สวัสดีครับ เพื่อนๆนักลงทุน TFEX CLUB ทุกๆท่าน วันนี้จะมีข่าวอะไรบ้างที่น่าสนใจเราไปติดตามดูกันเลยครับ
STARK แจ้งบอร์ดยกทีมลาออก 7 คน "ชนินทร์-ศรัทธา-ประกรณ์" นำทีม
#STARK #ทันหุ้น-บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทมีการเปลี่ยนคณะกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท โดยเมื่อวันที่ 18 และ 19 เม.ย. 2566 บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการและกรรมการชุดย่อยของบริษัท จากกรรมการทั้งสิ้น 7 คน เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัทได้อย่างเต็มความสามารถ ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการจึงมีมติรับทราบการลาออกของกรรมการทั้ง 7 คนดังกล่าว และแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทนกรรมการที่ลาออก
โดยบริษัทได้รับหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2566 และการลาออกมีผลตั้งแต่ 18 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทน โดยมีผลตั้งแต่ 18 เม.ย. 2566 ประกอบด้วย
-นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริษัท ลาออก และแต่งตั้ง พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล เข้ามาเป็นแทน
-นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ กรรมการ ลาออก และแต่งตั้ง นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต แทน
-นายกุศล สังขนันท์ กรรมการอิสระ/กรรการตรวจสอบ /ประธานกรรมการสรรหา และพิจารณาค่าตอบแทน ลาออก แต่งตั้ง นายแสนธิป ศรีไพพรรณ แทน
บริษัทได้รับหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566 และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
-นายประกรณ์ เมฆจำเริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการ ลาออก ยังไม่ได้แต่งตั้งคนแทน
-นายนิรุทธ เจียกวธัญญู กรรมการ ลาออก และแต่งตั้งให้นายสุวัฒน์ เชวงโชติ เข้ามาแทน
-นายทรงภพ พลจันทร์ กรรมการอิสระ /ประธานกรรรมการตรวจสอบ ลาออก แต่งตั้ง นายนพดล ธีระบุตรวงศ์กุล แทน
บริษัทได้รับหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
-นายนิติ จึงนิจนิรันดร์ กรรมการอิสระ /กรรมการตรวจสอบ/ กรรมการสรรหา และพิจารณาค่าตอบแทน โดยยังไม่ได้แต่งตั้งคนมาแทน
นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้อนุมัติการแต่งตั้ง แต่งตั้ง นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแทน นายวรุณ อัตถากร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18เมษายน 2566 เป็นต้นไป
และแต่งตั้ง นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของบริษัทแทน นายกิตติพัฒน์ อินทรเกษตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
รวมถึงยกเลิกตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในบริหารจัดการบริษัท และเพื่อลดความซับซ้อนในโครงสร้างของทีมบริหารของบริษัท
Credit by :
https://thunhoon.com/article/271431?fbclid=IwAR3a4VCYb7LLDtE8Eo3S5ibeK1AZv2WM_mpLpn7IBoLWGmOwfUBUDMoqRdg
เจาะพอร์ตหุ้น PROUD ครอบครัว ‘สุวัจน์’ บิ๊ก 'ชาติพัฒนากล้า' รวยเฉียดพันล้าน
แม้ว่าชื่อของ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" และพรรคชาติพัฒนากล้า จะไม่ได้ถูกเรียกขานว่าเป็นพรรคยอดนิยมในระดับต้น ๆ แต่ทว่าจากชื่อเสียง และผลงานที่ผ่านมา ต้องถือเป็นหนึ่งในนักการเมืองน้ำดีที่มีประชาชนนิยมในระดับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะพรรคชาติพัฒนากล้าถูกจับตาเป็นพรรคตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยศึกเลือกตั้งครั้งนี้ "สุวัจน์" เป็นประธานพรรค มีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และมีน้องชาย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นเลขาธิการพรรค และส่วนใหญ่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด
ทั้งนี้จากการสำรวจโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า มีคนนามสกุล “ลิปตพัลลภ” ในครอบครัวของ “สุวัจน์” ซึ่งเป็นลูกชาย และลูกสาวเป็นเจ้าของกิจการ บมจ.พราว เรียล เอสเตท หรือ PROUD และเข้าถือหุ้นใหญ่ มูลค่ากว่า 885.54 ล้านบาท
