลังขึ้นมา
58.
ฉันไม่สามารถเปลี่ยนความจริงได้ว่า
ภาพวาดของฉันขายไม่ออก
แต่สักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา
ผู้คนจะตระหนักว่า
ภาพเขียนเหล่านี้มีค่ามากกว่าเส้นสีที่ใช้
59.
ฉันรู้สึกถึงความสงบ
รู้สึกถึงความปลอดภัยบางอย่าง
ในท่ามกลางภัยอันตราย
จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
หากเราไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรเลย?
60.
ฉันยอมตายเพราะกิเลสตัณหา (passion)
ดีกว่าตายเพราะความเบื่อหน่าย
61.
ในชีวิตของศิลปิน
ความตายอาจไม่ใช่สิ่งที่ยากที่สุด
62.
ฉันจะไม่มีชีวิตอยู่
โดยปราศจากความรัก
63.
สักวันหนึ่ง ความตาย
จะนำพาเราไปยังดาวดวงอื่น
64.
ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เป็นศิลปะอย่างแท้จริง
มากไปกว่าการได้รักผู้คน
65.
ความรัก เป็นสิ่งที่อยู่ชั่วนิจนิรันดร
รูปแบบอาจเปลี่ยนแปลง
แต่เนื้อหายังคงเดิมเสมอ
66.
ฉันทุ่มเทหัวใจและวิญญาณ
ลงไปผลงานศิลปะ
จนสูญสิ้นจิตใจในระหว่างทำงาน
[CR] คำคมในนิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok
1.
การเริ่มต้น อาจยากกว่าสิ่งอื่นใด
แต่โปรดจงเอาหัวใจเป็นเดิมพัน
แล้วทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
2.
ฉันปรารถนา
ให้เป็นที่ยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น
3.
สีที่ปรากฏในภาพ
คือความทะเยอทะยานของชีวิต
4.
ตลอดเส้นทาง 30 ปีของชีวิต
ฉันขอมอบบางสิ่งไว้
เพื่อแสดงความกตัญญูต่อโลก
ที่ได้ย่างเท้าก้าวเดินมา
5.
ฉันมักทำในสิ่งที่ทำไม่ได้
เพื่อเรียนรู้ว่า
จะทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร
6.
ฉันอยากให้งานศิลปะของฉัน
เข้าถึงจิตใจผู้คน
อยากให้ผู้คนเหล่านั้นพูดออกมาว่า
"เขารู้สึกดำดิ่ง เขารู้สึกปลอบโยน"
7.
ไม่ว่าจะเป็นภาพผู้คนหรือภาพทิวทัศน์
ฉันไม่ต้องการให้สื่อถึงอารมณ์เศร้าโศกเท่านั้น
แต่อยากจะถ่ายทอดถึงความทุกข์ระทมอย่างจริงจัง
8.
ฉันวาดภาพอย่างขยันหมั่นเพียร
เช่นเดียวกับผู้คนที่อุทิศแรงกายให้กับไร่นาของเขา
9.
ศิลปินไม่จำเป็นต้องเป็นนักบวชหรือบาทหลวง
เพียงแค่เขาต้องมีจิตใจที่เอื้ออาทรต่อมวลมนุษย์
10.
ภาพวาดนั้นมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เป็นชีวิตที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของจิตรกร
11.
ฉันมีกองไฟมหึมาลุกโชนอยู่ในตัว
แต่ไม่มีใครอยากรับความอบอุ่นจากมัน
พวกเขาเดินผ่านไป
มองเห็นแค่เพียงละอองควันเท่านั้น
12.
แม้ว่าบ่อยครั้งฉันจะจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
แต่ในความทุกข์นั้นฉันยังมีความสงบ
ความกลมกลืน และเสียงดนตรีหลงเหลืออยู่
13.
ไม่ว่าชีวิตในปารีสจะลำบากเพียงใด
ไม่ว่าปารีสจะแย่ลงขนาดไหน
อากาศที่นั่นจะช่วยให้สมองเราปลอดโปร่ง
"ปารีสคือโลกของสิ่งดี ๆ"
14.
คงมีแค่ฉันที่คิดว่า
หน้าที่ของจิตรกร
ต้องใส่อุดมคติลงไปในผลงานของพวกเขา
15.
เมื่อมองสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานมากพอ
มันจะมอบความหมายอันลึกซึ้งให้แก่คุณ
16.
ศิลปะจำเป็นต้องมี
การสังเกตอย่างต่อเนื่อง
17.
หากต้องทำเพื่อสุขภาพอย่างที่คุณกล่าว
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำสวน
และชมดอกไม้เสียบ้าง
18.
ฉันฝันถึงการวาดภาพ
จากนั้นฉันก็วาดความฝันของฉัน
19.