โดย ณ วันที่ 21 มี.ค.66 น.ส. พราวพุธ ลิปตพัลลภ (ลูกสาวสุวัจน์) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 จำนวน 226,046,444 หุ้น หรือ 35.24% ราคาปิด ณ วันที่ 18 เม.ย.66 ที่ 2.04 บาท รวมมูลค่า 461.13 ล้านบาท และยังพบว่า มีตำแหน่งเป็น กรรมการ ด้วย
ขณะที่ นาย พสุ ลิปตพัลลภ (ลูกชายสุวัจน์ และพี่ชาย น.ส.พราวพุธ) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 2 จำนวน 208,046,445 หุ้น หรือ 32.43% รวมมูลค่า 424.41 ล้านบาท และยังพบว่า มีตำแหน่งเป็น กรรมการ
สำหรับ หุ้น PROUD ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้ 2,110.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งไม่มีรายได้ และมีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 97 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4/2565 บริษัทมีรายได้ 1,116 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 168 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหินได้อย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลังของปี 2565
ปัจจุบัน PROUD ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวความคิด “More than just living” เป็นหลัก เน้นพัฒนาโครงการในแหล่งทำเลที่สำคัญทั้งกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่ หัวหิน ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อเดิมคือ บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นหลักโดยจะรับงานก่อสร้างทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ในลักษณะผู้รับเหมาโดยตรง หรือผู้รับช่วง
สำหรับโครงการของ PROUD ณ ปัจจุบัน
1.InterContinental Residences Hua Hin อยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของหัวหิน ซึ่งมีราคาสูงในระดับ New High เนื่องจากเป็นที่ดินริมชายหาดผืนสุดท้ายกลางอำเภอเมืองหัวหิน บริหารงานโดยเครือโรงแรมระดับโลกอย่าง “IHG” ที่แรกในไทยบนที่ดินขนาด 7 ไร่ 2 งาน 48.8 ตารางวาติดชายหาดใจกลางเมืองหัวหินบนถนนเพชรเกษมช่วงซอยหัวหิน 71 (ตรงข้ามศูนย์การค้า Market Village) ซึ่งก่อสร้างเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร และ 4 ชั้น 8 อาคาร รวม 238 ยูนิต 1 ห้องนอนราคา 8.19 ล้านบาท และ 2 ห้องนอนราคา 18 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,813 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 3/63 - ไตรมาส 2/66
2.Vehha Hua Hin โครงการเวหาตั้งอยู่บน Prime Location เพียงไม่เกิน 10 นาทีก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ยอดฮิตในเมืองหัวหินได้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่อยู่ใจกลางเมืองหัวหิน โดยมีคอนเซ็ปต์โครงการคือ Happiness Happens ครบครันทั้ง Family Zone, Relax Zone และ Retreat Zone รวมพื้นที่ส่วนกลางเกือบ 2 ไร่ (2,647 ตร.ม.) ที่แทรกอยู่ระหว่างชั้นกว่า 10 ชั้น มีจำนวน 364 ยูนิต เริ่มต้น 3.29 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 1/66 - ไตรมาส 3/68
3.VI Ari เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นในยุค 1970-1980s ที่ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 3 จำนวน 6 ยูนิต เริ่มต้นราคา 82 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 495 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 3/65 - ไตรมาส 1/67
Credit by :
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1063726?fbclid=IwAR3IF0pSbak9LcXPJIK43VPUKK5fwk1FQ9RbV4qYXQ0W3aHUg7IfALUrmaw
ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด จับตาเฟดเผย Beige Book คืนนี้
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,834.44 จุด ลบ 142.19 จุด หรือ 0.42%
หุ้นกลุ่มพลังงานฉุดตลาดในวันนี้ ตามการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว
ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลงกว่า 1% ในการซื้อขายวันนี้ หลังเปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ที่ลดลงในไตรมาส 1/2566 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจวาณิชธนกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุเตือนในการประชุมเดือนมี.ค.ว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายบอสติกสวนทางคาดการณ์ของตลาด ซึ่งมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ก่อนสิ้นปี 2566
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย
Credit by :
https://th.investing.com/news/stock-market-news/article-113733?fbclid=IwAR2fuPNYsoGAOkt9INu6nsPi-FQepcVe8ogNGYbq-s-lHLCv0CLnqBp9WyU
อัพเดทราคาหุ้น TFEX และ ทองคำ 20/04/2023
โดยบริษัทได้รับหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2566 และการลาออกมีผลตั้งแต่ 18 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทน โดยมีผลตั้งแต่ 18 เม.ย. 2566 ประกอบด้วย
-นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริษัท ลาออก และแต่งตั้ง พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล เข้ามาเป็นแทน
-นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ กรรมการ ลาออก และแต่งตั้ง นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต แทน
-นายกุศล สังขนันท์ กรรมการอิสระ/กรรการตรวจสอบ /ประธานกรรมการสรรหา และพิจารณาค่าตอบแทน ลาออก แต่งตั้ง นายแสนธิป ศรีไพพรรณ แทน
บริษัทได้รับหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566 และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
-นายประกรณ์ เมฆจำเริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการ ลาออก ยังไม่ได้แต่งตั้งคนแทน
-นายนิรุทธ เจียกวธัญญู กรรมการ ลาออก และแต่งตั้งให้นายสุวัฒน์ เชวงโชติ เข้ามาแทน
-นายทรงภพ พลจันทร์ กรรมการอิสระ /ประธานกรรรมการตรวจสอบ ลาออก แต่งตั้ง นายนพดล ธีระบุตรวงศ์กุล แทน
บริษัทได้รับหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
-นายนิติ จึงนิจนิรันดร์ กรรมการอิสระ /กรรมการตรวจสอบ/ กรรมการสรรหา และพิจารณาค่าตอบแทน โดยยังไม่ได้แต่งตั้งคนมาแทน
นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้อนุมัติการแต่งตั้ง แต่งตั้ง นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแทน นายวรุณ อัตถากร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18เมษายน 2566 เป็นต้นไป
และแต่งตั้ง นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของบริษัทแทน นายกิตติพัฒน์ อินทรเกษตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
รวมถึงยกเลิกตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในบริหารจัดการบริษัท และเพื่อลดความซับซ้อนในโครงสร้างของทีมบริหารของบริษัท
Credit by : https://thunhoon.com/article/271431?fbclid=IwAR3a4VCYb7LLDtE8Eo3S5ibeK1AZv2WM_mpLpn7IBoLWGmOwfUBUDMoqRdg
โดยศึกเลือกตั้งครั้งนี้ "สุวัจน์" เป็นประธานพรรค มีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และมีน้องชาย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นเลขาธิการพรรค และส่วนใหญ่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด
ทั้งนี้จากการสำรวจโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า มีคนนามสกุล “ลิปตพัลลภ” ในครอบครัวของ “สุวัจน์” ซึ่งเป็นลูกชาย และลูกสาวเป็นเจ้าของกิจการ บมจ.พราว เรียล เอสเตท หรือ PROUD และเข้าถือหุ้นใหญ่ มูลค่ากว่า 885.54 ล้านบาท
โดย ณ วันที่ 21 มี.ค.66 น.ส. พราวพุธ ลิปตพัลลภ (ลูกสาวสุวัจน์) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 จำนวน 226,046,444 หุ้น หรือ 35.24% ราคาปิด ณ วันที่ 18 เม.ย.66 ที่ 2.04 บาท รวมมูลค่า 461.13 ล้านบาท และยังพบว่า มีตำแหน่งเป็น กรรมการ ด้วย
ขณะที่ นาย พสุ ลิปตพัลลภ (ลูกชายสุวัจน์ และพี่ชาย น.ส.พราวพุธ) ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 2 จำนวน 208,046,445 หุ้น หรือ 32.43% รวมมูลค่า 424.41 ล้านบาท และยังพบว่า มีตำแหน่งเป็น กรรมการ