สุดท้ายแล้ว พวกเราต้องหยุดมองโลกในแง่ร้าย
หวาดระแวง และด้อยค่าตัวเอง
พวกเราต้องหันมาใช้ชีวิตให้มีสีสันมากขึ้น
เหมือนดั่งดนตรี
20.
ในภาพวาดของฉัน
ฉันต้องการที่จะปลอบโยนผู้คน
เช่นเดียวกับดนตรีที่ปลอบโยนผู้ฟัง
21.
ช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา
คือช่วงเวลาที่ฉันได้วาดภาพ
22.
ฉันคิดว่าบางครั้ง
ไม่มีอะไรเพลิดเพลินไปกว่าการวาดรูปอีกแล้ว
23.
คุณไม่สามารถอยู่ที่ขั้วโลกและเส้นศูนย์กลางของโลกพร้อมกันได้
คุณต้องเลือกเส้นทางของคุณ
เช่นเดียวกับฉัน ที่หวังไว้ว่าสิ่งนั้น น่าจะเป็นสี
24.
หากได้เรียนศิลปะญี่ปุ่น
เราจะเห็นคน ๆ หนึ่ง ที่ฉลาดหลักแหลม เป็นยอดนักปรัชญา
แต่กลับมุ่งหน้าศึกษาใบหญ้า...เพียงแค่ใบเดียว
25.
สิ่งที่ยิ่งใหญ่
เกิดจากการรวมสิ่งเล็ก ๆ หลายอย่างเข้าด้วยกัน
26.
หนทางที่จะรู้จักชีวิต
คือความรัก
ที่มีต่อทุกสรรพสิ่ง
27.
ชาวประมงต่างรู้ว่า
ทะเลนั้นแสนอันตราย มีพายุโหมกระหน่ำ
แต่ภัยอันตรายเหล่านี้
ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พวกเขานำเรือกลับเข้าฝั่ง
28.
ฉันแสวงหา ฉันดิ้นรน
และฉันก็ทุ่มเทมัน
ด้วยหัวใจทั้งหมดของฉัน
29.
โอ... สีเหลือง
ช่างงดงามอะไรเช่นนี้!
ช่างเคียงคู่กับดวงตะวันเสียจริง
30.
ดอกทานตะวันนี้เป็นของฉัน
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
31.
หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง
คุณจะพบว่าความงดงามอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
32.
ศิลปะไม่ใช่ภาษาของจิตรกร
แต่เป็นภาษาของธรรมชาติ
ที่ควรรับฟัง
33.
ฉันมีธรรมชาติ ศิลปะ และบทกวี
หากสิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ
แล้วสิ่งใดล่ะถึงจะเพียงพอ?
34.
จิตรกรแห่งอนาคต
จะเป็นจิตรกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการลงสี
แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
35.
กลุ่มก้อนของสี
ต่างเปล่งประกายเจิดจ้า
มีความงดงามในตัว
ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน
36.
หากพายุในจิตใจเริ่มเสียงดังเกินไป
ฉันจะดื่มให้เมาจนกว่าจะสงบลง
37.
ฉันพยายามสื่อความคิดที่ฉันมีต่อร้านกาแฟ
มันคือสถานที่ ๆ คนหนึ่งจะทำลายตัวเอง
เป็นบ้า หรือก่อเหตุอาชญากรรมได้
38.
ฉันพยายามสื่อเรื่องราว
ผ่านทางสีแดงและสีเขียว
ว่ากิเลสของมนุษย์ (passion)
มันแสนโหดร้ายเพียงใด
39.
เพื่อนสนิท คือขุมทรัพย์แห่งชีวิตที่แท้จริง
บางครั้งพวกเขารู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเองเสียอีก
ด้วยความซื่อสัตย์ อ่อนโยน
พวกเขาจะคอยชี้แนะ สนับสนุน
พวกเขาแบ่งปันเสียงหัวเราะและหยาดน้ำตา
การปรากฏตัวของพวกเขา
ทำให้เรารู้ว่าเรานั้น
ไม่ได้อยู่อย่างเดียวดายจริง ๆ
40.
การจะทำงานให้ได้ผลดี
จะต้องกินดีอยู่ดี อยู่ดี
สนุกกับชีวิตเป็นครั้งคราว
ได้สูบไปป์ และดื่มกาแฟอย่างสงบสุขสักแก้ว
41.
ฉันมีความคิดใหม่ขึ้นมาในหัว...
คราวนี้มันคือห้องนอนธรรมดาของฉันเอง
ที่ ๆ สีทำหน้าที่ของมัน
ทำให้ของที่แสนจะธรรมดาดูยิ่งใหญ่
รู้สึกชวนน่าพักผ่อนหรือนอนหลับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า
การได้มองภาพนี้
จะทำให้สมอง หรือจินตนาการได้พักผ่อนลง
42.
เราใช้เวลาทั้งชีวิตในการฝึกฝนศิลปะ
โดยผ่านถ้อยคำของการแสดงความเห็นอย่างไม่รู้ตัว
43.
บางครั้ง ฉันใส่อารมณ์ลงไปในผลงานโดยไม่รู้ตัว
เส้นพู่กันนั้นเป็นเหมือนดั่งคำพูดของฉัน
44.
ฉันเห็นว่าช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับตัวเองมาก
จึงลองวาดภาพเหมือนตัวเองแทนการเขียนหนังสือ
45.
หากฉันล้มลงเมื่อไหร่
ฉันก็จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
46.
เราไม่สามารถบอกได้ว่า
สิ่งใดที่กำลังกักขังหรือฝังเราไว้อยู่
แต่เราสามารถสัมผัสถึงสิ่งกีดขวาง รั้ว หรือกำแพงบางอย่างได้
47.
ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน
ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่า
การเป็นตัวฉันเอง
พลังแห่งการสร้างสรรค์คือชีวิตของฉัน
48.
บ่อยครั้งที่คนเราไม่สามารถทำอะไรได้
เหมือนถูกกักขังเอาไว้
ฉันไม่สามารถอธิบายถึงความย่ำแย่นั่นได้
มันเป็นกรงขังที่น่ากลัวเหลือเกิน
49.
แม้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้าย
ฉันก็จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ฉันจะหยิบดินสอของฉัน
สลัดความท้อแท้และวาดภาพต่อไป
50.
ฉันได้พบกับช่วงเวลาที่น่าสะพรึงกลัวอย่างชัดเจน
ธรรมชาตินั้นดูสวยงาม
ฉันเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง
และภาพวาดก็ปรากฏขึ้นมาราวกับความฝัน
51.
บ่อยครั้ง วันเวลาผ่านไป
โดยที่ฉันไม่ได้พูดกับใครเลย
52.
เหมือนว่า ณ ตอนนี้
ทุกสิ่งกำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
เป็นเช่นนี้มาได้ระยะหนึ่ง
และอาจเป็นต่อไปอีกในอนาคต
53.
แต่เป็นไปได้ว่า
ทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
หลังจากที่มันถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด
ซึ่งฉันไม่อาจคาดหวังได้
เพราะมันอาจไม่มีวันเป็นจิรง
54.
เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกย่ำแย่
ฉันจึงต้องการ... ควรใช้คำนี้ดีไหม?
"...ศาสนา"
ฉันมักออกไปวาดภาพเหล่าหมู่ดาวเสมอ
55.
ฉันถามตัวเอง ว่าทำไมจุดที่ส่องแสงสุกสกาวบนท้องฟ้า
จึงไม่สามารถเข้าถึงได้
เหมือนจุดสีดำบนแผนที่ของฝรั่งเศส
56.
ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
แต่การได้เห็นดวงดาวทำให้ฉันฝัน
57.
พอรับรู้ถึงดวงดาวและจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
ชีวิตดูเหมือนมีมนต์ขลังขึ้นมา
58.
ฉันไม่สามารถเปลี่ยนความจริงได้ว่า
ภาพวาดของฉันขายไม่ออก
แต่สักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา
ผู้คนจะตระหนักว่า
ภาพเขียนเหล่านี้มีค่ามากกว่าเส้นสีที่ใช้
59.
ฉันรู้สึกถึงความสงบ
รู้สึกถึงความปลอดภัยบางอย่าง
ในท่ามกลางภัยอันตราย
จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
หากเราไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรเลย?
60.
ฉันยอมตายเพราะกิเลสตัณหา (passion)
ดีกว่าตายเพราะความเบื่อหน่าย
61.
ในชีวิตของศิลปิน
ความตายอาจไม่ใช่สิ่งที่ยากที่สุด
62.
ฉันจะไม่มีชีวิตอยู่
โดยปราศจากความรัก
63.
สักวันหนึ่ง ความตาย
จะนำพาเราไปยังดาวดวงอื่น
64.
ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เป็นศิลปะอย่างแท้จริง
มากไปกว่าการได้รักผู้คน
65.
ความรัก เป็นสิ่งที่อยู่ชั่วนิจนิรันดร
รูปแบบอาจเปลี่ยนแปลง
แต่เนื้อหายังคงเดิมเสมอ
66.
ฉันทุ่มเทหัวใจและวิญญาณ
ลงไปผลงานศิลปะ
จนสูญสิ้นจิตใจในระหว่างทำงาน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น