สำหรับ หุ้น PROUD ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้ 2,110.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งไม่มีรายได้ และมีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 97 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4/2565 บริษัทมีรายได้ 1,116 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 168 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหินได้อย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลังของปี 2565
ปัจจุบัน PROUD ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวความคิด “More than just living” เป็นหลัก เน้นพัฒนาโครงการในแหล่งทำเลที่สำคัญทั้งกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่ หัวหิน ซึ่งก่อนหน้านี้ชื่อเดิมคือ บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นหลักโดยจะรับงานก่อสร้างทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ในลักษณะผู้รับเหมาโดยตรง หรือผู้รับช่วง
สำหรับโครงการของ PROUD ณ ปัจจุบัน
1.InterContinental Residences Hua Hin อยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของหัวหิน ซึ่งมีราคาสูงในระดับ New High เนื่องจากเป็นที่ดินริมชายหาดผืนสุดท้ายกลางอำเภอเมืองหัวหิน บริหารงานโดยเครือโรงแรมระดับโลกอย่าง “IHG” ที่แรกในไทยบนที่ดินขนาด 7 ไร่ 2 งาน 48.8 ตารางวาติดชายหาดใจกลางเมืองหัวหินบนถนนเพชรเกษมช่วงซอยหัวหิน 71 (ตรงข้ามศูนย์การค้า Market Village) ซึ่งก่อสร้างเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร และ 4 ชั้น 8 อาคาร รวม 238 ยูนิต 1 ห้องนอนราคา 8.19 ล้านบาท และ 2 ห้องนอนราคา 18 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,813 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 3/63 - ไตรมาส 2/66
2.Vehha Hua Hin โครงการเวหาตั้งอยู่บน Prime Location เพียงไม่เกิน 10 นาทีก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ยอดฮิตในเมืองหัวหินได้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่อยู่ใจกลางเมืองหัวหิน โดยมีคอนเซ็ปต์โครงการคือ Happiness Happens ครบครันทั้ง Family Zone, Relax Zone และ Retreat Zone รวมพื้นที่ส่วนกลางเกือบ 2 ไร่ (2,647 ตร.ม.) ที่แทรกอยู่ระหว่างชั้นกว่า 10 ชั้น มีจำนวน 364 ยูนิต เริ่มต้น 3.29 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 1/66 - ไตรมาส 3/68
3.VI Ari เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นในยุค 1970-1980s ที่ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 3 จำนวน 6 ยูนิต เริ่มต้นราคา 82 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 495 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง ไตรมาส 3/65 - ไตรมาส 1/67
Credit by : https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1063726?fbclid=IwAR3IF0pSbak9LcXPJIK43VPUKK5fwk1FQ9RbV4qYXQ0W3aHUg7IfALUrmaw
หุ้นกลุ่มพลังงานฉุดตลาดในวันนี้ ตามการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 5.2% ในไตรมาส 1/2566 หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1.4% ในไตรมาสดังกล่าว
ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลงกว่า 1% ในการซื้อขายวันนี้ หลังเปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ที่ลดลงในไตรมาส 1/2566 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจวาณิชธนกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุเตือนในการประชุมเดือนมี.ค.ว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายบอสติกสวนทางคาดการณ์ของตลาด ซึ่งมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ก่อนสิ้นปี 2566
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย
Credit by : https://th.investing.com/news/stock-market-news/article-113733?fbclid=IwAR2fuPNYsoGAOkt9INu6nsPi-FQepcVe8ogNGYbq-s-lHLCv0CLnqBp9WyU